'เสี่ยอ่าง' อบรม 'ไพร่หมื่นล้าน' ตั้งพรรค-เป็นหัวหน้าพรรคไม่ง่ายอย่างที่คิด!


เพิ่มเพื่อน    

18 ธ.ค.61 - นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” แสดงความคิดเห็นกรณีสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ลาออกจากพรรค เพราะไม่พอใจการคัดเลือกผู้สมัคร “ไพรมารีโหวต” ที่ส่อไปในทางไม่โปร่งใส โดยระบุว่า “ทำให้ประเทศไทย ไม่ง่ายอย่างที่คิด”

หากใครไม่รู้ คิดว่าการตั้งพรรคมันง่าย ใครๆก็เป็นหัวหน้าพรรคได้ ลองมาฟังชูวิทย์

ผมเคยตั้งพรรคมาหลายพรรค เริ่มจากปี 47 พรรคแรก “พรรคต้นตระกูลไทย“ ลงสมัครผู้ว่า กทม. ผู้คนเขาดูถูก เพื่อนฝูงหัวเราะเยาะเย้ย ว่า “เฮ้ย ! มึงล้อเล่นหรือเปล่า?” ผมตอบ “กูเอาจริง บ้าก็บ้าวะ”

ผมปูพรม ใช้กลยุทธ์ “ให้โอกาสชูวิทย์สักครั้ง” เพราะขณะนั้นเพิ่งจบการทะเลาะกับตำรวจนครบาล การเอาตัวรอดของผม ใช้ช่องกฎหมาย และลีลาประกอบ หากไม่ทำ คงเอาตัวไม่รอด

ผมรู้ว่า การเมือง กทม. ยึดกระแสเป็นหลัก จึงเน้นใช้สื่อ ป้ายเยอะเข้าไว้ นโยบายไม่ต้องมากให้เลอะเทอะ คน กทม. เขายุ่งกับการทำมาหากิน บางทียังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า ผู้ว่า กทม. ชื่ออะไร ?

เลือกตั้งครั้งนั้น ผมได้ 300,000 กว่าคะแนน คนตกใจไม่คิดว่าจะได้มากขนาดนั้น เพื่อนฝูงเสียพนันรถกันเป็นคันๆ เพราะคิดว่ายังไงเสียก็ได้ไม่เกิน 100,000

แต่เมื่อมีคะแนนแบบนี้ ทางการเมืองเขาเรียกว่า “มีราคา” ขึ้นมาในบัดดล บรรหารเอาดอกไม้มาให้ ชวนเข้าพรรคชาติไทย เป็นรองหัวหน้าพรรค มีหรือที่ชูวิทย์จะไม่เอา จากย่านรัชดาฯ ประชุมกับหมอนวด เชียร์แขก เดินทางมาถึงดุสิต ได้ประชุมกับอดีตนายกรัฐมนตรี จากหัวหน้าพรรคที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะทำได้ หาว่าออกทะเลไปแล้ว เจอลูกนี้เข้าไปมีมึน

ยังจำได้ชัด ผมบอกบรรหารว่า เลือกตั้งผู้ว่าฯหมดเงินไป 8 ล้าน บรรหารตกใจ “คุณทำได้อย่างไร? บ้านนอกลงเขตก็หมด 30 ล้านแล้ว”

เรื่องราวการทำพรรคเป็นอย่างไร ชูวิทย์จะบอกเคล็ดลับให้รู้ไว้ ว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

อีกโพสต์ของนายชูวิทย์ ระบุว่า EP.2 “เป็นหัวหน้าพรรคใหม่ ไม่ง่ายอย่างที่คิด”

เรื่องจริงที่หัวหน้าพรรคใหม่ต้องเจอ !

การเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ มันช่างน่าปวดเศียรเวียนเกล้า

ตอนเริ่มตั้งพรรคเหมือนจะคุมได้ แต่พอสมาชิกเพิ่มขึ้น คนมากขึ้น เรื่องมันก็มากขึ้น มวลมหาสมาชิก กระสัน ใฝ่ฝัน อยากเป็น ส.ส. หรือแม้แต่เป็นแค่ “ผู้สมัคร” เพิ่มโปรไฟล์ประวัติชีวิตให้ดูมี “สตอรี่” หลากหลายประเภทที่เข้ามามีตั้งแต่

1. รู้มาก แต่ไม่ทำ ขี้โม้ รู้จักตั้งแต่รัฐมนตรี ปลัด ผอ. ยันภารโรง แต่ไม่ยอมทำอะไรสักอย่าง

2. รู้น้อย แต่เสือกทุกเรื่อง ไปไหนไปด้วย ช่วยบาทเดียว

3. มาเดี่ยว เก่งคนเดียว มาดนิ่งแบบนักวิชาการ ด็อกเตอร์เรียกพ่อ แต่หาพวกไม่มี (เงินก็ไม่มี)

4. บ้าการเมือง รู้เบื้องลึกถึงหลังบ้าน แต่พอเอาเข้าจริง ต้องเงินมางานถึงเดิน

5. ตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ผ่านประสบการณ์ล้านแปด เป็นสารพัดที่ปรึกษา สารพันกรรมการ จนถึงอดีตผู้สมัคร ส.ส. หลายสมัย แต่ทุกสมัยได้คะแนนแค่หลักร้อย

6. พวกอยู่เป็น ยิ่งอยู่ ยิ่งรวย ชักเปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันรถหาเสียง บวกทุกอย่าง ทุกเรื่องที่ได้เงิน(ทอน)

เป็นหัวหน้าพรรค มันช่างชีช้ำ เงินไหลเป็นน้ำก๊อกบ้านเศรษฐี ไหลไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ เพราะไม่ว่าจะเป็นสมาชิกประเภทไหนที่กล่าวมาข้างบน ล้วนยึดถือนโยบายเดียวกัน คือ “หัวหน้าพรรค ควักคนเดียว”

ทำธุรกิจหาเงินมาเลือดตาแทบกระเด็น แล้วต้องมาละเลงกับการเมือง คงหมดตัว ผมจึงตั้งนโยบายแม่น้ำสายเดียว คือ “ใครอยากลง จ่ายเงินกันเอง” ทั้งค่าป้ายหาเสียง รถหาเสียง ทีมงาน และค่าใช้จ่ายจิปาถะ ของใครของมัน

ผลลัพธ์ เหมือนคณะตลกออกงานบุญ บางคนเอาถุงปุ๋ยมาทำป้าย บางคนใส่เสาอากาศที่หัวเพื่อเรียกร้องความสนใจ บางคนเอารถซาเล้งมาทำเป็นรถหาเสียง เข้าทำนอง “คนจนผู้ยิ่งใหญ่”

ผมคิดในใจ พังแน่กู !

#ISHALLRETURN


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"