รุมยำโต๊ะจีนระดมทุน จ่อชงกกต.สอบ'พปชร.-รปช.'จี้เปิดชื่อผู้บริจาค


เพิ่มเพื่อน    

    “พปชร.” พา “รปช.” ซวย การเมืองรุมถล่มโต๊ะจีนระดมทุน เตรียมชง กกต.-ป.ป.ช.ตรวจสอบ “มาร์ค-ตู่” บี้เปิดรายชื่อผู้บริจาคเงิน เพื่อไทยได้ทีขย่มสะท้อนความเหลื่อมล้ำ พรรคจะปูเสื่อให้นำอาหารมาแลกเปลี่ยนกันกิน “ป๋าเปรม” เตรียมเปิดบ้านสี่เสาฯ ให้ “นายกฯ” นำ ครม.-กองทัพอวยพร 27 ธ.ค. รับห่วงหลังเลือกตั้ง “ประยุทธ์” ปิดประตูใช้มาตรา 44 แก้เบอร์เดียวทั่วประเทศ นักการเมืองพาเหรดชง กกต.โชว์เพาเวอร์กดดัน คสช.ให้ใช้อำนาจ พลังประชารัฐเตรียมสร้างกระแสอีกรอบ ปราศรัยพร้อมกัน 5 จุดอาทิตย์นี้
    เมื่อวันพฤหัสบดี ในแวดวงการเมืองมีการวิพากษ์วิจารณ์การจัดงานเลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุน ทั้งในส่วนของพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โต๊ะละ 1 ล้านบาท และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โต๊ะละ 3 ล้านบาทอย่างกว้างขวาง โดย น.ส.จุฑาฑัตต เหล่าธรรมทัศน์ เหรัญญิกพรรค รปช. ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงงานระดมทุนพรรคว่า มียอดการจำหน่ายโต๊ะอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 234 โต๊ะ และ 4 ที่นั่ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 234,400,000 บาท โดยเงินทุนที่ได้รับหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว จะเป็นเงินทุนในการดำเนินการจัดกิจกรรมของพรรคต่อไป รวมถึงเป็นเงินทุนในการใช้จ่ายหาเสียงเลือกตั้งในปีหน้านี้
    นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 21 ธ.ค.สมาคมจะนำเรื่องการจัดระดมทุนของทั้ง 2 พรรคไปร้องเรียนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าเป็นการจัดเลี้ยงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และเข้าข่ายการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงใดๆ เพราะมีการนำนักร้อง นักแสดง มาโชว์ในเวทีตามมาตรา 73 (3) (4) ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 หรือไม่ และขัดต่อ พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2561 ที่เน้นให้สมาชิกจ่ายเงินให้พรรคการเมืองเฉพาะผู้ก่อตั้งและสมัครสมาชิกเป็นหลักหรือไม่
“การที่พรรคการเมืองจัดงานระดมเงินโดยที่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งเป็นการขัดกฎหมายดังกล่าวโดยชัดแจ้ง อีกทั้งขัดต่อเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการเมือง ที่มุ่งเน้นให้พรรคการเมืองเป็นพรรคของมหาชน ไม่ใช่พรรคนายทุนที่จ่ายเงินซื้อโต๊ะจีนราคาแพงลิ่ว เพราะหวังผลประโยชน์ตอบแทนในอนาคตนั่นเอง”นายศรีสุวรรณระบุ
    นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน โพสต์เฟซบุ๊กเช่นกันว่า  งานระดมทุนพรรคพลังประชารัฐเตรียมตัวโดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ เพราะโต๊ะจีนราคา 3 ล้าน โต๊ะหนึ่งมี 10 ที่นั่ง ตกที่นั่งละ 300,000 บาท ต้องตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐ (รัฐมนตรี และข้าราชการ) จำนวนเท่าใดที่เข้าร่วมงานนี้ ซึ่งต้องซื้อบัตรเข้าร่วมงาน หรือมีผู้ใดออกเงินให้ หากอ้างว่ามีคนอื่นออกเงินให้ก็เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. กรณีรับของขวัญมีมูลค่าเกิน 3 พันบาท หากบรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าร่วมงานอ้างว่าซื้อบัตรเข้าร่วมงานเอง ก็ต้องเอาใบเสร็จมาแสดง 
“หากเอาเงินตัวเองซื้อบัตรเข้าร่วมงาน กรณีนี้อาจต้องถูกตรวจสอบว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ร่ำรวยขนาดซื้อบัตรราคา 300,000 บาทได้อย่างไร เรื่องนี้ยาวและซวยแล้วละครับ  ที่สำคัญ ความผิดสำเร็จแล้วจะแก้ตัวกันอย่างไร” นายวีระโพสต์
บี้เปิดรายชื่อคนบริจาค
        ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า การจะจัดระดมทุนจะเป็นโต๊ะจีน หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ ผู้ที่บริจาคเงินตั้งแต่ 1 แสนบาทขึ้นไปต้องเปิดเผยชื่อตัวเองอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าบอกว่าจัด 200 โต๊ะแล้วก็ขายบัตร โดยไม่รู้ใครมาซื้อบัตรแล้วมีเงินมา 600 ล้านบาท อย่างนี้ทำไม่ได้ ต้องมีการแสดงว่าใครเป็นคนที่ซื้อโต๊ะ ซึ่งถือเสมือนเป็นผู้บริจาค เขาต้องเปิดเผยชื่อผู้บริจาค สื่อก็ไปตรวจสอบได้ว่าใครไปนั่งกินบ้าง กรณีของ พปชร.มีประเด็นว่า ต้องให้มั่นใจด้วยว่าไม่มีการเอาตำแหน่งหน้าที่ในรัฐบาลไปใช้ในการระดมทุน
    นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุเช่นกันว่า เป็นสิ่งที่ควรเข้าไปตรวจ เพราะเป็นสิ่งที่ผิดปกติ โดยนึกถึงตัวเองที่ไม่ใช่คนยากลำบาก แต่จะให้ควักเงิน 3 แสนบาทไปนั่งทานอาหารยังคิดเยอะเลย แต่นี่สามารถทำได้ถึง 200 โต๊ะ มีคนถึง 2 พันคนที่ยอมควักเงิน 3 แสนไปนั่งทานอาหารมื้อหนึ่ง ก็เป็นเรื่องพิเศษที่ กกต.ควรเข้าไปตรวจสอบ
    เมื่อถามถึงการระดมทุนของพรรค พท. นายภูมิธรรมตอบว่า จะดูว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่คงไม่มีศักยภาพพอที่จะทำได้เท่ารัฐบาลที่ขายโต๊ะละ 3 ล้านบาท เพราะสวนทางกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่กำลังยากลำบาก ยิ่งชี้ให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำ
    นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้า พท. กล่าวทำนองเดียวกันว่า การขายโต๊ะจีนดังกล่าวเป็นการตบหน้าประชาชน รัฐบาลแจกเงินประชาชนผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 500 บาท แต่กลับมาเปิดระดมทุนอย่างหรูหัวละ 3 แสนบาท แสดงให้เห็นว่าคนจนไม่มีสิทธิ์เข้างานหรือมีส่วนร่วมสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำ ขอเรียกร้องให้นายกฯ นำเอาประเด็นนี้ไปหารือในคณะกรรมการแก้ไขความยากจน และหากมี 4 รัฐมนตรีเข้าร่วมประชุม ควรให้ชี้แจงด้วยว่าจะแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างไร
    "พรรคไม่จัดงานระดมทุนใหญ่โตอย่างพลังประชารัฐแน่นอน แต่จะใช้รูปแบบการจัดในพื้นที่กว้าง ปูเสื่อให้ประชาชนที่สนใจนำอาหารมาแลกเปลี่ยน นั่งรับประทานร่วมกัน ผมจะทำอาหารมาร่วมด้วย ส่วนใครสมัครใจจะบริจาคเท่าใดก็แล้วแต่ บาทเดียวก็พร้อมรับ”นายปลอดประสพกล่าว
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ กองเชียร์พรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) กล่าวว่า การจัดแบบนี้เป็นเพียงพิธีกรรมทางการเมือง ซึ่งมันสะท้อนอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งนี้ รายนามผู้บริจาคกี่คน คนละเท่าไรนั้น ก็ควรเปิดเผยต่อประชาชน เพื่อให้เห็นความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรทับซ้อน ไม่มีผู้เกี่ยวข้องกับโครงการต่างๆ ของรัฐบาล เป็นไปได้หรือไม่หากมีการจัดงานในลักษณะแบบนี้อีก ขอให้มีการแสดงรายชื่อรายนามผู้ซื้อโต๊ะ ส่วนคนที่จัดไปแล้วก็แถลงมา กกต. ก็นำมาเผยแพร่กับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา  
    น.ส.พรพรหม พรหมชาติ รองโฆษก พ.พ.ช. กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตการระดมทุนของ พปชร.เป็นการกระทำที่ผิด พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 73 ข้อ 3 หรือไม่ ซึ่งมีผลบังคับใช้ 90 วันตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.2561 โดยในงานระดมทุนได้มีการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินหลายกลุ่ม น่าจะเข้าข่ายทำการโฆษณาหาเสียงโดยจัดให้มีมหรสพ หรืองานรื่นเริงต่างๆ กรณีนี้ กกต.ต้องชี้แจงว่าเข้าข่ายต่อการผิดกฎหมายหรือไม่
    นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์การต่อต้านคอร์รัปชัน ปฏิเสธให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว โดยระบุเพียงสั้นๆ ว่า ขอไม่ให้ความเห็นเกี่ยวกับกระบวนการของพรรคการเมืองแต่ละพรรค หากพบว่ามีจริง ขอให้สื่อไปถามคนที่จับเรื่องนี้แล้วกัน
    หลังมีกระแสเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปที่แกนนำพรรค พปชร.หลายคน ซึ่งได้ให้การปฏิเสธ โดยระบุเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่ทราบ และขอให้ไปถามนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นหัวหน้าคณะผู้จัดงาน” โดยตลอดช่วงเย็น ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อโทรศัพท์หานายณัฏฐพล เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว แต่ไม่สามารถติดต่อได้
    ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง  กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากระทรวงการคลังได้มีการจ่ายเงินซื้อโต๊ะจีนเพื่อสนับสนุนพรรค พปชร. จำนวน 20 โต๊ะ รวมเป็นเงินกว่า 60 ล้านบาทว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง และเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะตามหลักของการนำเงินงบประมาณรัฐมาใช้ จะไม่สามารถนำมาใช้ในการระดมทุนหรือสนับสนุนพรรคการเมืองได้ ที่สำคัญอีกอย่าง หากเป็นข้าราชการแล้ว ก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทางการเมืองได้ เพราะจะต้องวางตัวเป็นกลาง ทำงานเพื่อประเทศและประชาชนเป็นหลัก แต่ถ้าหากใครเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ จะถือว่ามีความผิด
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามหน่วยงานรัฐ และรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลัง รวมทั้งธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทั้งหมด ก็ได้รับการยืนยันว่า ไม่ได้รับคำสั่งให้ไปจองโต๊ะหรือให้เข้าไปร่วมงานดังกล่าวแต่อย่างใด
“ป๋า”เปิดบ้านสี่เสาฯ
    วันเดียวกัน พล.อ.พิศณุ พุทธวงศ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษฯ นายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวว่า พล.อ.เปรมเตรียมเปิดบ้านวันที่ 27 ธ.ค.นี้ เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำคณะรัฐมนตรีและผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าอวยพรและขอพรเนื่องในวันปีใหม่ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์เพียงคณะเดียว ซึ่ง พล.อ.เปรม มีสุขภาพแข็งแรงดี ยังคงเดินได้ตามปกติ และยังคงเป็นห่วงบ้านเมือง เพราะใกล้จะเลือกตั้ง แล้วหลังเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรต่อไป
    ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์อย่างมีอารมณ์เมื่อถูกถามกรณีหลายพรรคการเมืองเสนอให้แก้กฎหมาย หรือใช้มาตรา 44 ให้การเลือกตั้งเป็นแบบเบอร์เดียวทั่วประเทศว่า ไม่ใช้ ไม่ใช่เรื่อง เป็นเรื่องที่ไปตกลงกันให้เรียบร้อยกับ กกต. ไม่ได้เกี่ยวข้องตรงนี้ อะไรก็มาตรา 44 ตลอด บอกแล้วให้แก้ไขปัญหาการบริหารราชการเป็นหลัก
    เมื่อถามว่า นายจตุพรเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์อยากเป็นนายกฯ ต่อ และอีกไม่กี่วันจะตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกฯ และหัวหน้า คสช. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไปถามจตุพรเขาโน่น เพราะไม่ได้พูดอะไรสักคำ บอกว่าจะทำหน้าที่จนกว่าจะจบหน้าที่ของตนเอง ตอนนี้จบหรือยัง ไปถามเขาโน่น อย่ามากดดันตนเองแบบนี้ ประเทศชาติ ประชาชน เขาต้องการอะไรในขณะนี้ เขาต้องการความสงบสุขใช่หรือไม่ เขาต้องการให้มีการเลือกตั้งที่สุจริต โปร่งใส เป็นธรรมใช่หรือไม่ หรือท่านไม่อยากได้แบบเดิม ถ้าไม่อยากได้แบบเดิมก็ต้องไปแก้ไข ถ้ายังทำแบบเดิม พูดกันแบบเดิม ให้ร้ายกันแบบเดิมก็ไปไม่ได้กันอยู่ดี จะไปได้อย่างไร 
“ผมบอกแล้วว่าการเมืองคือการบริหารราชการแผ่นดิน แนะนำคนดีเข้าสู่การบริหารราชการแผ่นดิน ถามว่าคนดีก็คือคนดี คนเก่ง คนซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส ไม่มีความประพฤติเสียหายมัวหมอง เหล่านี้ต้องได้รับการพิจารณาจากประชาชนโดยตรง ใครที่ทำความผิดทำความเสียหาย สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน คนเหล่านี้ไม่ควรได้รับการสนับสนุน ผมพูดอย่างนี้ในฐานะที่เป็นรัฐบาล” นายกฯ กล่าว และว่า ต้องปรับทุกคน ตนเองยังต้องปรับตัวเอง ไม่ปรับตัวได้อย่างไร เขาเป็นใคร 
เมื่อถามว่า หาก 4 รัฐมนตรีที่ไปร่วมงานกับ พปชร.ลาออกจะกระทบกับการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์เดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที พร้อมกล่าวสั้นๆ ว่า เขายังไม่ออก ส่วนเวลาไหนถึงจะเหมาะสมลาออกนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินพร้อมส่ายศีรษะกล่าวว่า ไม่รู้ ไปถามเขาเอา
    นายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรค ปชป. กล่าวถึงกรณี กกต.ปฏิเสธเสนอรัฐบาลใช้มาตรา 44 แก้ไขให้บัตรเลือกตั้งใช้แบบเบอร์เดียวทั่วประเทศว่า การจะทำให้เบอร์เดียวมี 2 แนวทาง คือ ครม.และ กกต.ในฐานะผู้ปฏิบัติที่ทราบถึงปัญหาเสนอ สนช.และ คสช.ใช้มาตรา 44 ดำเนินการ โดยไม่ว่าเลือกทางใดทางหนึ่ง ควรทำให้เสร็จก่อนวันที่ 25 ม.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาได้หมายเลขผู้สมัคร และยังไม่ได้พิมพ์บัตร โดยหากเสนอให้ สนช.แก้ไขเรื่องดังกล่าวใน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ก็เท่ากับเป็นการประจาน สนช.ว่าไม่พิจารณาให้รอบคอบสมบูรณ์ แต่ถ้าใช้ช่องทางมาตรา 44 อย่าลืมว่ารัฐบาลเคยใช้มาตราดังกล่าวแก้ไขปัญหามาหลายครั้งแล้ว
บี้ กกต.กดดัน คสช.
    “เข้าใจว่า กกต.มีภาระมาก แต่อยากให้มองสิ่งนี้ว่าทำให้การเลือกตั้งดีขึ้น ไม่ทำให้ประชาชนสับสน อย่ามองว่าการใช้มาตรา 44 เป็นเรื่องน่ารังเกียจ ทุกอย่างอยู่ที่เหตุผล ถ้าใช้แล้วเกิดผลการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ก็จะเป็นประโยชน์” นายสมชัยกล่าว และว่า ถึงกรณี กกต.เปิดทางให้ต่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้งว่า ต้องไฟเขียวทุกกลุ่ม ไม่ใช่เลือกเฉพาะกลุ่มที่มีความสัมพันธ์อันดี และเมื่อเปิดให้เข้ามาก็ต้องให้ดูทุกพื้นที่
    นายภูมิธรรมกล่าวในเรื่องนี้ว่า กกต.ควรทำหน้าที่นี้ อย่าให้คนรู้สึกว่า กกต.ไม่เห็นประโยชน์ของประเทศและไม่เป็นกลาง ถ้ารัฐบาลมั่นใจว่าที่ผ่านมาบริหารประเทศดี การใช้เบอร์เดียวจะยิ่งดีกับรัฐบาล 
         นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอบคุณ กกต.เรื่องกำหนดให้บัตรเลือกตั้งมีโลโก้และชื่อพรรค และท่าทีที่สร้างสรรค์ของประธาน กกต.ที่ให้ต่างประเทศมาสังเกตการณ์เลือกตั้งได้ แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ กกต.สามารถใช้อำนาจเพื่อให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์และยุติธรรม อาทิ ไม่ควรไปคุมจำนวนป้าย แต่ไปคุมที่ค่าใช้จ่าย และไม่ควรไปลงรายละเอียดและกำหนดขนาดป้าย กกต.ควรเสนอให้แก้กฎหมายให้พรรคเดียวกันใช้เบอร์เดียวกันทั่วประเทศ และควรเปิดให้พรรคการเมืองกำหนดสถานที่และรณรงค์ปราศรัยหาเสียงอย่างเต็มที่ตามที่เคยทำมา  
    นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษก พ.พ.ช. กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุจะไม่ใช้คำสั่งตามมาตรา 44 แก้ไขบัตรเลือกตั้งให้เป็นเบอร์เดียวทั่วประเทศ ว่านายกฯ มีอายุมากแล้ว อาจมีปัญหาเรื่องความจำ จึงทำให้หลงลืมว่าที่ผ่านมามักกลับคำพูดไปมาเสมอ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ในแต่ละวัน เชื่อว่าอีกไม่นาน พล.อ.ประยุทธ์จะถูกกระแสกดดันและเรียกร้องจากสังคมให้ใช้มาตรา 44 ในเรื่องนี้ และ พล.อ.ประยุทธ์ก็จะกลับคำพูดอีกครั้ง เพราะยิ่งใกล้เลือกตั้ง หากทำอะไรที่สวนทางกับสังคมย่อมไม่ส่งผลดีกับ พล.อ.ประยุทธ์แน่นอน 
    ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง สมาชิกพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงการไฟเขียวให้ต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ว่าน่าจะสายเกินไปแล้ว เพราะต่างชาติคงเตรียมตัวไม่ทัน เนื่องจากการเข้ามาสังเกตการณ์ต้องมีขั้นตอนมากมาย ต้องใช้เวลา แต่ที่ผ่านมารัฐบาลไทยไม่ได้แสดงความจริงใจ ต่างชาติทวงถามเรื่องนี้มาเป็นปีๆ แล้ว
    สำหรับความเคลื่อนไหวในการเปิดตัวผู้สมัครและการหาสมาชิกนั้น นายภูมิธรรมกล่าวถึงการเชิญผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศของพรรคมาประชุมในวันที่ 21 ธ.ค. ว่าจะทำความเข้าใจกับผู้สมัครในเรื่องที่เราได้ไปพูดคุยกับ กกต.เรื่องกฎระเบียบต่างๆ ส่วนตัวผู้สมัครของพรรคจะเอารายชื่อกลุ่มแรกมาดูในวันที่ 21 ธ.ค. และช่วงบ่ายจะประชุมคณะกรรมการสรรหาเพื่อพิจารณารอบที่ 2 คาดว่าอย่างช้าต้นปีหน้าจะตอบได้ว่าเราจะส่งผู้สมัครกี่เขต และเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งออกมา เราจะประกาศ 3 รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ 
    เพจเฟซบุ๊กอนุทิน ชาญวีรกูล ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้เผยคลิปวิดีโอที่นายอนุทิน และ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรค ทดลองนั่งแกร็บคาร์ พร้อมระบุว่า หลังทดลองนั่งแกร็บก็ทำให้มั่นใจว่าตัดสินใจไม่ผิดที่จะทำให้คนขับแกร็บในไทยเป็นอาชีพถูกกฎหมาย และเป็นอาชีพที่หารายได้เลี้ยงปากท้องและเลี้ยงดูครอบครัวอีกอาชีพหนึ่ง เพราะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการใช้บริการของประชาชน และมั่นใจว่าไม่ขายฝัน
    ส่วนนายก่อแก้ว พิกุลทอง สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการทำงานพื้นที่ภาคใต้ กล่าวว่า ในวันที่ 21-22 ธ.ค.นี้ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช และคณะ จะลงพื้นที่พบปะรับฟังความคิดเห็นพี่น้องประชาชนและภาคธุรกิจ 3 จังหวัดภาคใต้ คือ จ.ภูเก็ต จ.พังงา และ จ.นครศรีธรรมราช โดยวันที่ 21 ธ.ค.ที่พังงา, วันที่ 22 ธ.ค. ที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยจะเดินทางไปที่ อ.ควนหนองหงษ์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีม็อบชาวสวนยางไปขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อเชิญแกนนำม็อบสวนยางครั้งนั้นมาพูดคุยแลกเปลี่ยนให้ข้อมูลด้วย
พปชร.ปราศรัยใหญ่ 5 จุด
    นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษก พปชร. กล่าวว่า พรรคจะเปิดเวทีใหญ่พบปะพี่น้องประชาชน 5 จุดพร้อมกันในวันที่ 23 ธ.ค.2561 เวลา 14.00 น. ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ กำแพงเพชร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และนครสวรรค์ โดยที่ จ.เชียงใหม่ นำโดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และ ดร.ธรรมนัส พรหมเผ่า จ.พิษณุโลก นำโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง จ.กำแพงเพชรนำโดย พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์, จ.นครสวรรค์นำโดยนายภิญโญ นิโรจน์ อดีตรัฐมนตรี และ จ.เพชรบูรณ์นำโดยนายสันติ พร้อมพัฒน์ โดยในวันที่ 23 ธ.ค. ที่จัดพร้อมกัน 5 เวทีนั้น จะถ่ายทอดสดผ่าน Facebook และ youtube ของพรรคด้วย 
         “การลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนครั้งนี้ จะมีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมแห่งละไม่ต่ำกว่า 7,000 คน และจะมีกิจกรรมให้ชาวบ้านร่วมโหวตเสนอความคิดเห็นด้วย เช่น อยากให้ใครเป็นนายกฯ ชาวบ้านมีปัญหาอะไร อยากได้อะไร ซึ่งจากการลงพื้นที่พี่น้องประชาชนตอบรับพรรคพลังประชารัฐอย่างมาก ทำให้กระแสพรรคดีวันดีคืน เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะได้รับชัยชนะแน่นอน เนื่องจากพรรคมีความพร้อมทุกอย่าง และมีนโยบายที่ดีที่สุดเท่าที่ทุกพรรคเคยมีมา” นายธนกรกล่าว            
    นายธนกรยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทยระบุว่า พปชร.จะแพ้เลือกตั้งแน่นอนว่า ปี่กลองการเลือกตั้งเพิ่งเริ่มต้นยังเร็วไปที่จะบอกว่าใครแพ้หรือใครจะชนะเลือกตั้ง ร.ต.อ.เฉลิมเป็นนักการเมืองอาวุโสที่คนฝั่งธนฯ ชื่นชอบ แต่ไม่เข้าใจ ร.ต.อ.เฉลิมที่ชอบบอกว่า พปชร.ไปก้าวก่ายพรรคเพื่อไทย เพราะจริงๆ แล้ว ร.ต.อ.เฉลิมมาก้าวก่าย พปชร.โดยตลอด น่าจะเอาอย่างคุณหญิงสุดารัตน์ที่ก้มหน้าก้มตาลงพื้นที่อ้อนชาวบ้านด้วยวาจาที่สุภาพอ่อนโยนน่ารักเหมือนศิลปินวง BNK 48 
“ร.ต.อ.เฉลิมเป็นนักการเมืองอาวุโสคนสำคัญของประเทศไทย น่าที่จะเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นหลัง ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เพราะครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของท่านในสนามเลือกตั้ง เพราะท่านบอกจะทิ้งทวนแล้ว อยากจะให้ท่านฝากผลงานทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์ แข่งกันด้วยนโยบายเพื่อให้ลูกหลานได้จดจำในสิ่งที่ดีๆ เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ”นายธนกรกล่าว
    นายโกศล ปัทมะ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พท. กล่าวถึงกรณีนายธนกรออกมาโจมตี ร.ต.อ.เฉลิม ว่าต้องการใช้ ร.ต.ต.เฉลิมเป็นทางลัดในการสร้างชื่อเสียงทางการเมือง ซึ่งนักการเมืองที่ดีต้องสร้างราคาให้ตัวเองโดยการทำงานรับใช้ประชาชน ไม่ใช่ใช้ทางลัดแบบนี้ เพราะคนที่ใช้ทางลัดโตเร็วจะยืนระยะทางการเมืองได้ไม่นาน  
    ส่วนที่พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้แต่งตั้ง นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง หรือเก่ง เดอะสตาร์ เป็นรองโฆษกพรรค.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"