โฆษก กห.สยบข่าว "ประวิตร" ลาออก ยันยังมีสุขภาพแข็งแรงดี มีจิตใจเข้มแข็งหนักแน่น  ที่จะปฏิบัติหน้าที่เป็นแกนหลักในการดูแลความมั่นคง นายกฯ อ้อนอย่ารักตนคนเดียว รักรองนายกฯ-รมต.ด้วย คนเดียวอยู่ไม่ได้ต้องอยู่ด้วยกันทั้ง ครม. อ้างใครออกไปวุ่นหมด ศาลลงโทษกองเชียร์ชุมนุมหน้า กห.ปรับ 3 พันบาท เว็บไซต์หนุน "ป้อม" ทะลุ 2.7 หมื่นรายชื่อ ส่วนเว็บไล่ไปถึง 6 หมื่น "ทิชา" ยก รธน.ปี 40 เทียบเคียงให้สิทธิ์ ปชช.เข้าชื่อถอดถอนนักการเมืองได้ โฆษก นปช.โหนโลกโซเชียล ฟุ้ง 10 ก.พ.จะกลายเป็นม็อบออนไลน์  
      เมื่อวันจันทร์ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในสังคมออนไลน์ที่เรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) ลาออกจากตำแหน่งว่า การแสดงความคิดเห็นกันในสังคมประชาธิปไตยถือเป็นมุมมองที่ทุกฝ่ายต้องเคารพ เปิดกว้างรับฟังด้วยใจเป็นกลาง และพิจารณาร่วมกันอย่างสร้างสรรค์รอบด้าน เชื่อว่าทุกคนต่างมีประสบการณ์และบทเรียนร่วมกันมาแล้ว ความพยายามยับยั้งชั่งใจกันด้วยเหตุผลจะทำให้เราสามารถผ่านความยากลำบากนี้ไปด้วยกัน ขอให้เชื่อมั่นร่วมกันว่า กองทัพยังเป็นเอกภาพและมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่จะทำหน้าที่หลักประกันความมั่นคงของประเทศเคียงข้างประชาชน 
    "ขอยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมยังมีกำลังใจและสุขภาพแข็งแรงดี มีจิตใจเข้มแข็ง หนักแน่นและมั่นคง ที่จะทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ เป็นแกนหลักในการดูแลความมั่นคงของประเทศและรักษาความปลอดภัยของสังคมต่อไป โดยระหว่าง 5-7 ก.พ.61 พล.อ.ประวิตรมีภารกิจสำคัญเดินทางไปร่วมประชุมกับ รมว.กห.ประเทศต่างๆ ในอาเซียน ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกันดูแลความมั่นคงของภูมิภาคร่วมกัน และเมื่อเดินทางกลับมาถึง ในวันที่ 7 ก.พ.61 เวลา 14.00 น.มีกำหนดการต้อนรับการเข้าเยี่ยมคำนับของ พล.อ.Joseph F. Dunford Jr.  ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม กองทัพสหรัฐอเมริกา ณ ศาลาว่าการกลาโหม เพื่อหารือประเด็นความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และความร่วมมือทางทหารระหว่างไทยและสหรัฐฯ" พล.ท.คงชีพ กล่าว 
    เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประวิตรพร้อมด้วย พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางไปร่วมประชุมกับ รมว.กลาโหมประเทศต่างๆ ในอาเซียน ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ เมื่อ พล.อ.ประวิตรเดินทางมาถึงห้องรับรอง โดยมีสื่อมวลชนไปรอขอสัมภาษณ์ถึงประเด็นหากประชาชนไม่ต้องการก็จะลาออกจากตำแหน่ง รวมถึงประเด็นข่าวที่ประชาชนแสดงความเห็นไม่ต้องการให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป โดย พล.อ.ประวิตรมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ยิ้มกับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
     ต่อมาเวลา 17.35 น .พล.ท.คงชีพได้ส่งข้อความทางไลน์มาถึงสื่อมวลชนภายหลังคณะของ พล.อ.ประวิตรเดินทางถึงประเทศสิงคโปร์ โดยมีข้อความยืนยันอีกว่า "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมต่อไปโดยไม่ลาออกตามที่เป็นข่าว"
    ขณะเดียวกัน เวลา 17.30 น. ที่ จ.จันทบุรี ในระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ไปตรวจราชการและประชุม ครม.อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ได้พบปะพูดคุยกับผู้นำท้องถิ่นตอนหนึ้งว่า ขณะนี้ตนต้องแข็งแรงเพราะต้องเร่งทำงาน หลายคนบอกว่าขอเวลาไม่นาน แต่นี่ 3 ปีกว่าแล้ว แต่มันยังไม่เสร็จเลยต้องเร่งเดินหน้า ใครจะทำอะไรก็ทำไป แต่ตนจะวางรากฐานไว้ อย่าขัดแย้ง หลายอย่างเป็นปัญหาต้องแก้ไขทั้งหมด ที่ผ่านมามันล่าช้า โทษใครไม่ได้ต้องโทษตัวเอง เพราะตนก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นมาตลอดเช่นเดียวกับทุกคน 
    "วันนี้อย่ารักผมคนเดียว รักรองนายกรัฐมนตรี รักรัฐมนตรี วันนี้มาทั้ง ครม. ประยุทธ์คนเดียวอยู่ไม่ได้ ต้องอยู่ด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ ใครต้องออกไปออกมา มันวุ่นกันไปหมด ต้องอยู่ด้วยกันวันนี้เพราะเป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่น หากมีอะไรบกพร่องไปต้องขอโทษด้วย ไม่มีเจตนาเพื่ออะไรทั้งสิ้น อยู่ที่พวกเรา อย่ามาบอกว่าสืบทอดอำนาจ เพราะอำนาจอยู่ที่ประชาชนไปเลือกเอาเอง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 
     ก่อนหน้านั้นช่วงเช้านายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง เดินทางมายังกระทรวงกลาโหมเพื่อมอบผลโพลอินเทอร์เน็ต ที่มีคนลงคะแนนเสียงสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตรลาออกมามอบให้ พล.อ.ประวิตร โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีสารวัตรทหารและตำรวจนอกเครื่องแบบดูแลอย่างใกล้ชิด 
    นายเอกชัยกล่าวว่า วันนี้นำผลโพลจากไทยพีบีเอสซึ่งมีคนโหวตมากกว่า 2 แสนคน และผลโพลของเพจดรามา-แอดดิกต์ ที่มีคนโหวตกว่า 1 แสนคน ซึ่ง 2 สำนักนี้มีคนโหวตจำนวนมาก มีความน่าเชื่อถือ จึงต้องการมอบให้ พล.อ.ประวิตรพิจารณา ทั้งนี้ตนไม่สามารถกำหนดได้ว่าควรจะลาออกเมื่อไหร่ แต่ พล.อ.ประวิตรได้พูดผูกมัดตัวเองเอาไว้ว่า ถ้าประชาชนไม่ต้องการก็พร้อมจะลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะพลิกลิ้นอีกหรือไม่ 
    หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ให้นายเอกชัยซ้อนรถจักรยานยนต์มาดื่มกาแฟที่ร้านด้านข้างกระทรวงกลาโหม ก่อนที่จะพาไปยื่นเอกสาร 2 แผ่นให้ตัวแทนสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมภายในกระทรวง 
ศาลสั่งปรับกองเชียร์ 3 พัน
     ที่ สน.พระราชวัง นายอดุลย์ ธรรมจิตต์ อายุ 54 ปี เลขที่ 34/252 ม.9 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ  กรุงเทพฯ อาชีพขับแท็กซี่ หนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมหน้ากระทรวงกลาโหม เพื่อแสดงการสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้ พล.อ.ประวิตร เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เดินทางมามอบตัวต่อ ร.ต.อ.เทวินทร์ พิกุลทอง  รองสารวัตร (สอบสวน) โดยมี พ.ต.อ.ธนกฤต ไชยจารุวุฒิ ผกก.สน.พระราชวังร่วมสอบสวน 
    โดยนายอดุลย์ได้ให้การสารภาพต่อพนักงานสอบสวนว่า ในวันดังกล่าวตนได้เดินทางไปไหว้ศาลหลักเมืองเสร็จ ออกมาพบว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร ตนจึงเข้าร่วมชุมนุมดังกล่าวจริง  เพราะตนชอบ พล.อ.ประวิตรเป็นการส่วนตัว ส่วนภาพที่ยืนชูป้ายนั้นได้เอามาจากกลุ่มผู้ชุมนุมคนหนึ่ง  ซึ่งตนอ่านดูแล้วข้อความไม่มีความรุนแรงอะไร เห็นภาพตนเองและทราบข่าวจากสื่อต่างๆ ว่าการเข้าร่วมชุมผิดกฎหมาย ซึ่งยอมรับว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงมามอบตัวเพื่อแสดงเจตนาความบริสุทธิ์ใจ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมเกิน 5 คนโดยไม่รับอนุญาต ตามคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ชุมนุมในเขตพื้นที่ห่างไม่เกิน 150 เมตรจากเขตพระราชฐาน ตามมาตรา 7 ซึ่งมีอัตราปรับไม่เกิน 10,000 บาท โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำตัวส่งฟ้องศาลแขวงดุสิต 
    ต่อมาที่ศาลแขวงดุสิต พนักงานสอบสวนนำตัวนายอดุลย์มาส่งฟ้องศาล โดยพนักงานอัยการส่งบันทึกฟ้องด้วยวาจา ขณะที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงไม่ต้องทำการสอบสวนตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความในศาลแขวง ศาลพิพากษาว่าจำเลยทำผิดตามฟ้อง ลงโทษปรับ 6,000 บาท คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงปรับ 3,000 บาท
    ขณะที่ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อสังคมนิยมประชาธิปไตย (YPD) มีกำหนดการจัดกิจกรรมต้านโกง 2 จัดแสดง Performance Arts ตอน "ปฏิบัติการขืนใจป้อม" ในวันอังคารที่ 6 ก.พ.61 เวลา 17.00  น. ที่สกายวอล์ก บีทีเอส แยกสาทร-นราธิวาส เชื่อมบีทีเอสช่องนนทรี
      จากกรณีนางทิชา ณ นคร ผอ.ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ในฐานะอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ดำเนินการล่ารายชื่อกดดันให้ พล.อ.ประวิตรลาออกจากตำแหน่งตามที่ได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ change.org นั้น
      ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ก.พ. นางทิชาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ณ วันที่ 5/2/61 เวลา 09.21 น. รายชื่อสนับสนุนให้รองนายกฯ ประวิตรลาออก 60,052 ถอยกลับไปที่รัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งเป็นฉบับที่ผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชนที่สูงมากหรือสูงสุดก็ว่าได้ ในชื่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ : ส.ส.ร. ในรัฐธรรมนูญฉบับ ส.ส.ร.ได้ให้อำนาจพลเมืองเจ้าของอำนาจเข้าชื่อ 50,000 ชื่อถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ โดยเฉพาะในประเด็นร่ำรวยผิดปกติและขัดต่อจริยธรรมอย่างร้ายแรง ข้อที่น่าสงสัยคือ  การไม่ยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินก่อนรับตำแหน่ง นาฬิกาหรูบนข้อมือต่างกรรมต่างวาระเข้าข่ายหรือไม่  รายชื่อมากกว่า 60,000 ชื่อใน Change คือตรรกะ คือเจตนารมณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 40  ใช่หรือไม่"
เว็บหนุนป้อมขยับ 2.7 หมื่น
    นางทิชาให้สัมภาษณ์ว่าจะหารือกับกัลยาณมิตรและบุคคลที่สนใจในประเด็นดังกล่าวว่า จะนำรายชื่อที่ได้จากการลงชื่อของประชาชนผ่านเว็บไซต์ Change.org ไปดำเนินการเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปหรือไม่
     ขณะเดียวกันมีเว็บไซต์ชื่อ konrakpa.org หรือ "คนรักษ์ป่า" ลักษณะเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับป่าไม้ของประเทศไทย มีการนำรูปภาพของอุทยานแห่งชาติต่างๆ มานำเสนอบนเว็บไซต์ โดยหน้าเว็บไซต์มีบทกลอนว่า "ป่าเอ๋ย..ป่าไม้ เป็นของใคร จงคิดครวญ ให้ถ้วนถี่ ของข้าราชการ พ่อค้า ผู้มากมี หรือของพี่ น้องไทย ในแผ่นดิน เป็นของเรา ชาวไทย ใช่ใครอื่น ทุกวันคืน ควรรักษา อย่าให้สิ้น เมื่อป่ายัง อยู่ยั้ง ไม่พังภินท์ ผองชีวิน ก็จะยังอยู่ คู่ป่าเอย" ที่สำคัญมีภาพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมเปิดให้ลงชื่อสนับสนุน พล.อ.ประวิตรให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป  
    โดยมีข้อความระบุว่า "พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รักป่า ปกป้องผืนป่า ดูแลป่า พวกเราจึงรักพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พวกเราขอเป็นแนวร่วมและขอให้กำลังใจให้ท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่ในคณะรัฐบาล และรับใช้ประเทศชาติต่อไป” 
     และเมื่อเวลา 16.00 น. มีผู้ลงชื่อสนับสนุนกว่า 2.7หมื่นคน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าตัวเลขการลงชื่อสนับสนุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในช่วงบ่าย ท่ามกลางกระแสข่าวการให้บุคลากรหน่วยงานทหารและหน่วยงานราชการลงชื่อสนับสนุน พล.อ.ประวิตรในเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างๆ ให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป
     ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวถึงกรณีสังคมออนไลน์ล่ารายชื่อให้ พล.อ.ประวิตรลาออกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมจับตามอง พล.อ.ประวิตรในฐานะชายชาติทหารควรแสดงสปิริตเพื่อรักษาองค์กรของทหาร โดยไม่จำเป็นต้องให้คนออกมาล่ารายชื่อผ่านสื่อต่างๆ  อีกทั้งยังมีผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้านความมั่นคง ที่มีศักยภาพพร้อมดำรงตำแหน่งแทน เช่น นายกรัฐมนตรี สามารถควบตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงได้ จึงมองว่าแม้สูญเสียอวัยวะบางส่วน อย่าง พล.อ.ประวิตร เพื่อจะรักษาร่างกายคือ ครม.และ คสช.ให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น หาก พล.อ.ประวิตร ยอมลาออกคาดว่าประชาชนจะยกย่องเชิดชูการกระทำ แต่หากปล่อยปละละเลยเรื่องนี้จะทำลายชื่อเสียงองค์กรและคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วย
     นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมีคนออกมาเคลื่อนไหวในตอนนี้  ยิ่งเป็นเหตุให้ประชาชนหันมาสนับสนุนรัฐบาลเลื่อนเลือกตั้งไปก่อนก็ดีเพราะกลัวเรื่องความวุ่นวายว่า  เรื่องนี้น่ากังวล วันนี้คนเริ่มมีความรู้สึกว่าตอนไม่ได้มีปัญหาอะไรรัฐบาลก็ยังเลื่อนเลย เพราะฉะนั้นอาจจะถึงจุดหนึ่งที่คนที่เขาไม่สนใจแล้วจะออกมาแสดงออกเคลื่อนไหว เพราะถือว่าถึงเขาอยู่เงียบก็ไม่ได้มีหลักประกันอะไรถึงความแน่นอน ก็จะสะท้อนมาจากการเคลื่อนไหว เพราะฉะนั้นตนไม่อยากให้รัฐบาล และ คสช.ตายใจ แล้วมองว่าการเดินต่อไปอย่างนี้และมีอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ รวมทั้งคนที่ออกมาเคลื่อนไหวหลายคนมีคำถามเหมือนกันว่า มีความฝักใฝ่อยู่กับระบอบทักษิณหรือไม่ ส่วนที่มองว่าหากเลือกตั้งแล้วจะขัดแย้ง แต่ตอนนี้ถึงไม่มีการเลือกตั้งก็ทำท่าจะขัดแย้ง คสช.และท่านนายกฯ ต้องรีบกอบกู้วิกฤติตรงนี้ให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องของความน่าเชื่อถือ ความชัดเจน ความแน่นอน คำมั่นสัญญา และความโปร่งใส เพราะเป็นประเด็นใหญ่
    นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงความพยายามของเจ้าหน้าที่รัฐที่สกัดขัดขวางแกนนำม็อบสกายวอล์ก ที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.61 และไม่อยากให้มีการชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 10 ก.พ.นี้ว่า เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน ทั้งที่เรื่องที่เรียกร้องไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรง เพียงแค่อยากให้รัฐบาลจัดการเลือกตั้งตามโรดแมปเดิม ไม่ต้องเลื่อนออกไปอีก 3 เดือน ซึ่งตรงนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะรัฐบาลสร้างสะพานอำนาจยังไม่แล้วเสร็จหรือไม่จึงต้องเลื่อนออกไป รัฐบาลปากบอกให้เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ แต่กลับมาขัดขวางลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน สิ่งที่ประกาศถือเป็นเรื่องลวงโลก หากรัฐบาลประกาศชัดว่าจะมีการเลือกตั้งวันใดคงไม่น่ามีปัญหา ถ้ามีปัญหาหรือเหตุรุนแรงก็อาจทำให้การเลือกตั้งยังไม่เกิดก็เป็นได้ รัฐบาลยังจะอยู่ในอำนาจไปยาวนาน ทำให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง 
นปช.โหนม็อบออนไลน์
    "ไม่แน่ใจว่าในวันที่ 10 ก.พ.จะมีคนออกมาขนาดไหน แต่เท่าที่เห็นในโลกโซเชียลก็เยอะพอสมควร  เมื่อดูการเดินขบวนแต่ละยุคแต่ละสมัยมีพัฒนาการไป ยุคพฤษภา 35 เป็นม็อบมือถือ ครั้งนี้อาจจะเป็นม็อบออนไลน์ก็เป็นได้ อย่าดูถูกการเคลื่อนไหวพี่น้องประชาชนในโลกออนไลน์ สิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องที่เรียกร้องได้ เพราะรัฐบาลได้ยื้อการเลือกตั้งมาตลอด คนที่ออกมาไม่รู้ว่าเป็นแดงเก่าหรือแดงใหม่ แต่ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีใด คนที่ไปล้วนรักประชาธิปไตยอยากเห็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง" นายธนาวุฒิกล่าว
    เมื่อถามถึงกรณีแนวร่วมเสื้อแดงต่างแดน อาทิ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรณ, นายสุนัย จุลพงศธร เรียกร้องให้คนออกมาล้มรัฐบาลให้มากในวันที่ 10 ก.พ. จะถึงขั้นนั้นหรือไม่ นายธนาวุฒิกล่าวว่าอยู่ที่ประชาชนจะล้มด้วยวิธีการใด และอยู่ที่รัฐบาลเองด้วยจะแก้ไขปัญหาเรื่องการเลือกตั้งอย่างไร เมื่อประชาชนต้องการเลือกตั้ง แต่ตัวเองยื้อเลือกตั้ง รัฐบาลต้องมองสถานการณ์เองว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
    วันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกจดหมายเปิดผนึกกรณีที่มีการคุกคามการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชน และมีความพยายามจะดำเนินคดีต่อประชาชน นิสิต  นักศึกษา คณาจารย์ และกลุ่มประชาสังคมบางส่วน โดยยืนยันอย่างหนักแน่นการใช้สิทธิเสรีภาพโดยสงบ ปราศจากความรุนแรง ตามกรอบของรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักสิทธิพลเมือง สำหรับการแสดงออกของนิสิตนักศึกษาและขบวนพาเหรดล้อการเมืองในงานฟุตบอลประเพณี จุฬา-ธรรมศาสตร์ เป็นการแสดงออกอย่างบริสุทธิ์สร้างสรรค์ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการกระทำหรือพฤติกรรมใดๆ  ที่จะคัดค้าน ขัดขวาง หรือกล่าวหาที่ส่งผลกระทบในทางลบ และคัดค้านการตั้งข้อกล่าวหากลุ่มประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย และเรียกร้องให้รัฐบาลคืนการเลือกตั้งให้กลับมาดังเดิมตามที่เคยประกาศไว้ 
     "สำหรับกรณีที่มีสมาชิกบางท่านของพรรคเพื่อไทยได้แสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง และขัดต่อเจตนารมณ์ดังกล่าวข้างต้นของพรรค ถือเป็นการกระทำและความคิดเห็นส่วนบุคคลของสมาชิกท่านนั้นๆ และพรรคจะได้ทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรคท่านนั้นต่อไป ขอแสดงความเสียใจและขอโทษต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น อันก่อให้เกิดความรู้สึกที่กระทบต่อจิตใจที่เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของท่าน" นายภูมิธรรมระบุ 
    สำหรับสมาชิกพรรคเพื่อไทยดังกล่าวคือ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่เรียกร้องให้ดำเนินคดีกับงานฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งมีกิจกรรมทางการเมืองในลักษณะทำหุ่นและแปรอักษรล้อทางการเมืองด้วย โดยเชื่อว่าน่าจะเข้าข่ายเป็นการชุมนุมทางการเมืองที่ฝ่าฝืนข้อ 12 ของคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558  ด้วยเช่นเดียวกับกลุ่มอื่นๆ    
      ด้านนายเรืองไกรชี้แจงว่า การร้องขอให้มีการตรวจสอบครั้งนี้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ตนทำตามกฎหมายหรือคำสั่งที่ยังมีผลใช้บังคับอยู่อย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ได้เลือกว่าทำไปแล้วจะเกิดการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ระหว่างเรื่องทางการเมืองกับการละเว้นไม่ร้องเรื่องใดเรื่องหนึ่งตามกฎหมาย แต่ทำไปเพื่อให้สาธารณชนได้เห็นว่ากฎหมายหรือคำสั่งที่มีสภาพเป็นกฎหมายนั้น ต้องใช้อย่างเป็นธรรมและไม่มีการเลือกปฏิบัติ แต่เมื่อหลายคนที่มีความกังวลต่อเรื่องนี้สื่อสารหลายทางเพื่อขอให้ตนขอโทษต่อเรื่องนี้ ด้วยเกรงว่าจะมีผลกระทบทางการเมืองต่อไป ตนก็ขอโทษได้ แต่จะให้ยกเลิกหนังสือดังกล่าวด้วยนั้นคงทำไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ทำด้วยตนเองโดยไตร่ตรองแล้วเหมือนที่เคยปฏิบัติมา และทำไปโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองบุคคลใด รวมทั้งไม่ได้ปรึกษาหรือรับงานจากบุคคลใด 
    วันเดียวกัน ทีมเดินมิตรภาพเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อขอให้ดูแลอำนวยความสะดวกให้ทีมเดินมิตรภาพตลอดเส้นทางการเดิน และการใช้สถานที่เพื่อทำกิจกรรมระหว่างพักผ่อน โดยปราศจากการคุกคามจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองด้วย  
'วีวอล์ก' โวยโดนสกัด
    การยื่นหนังสือในวันนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ก.พ. เมื่อทีมเดินมิตรภาพติดต่อขอเข้าพักค้างคืนที่วัดโนนมะกอก ต.ดอนหวาย อ.โนนสูง เป็นเวลา 3 คืน และเจ้าอาวาสอนุญาตแล้ว แต่ต่อมามีผู้ใหญ่บ้านและปลัดอำเภอเข้าไปพูดคุยกับวัดไม่อนุญาตให้พัก 3 คืน ให้พักได้แค่คืนเดียวเท่านั้น เพราะ "ผู้ใหญ่คุยกันแล้ว" แต่ไม่ได้ระบุว่าผู้ใหญ่คือใคร 
    นายเอกชัย อิสระทะ ตัวแทนทีมเดินมิตรภาพที่มายื่นหนังสือกล่าวว่า เนื่องจากข้อกังวลใจของทีมเดินมิตรภาพที่ถูกข่มขู่คุกคาม และไม่ได้เข้าพักตามที่วางแผนไว้ ทั้งที่ตามรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 กำหนดให้เรามีสิทธิ์ได้รับการอำนวยความสะดวก และยังมีคำสั่งจากศาลปกครองให้คุ้มครองเราในการทำกิจกรรมครั้งนี้ด้วย เมื่อมีการพูดถึงผู้ใหญ่ข้างบน เราจึงสงสัยว่าหมายถึงผู้ว่าฯ ใช่หรือไม่ 
    ทั้งนี้เนื่องจากผู้ว่าฯ นครราชสีมาติดภารกิจ จึงมอบหมายให้นายมุรธาธีร์ รักชาติเจริญ รองผู้ว่าฯ  มาเป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยนายมุรธาธีร์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเรื่องเจ้าหน้าที่บางคนที่เกร็งๆ แล้วก็ปฏิบัติไม่ถูกมากกว่า หวังว่าจะไม่ติดใจอะไรกัน จังหวัดไม่ได้ห้ามการทำกิจกรรม เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญของทุกคนที่จะทำกิจกรรมโดยสงบสันติได้ และพร้อมจะช่วยอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ ตอนนี้ได้ประสานไปยังอำเภอรายทางที่จะเดินผ่านในช่วงเวลาที่เหลือแล้วเพื่อให้ช่วยอำนวยความสะดวก
    มีรายงานว่า สารวัตรกำนันตำบลในอำเภอโนนสูงเปิดเผยถึงเบื้องหลังของเหตุการณ์ดังกล่าวว่า  ต้นตอของคำสั่งคือ ผู้ว่าฯ นครราชสีมาได้สั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอ ที่กลุ่มเดินมิตรภาพเดินผ่าน  ไม่ให้อำนวยความสะดวก และนั่นจึงเป็นที่มาของปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอโนนสูงได้เข้ามากดดันเจ้าอาวาสวัดโนนมะกอกและกลุ่มเดินมิตรภาพ จนไม่สามารถเข้าพักในวัดดังกล่าวได้ 
    อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีการนำเสนอข่าวการกดดันไม่ให้กลุ่มเดินมิตรภาพเข้าพัก ทำให้ผู้ว่าฯ ได้มีคำสั่งใหม่ว่า ให้วัดทุกวัดที่กลุ่มเดินมิตรภาพผ่านให้อำนวยความสะดวกได้  
    ช่วงเช้าวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมคณะเดินทางไปตรวจราชการ จ.ตราด และจันทบุรี และการประชุม ครม.อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ขณะเยี่ยมชม "พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ บ้านเปร็ดใน จังหวัดตราด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถามประชาชนตอนหนึ่งว่า ได้ไปร่วมเดินกับกลุ่ม We Walk หรือไม่ โดยชาวบ้านตอบกลับว่า "ไม่ได้ไป" พร้อมให้กำลังใจนายกฯ ซึ่งทำให้นายกฯ ตอบว่า "ดีแล้ว อย่าไปวอล์กกับเขานะ เดี๋ยวผมจะทำให้ทุกคน"
     ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. กล่าวว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช. เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการ คสช.และการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก โดยที่ประชุมได้กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมา ซึ่งมีความเรียบร้อยในระดับหนึ่ง แม้จะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ก็เป็นไปตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย โดยเจ้าหน้าที่และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถดูแลให้เกิดความเรียบร้อยภายใต้กฎหมายปกติ อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการเข้าสู่ระยะที่ 3 ตามโรดแมปของ คสช. คือการเลือกตั้งทั้งระดับท้องถิ่น 
    "ระดับประเทศนั้นในขณะนี้ คสช.ได้มีการพิจารณาปรับลดกำลังพลในส่วนของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อให้เหมาะสมตามสภาพการณ์ในช่วงเวลา เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้านงบประมาณ โดยคาดว่าจะลดกำลังได้ประมาณ 2,000 อัตรา ในขณะที่การปฏิบัติงานยังคงมุ่งสู่การดูแลความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย การสนับสนุนงานตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงการดูแลช่วยเหลือประชาชนเป็นหลัก" พ.อ.หญิง ศิริจันทร์กล่าว.