ตลาดโลกกดหุ้นร่วง17จุด ตลท.แนะตามข่าวใกล้ชิด


เพิ่มเพื่อน    

ดัชนีหุ้นไทยลงแรง 17 จุดตามตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน "เกศรา" ชี้ลดตามทิศทางตลาดทั่วโลก แนะนำนักลงทุนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด โบรกระบุเหตุจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอเมริกาพุ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา พรุ่งนี้คาดตลาดยังแกว่งตัว 
    ภาวะตลาดหุ้นไทยวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ทันทีที่เปิดทำการซื้อขายดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงแรง โดยลดลงต่ำสุด 30.42 จุด อยู่ที่ 1,796.83 จุด ตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาลดลง จากนั้นยังมีแรงซื้อเข้ามาดันดัชนีได้บ้าง ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,810.32 จุด ลดลง 17.03  จุด หรือเปลี่ยนแปลง (-0.93%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 76,657.42 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,136.82 ล้านบาท กองทุนขายสุทธิ 297.93 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,294.70  ล้านบาท และรายย่อยซื้อสุทธิ 6,729.45 ล้านบาท
    นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงกรณีที่เปิดตลาดดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงกว่า 1.5% ว่า ดัชนีที่ปรับลดลงเชื่อว่าเป็นแค่ปัจจัยระยะสั้นตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก ภายหลังตลาดหุ้นในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง รวมถึงเป็นเรื่องของการปรับฐาน เนื่องจากเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปี หรือปรับเพิ่มขึ้นกว่า 4.17% 
    "การปรับตัวลดลงของการเปิดตลาดหุ้นไทยวันนี้มองว่าเป็นเพียงระยะสั้น ที่ปรับตามตลาดหุ้นทั่วโลกและไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามากระทบ ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยก็ปรับขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว และขอแนะนำนักลงทุนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เนื่องจากตลาดหุ้นไทยเมื่อขึ้นมาระดับนี้ ความเหวี่ยงและความอ่อนไหวก็จะมีซึ่งต้องระมัดระวัง แต่เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกรออยู่ ทั้งผลกำไรบริษัทจดทะเบียน  (บจ.) ที่จะประกาศ ก.พ.นี้ เศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงคาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ยังคงอัตราดอกเบี้ย และการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เป็นต้น"
    ด้านนายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์  (บล.) แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 4.17%  พร้อมปริมาณการซื้อขายที่ 60,000-70,000 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งเป็นการยืนยันสัญญาณร้อนแรงในระยะปานกลาง อย่างไรก็ตามคาดแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยในเดือน ก.พ.นี้จะเกิดสัญญาณการพักฐาน โดยแนวรับบริเวณ 1,780-1,800 จุด และแนวต้าน 1,850-1,860 จุด  
      นางจิตรลดา เลขาพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ไอร่า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในเดือน ก.พ.เป็นฤดูการประกาศผลการดำเนินงานของ บจ. ซึ่งจะมีแรงเก็งกำไรในบริษัทที่คาดว่าจะประกาศงบออกมาโดดเด่น และสอดรับกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศซึ่งคาดว่าตัวเลขจีดีพีโตไม่ต่ำกว่า 4.0% ในปีนี้ อีกทั้งราคาน้ำมันที่มีทิศทางการปรับตัวอยู่ในระดับสูงในรอบกว่า 3 ปี  จึงส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน รวมถึงธุรกิจปิโตรเคมี ที่ได้ปัจจัยหนุนจากราคาผลิตภัณฑ์ตามทิศทางราคาน้ำมัน และความต้องการที่ดีขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
    นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ ซึมตัวลงมา เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานลงแรงในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ (Bond Yield) ปรับตัวขึ้น ทำให้เกิดแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยงทั้งในตลาดหุ้น ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) และทองคำที่ต่างก็ปรับตัวลงตามๆ กัน
     "ตลาดหุ้นไทยกลับมายืนเหนือระดับ 1,800 จุดได้แล้ว หลังจากช่วงเปิดตลาดเช้าที่ผ่านมาปรับตัวลงไป โดยเป็นการเกิดเทคนิเคิลรีบาวด์ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย" นายภาดลกล่าว
      ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันที่ 6 ก.พ. นายภาดลกล่าวว่า ตลาดน่าจะเป็นลักษณะของการแกว่งตัว ซึ่งขึ้นอยู่กับ Bond Yield ของสหรัฐฯ ว่าจะชะลอตัวลงหรือไม่ โดยประเมินว่า Bond Yield อายุ 10  ปีถ้าเข้าใกล้ระดับ 3% ก็น่าจะเริ่มชะลอการปรับตัวขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลให้ตลาดทั่วโลกกลับมามีเสถียรภาพและฟื้นตัวได้. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"