“ศิลปะสร้างและสัมผัสได้จากกลิ่น” แม้ดวงตามองไม่เห็น


เพิ่มเพื่อน    

 

ผู้ชมปิดตาสัมผัสผลงานศิลปะ
 

     ในโลกของศิลปะ ดวงตาคืออวัยวะที่สำคัญในมองเห็นและรังสรรค์ผลงาน และสีเป็นวัตถุดิบที่จำเป็นอย่างยิ่งในการสื่อสารความรู้สึกของสิ่งที่เราต้องจะบอกแก่ผู้คน แต่เมื่อวันหนึ่งโลกของเรามืดมิด ดวงตาไม่สามารถมองเห็นได้ การทำงานศิลปะก็กลับกลายเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่ในทางกลับกัน จมูก ประสาทสัมผัสทางการได้กลิ่นยังทำงาน เมื่อเราได้กลิ่นอะไรสักอย่างจะนึกถึงถึงอะไร บางคนมีความทรงจำหรือจินตนาการบางอย่างเกี่ยวกับกลิ่นที่สามารถนึกเป็นภาพในความคิดได้ต่างๆนานา 

     ด้วยเหตุนี้ โครงการ  The Nose Thailand  ศิลปะสร้างและสัมผัสได้จากกลิ่น ได้ร่วมกับ กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ , Givaudan, มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย, สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย และสมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติแห่งประเทศไทย จัดนิทรรศการ "Everyone can do art”  ภายใต้ธีมงาน Imperfect ความไม่สมบูรณ์  จากการรังสรรค์ผลงานศิลปะที่ใช้สีมีกลิ่นครั้งแรกของ 20 ศิลปิน 20 ผลงาน ได้แก่ ศิลปินผู้พิการทางสายตา 9 คน และศิลปินตาดี แต่ปิดตาในการสร้างสรรค์ผลงาน  11 คน  โดยความพิเศษคือผู้เข้าชมผลงานต้องลองปิดตาแล้วสัมผัสหรือดมกลิ่น เพื่อให้เข้าถึงความรู้สึกของผลงานมากยิ่งขึ้น โดยจัดขึ้นเมื่อวันที่ 21-23 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ บริเวณ ชั้น 2 Lifestyle Hall ศูนย์การค้าสยามพารากอน  

 

ผู้บริหารและศิลปินในโครงการ The Nose Thailand
 

    มาริสา ธเนศวงศ์ หัวหน้าคณะผู้จัดตั้งโครงการ The Nose Thailand กล่าวว่า จุดประสงค์ของการจัดนิทรรศการครั้งนี้มาจากความตั้งใจอยากจะเปิดโอกาสให้เพื่อนๆ ผู้พิการทางสายตามีทางเลือกในชีวิตมากขึ้น และได้มองเห็นว่าศิลปะเป็นยังเข้าไม่ถึงกลุ่มผู้พิการทางสายตามากนัก เพราะว่ามีข้อจำกัดเรื่องการใช้สีเป็นหลัก จึงได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทั้ง ในเรื่องของกลิ่นของสี การใช้สีบำบัด ในการทำให้สีเกิดกลิ่น แม้ว่าเราอาจจะสามารถทำให้มันง่ายขึ้นโดยการใช้อักษรเบรลล์ระบุสีแต่ละสี แต่การใช้กลิ่นจะสามารถช่วยให้สีมีความรู้สึกและสร้างงานศิลปะที่มีความรู้สึกของเขาอยู่ในนั้น นอกจากภาพวาด ก็ยังมีงานปั้น และหัตถกรรม อื่นๆด้วย

    “ ในกิจกรรมได้มีผู้เข้าร่วมเวิร์คช็อปทั้งผู้พิการทางสายตา 9 คน และบุคคลสายตาปกติ แต่ปิดตาทำงานศิลปะอีก 11 คน เป็น 20 ศิลปิน ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเวิร์คช็อปซึ่งในแต่ละครั้งกว่า 7-8 เดือน ก็จะเห็นได้ถึงพัฒนาการและฝีมือ และการเรียนรู้ซึ่งกันและกันระหว่างคนตาดีและคนตาบอด   นอกจากนี้รายได้จากการจำหน่ายผลงานภายในนิทรรศการเพื่อสบทบทุนมอบอุปกรณ์สีมีกลิ่นและชุดการสอนให้กับโรงเรียนสอนคนตาบอดในความดูแลของมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และให้ศิลปินสามารถนำรายได้ต่อยอดในการเรียนรู้และสร้างสรรค์ผลงานต่ออย่างไป” หัวหน้าคณะผู้จัดตั้งโครงการ The Nose Thailand กล่าว

 

กิจกรรม Zone Auditorium ทำงานศิลปะในความมืด

    ชลิดา คุณาลัย Scent Designer ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกลิ่น  กล่าวว่า ศิลปะคือโลกของการใช้ตาเห็น ทุกอย่างใช้ทฤษฎีสี สีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน สีขาว สีดำ แต่หลังจากที่คุยกับนักศิลปะบำบัดว่าสีแต่ละสีในทางศิลปะบำบัดหมายถึงอะไร อารมณ์ความรู้สึกอะไร แล้วออกแบบกลิ่นให้ตอบโจทย์นั้น โดยใช้การดมกลิ่น ซึ่งคือส่วนหนึ่งของลมหายใจ  มีการใช้ในทุกวัน ดังนั้นการดมกลิ่นจึงไม่ได้เป็นอันตราย เพราะกลิ่นที่ใช้ได้มีการร่วมมือกับบริษัทชั้นนำเกี่ยวกับการสร้างสรรค์น้ำหอม อย่างจิวาดอง ประเทศฝรั่งเศส  
    ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกลิ่น   กล่าวต่อว่า ดังนั้นเมื่อเราได้ทำการเปลี่ยนสีให้กลิ่นเป็นตัวนำ บทบาทของกลิ่นก็จะทำให้เกิดความรู้สึกจากข้างใน และบทบาทของสีก็จะเป็นตัวรอง อย่าง สีขาว ให้ความรู้สึกถึงความบริสุทธิ์ ความสบาย มีกลิ่นของแป้งเด็ก สีแดงก็อาจจะยากขึ้นมาหน่อย เพราะสามารถทำให้รู้สึกได้หลากหลายทั้งโรแมนติก ก็อาจจะเป็นกลิ่นกุหลาบ เพราะกลิ่นที่ใช้ตีความหมายไปในแต่ละสีนั้นมีความหลากหลาย 
ในการเวิร์คช็อป ผู้พิการทางสายตาสามารถสร้างงานศิลปะออกมาได้ดี ในการใช้ประสาทสัมผัสที่ทรงพลังมากที่สุดในร่างกายมนุษย์ไม่ใช่การมองเห็น แต่คือการได้กลิ่น เพราะกลิ่นlk,ki5บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ มากมายและนี่คือเหตุผลว่าทำไมกลิ่น จึงเป็นสื่อกลางที่ทำให้ผู้ที่มองไม่เห็นมีโอกาสทำงานศิลปะอย่างที่ใจของพวกเขาต้องการ
    นราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานปฎิบัติการบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการให้การสนับสนุนพื้นที่จัดนิทรรศการและกิจกรรมส่งเสริมงานศิลปะ รวมทั้งกิจกรรมเวิร์กช็อปสำหรับคนพิการทางสายตาในครั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้กับพวกเขาได้ตระหนักถึงคุณค่าและศักยภาพของตนเอง ผ่านการเติมเต็มจินตนาการ และการเรียนรู้ศิลปะร่วมกันระหว่างผู้พิการทางสายตาและผู้ที่มีสายตาดี เป็นพลังใจในการผลักดันให้พัฒนาสร้างผลงานศิลปะออกสู่สังคมต่อไป    

อมีนา ทรงศิริ  ศิลปินผู้พิการทางสายตา 

    ด้านศิลปินผู้พิการทางสายตา  อมีนา ทรงศิริ  เจ้าของผลงาน A little part of my mine ได้เล่าให้ฟังว่า งานศิลปะเป็นเหมือนงานอดิเรกที่ทำให้ตนมีเพื่อน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนและไม่สามารถโต้ตอบกับเราได้ แต่พอตนได้ทำงานศิลปะ อย่างงานปั้น ตนรู้สึกว่าได้ถ่ายทอดสิ่งที่อยากจะบอกออกมา ทุกอย่างที่ปั้นขึ้นเกิดจากจินตนาการที่ได้สัมผัสสิ่งเหล่านั้น ทั้งตัวจริงหรือตุ๊กตา อย่างตัวแรกที่ปั้นคือ แมว ที่เลี้ยง ชื่อ ปาล์มมี่ เป็นชิ้นแรกที่ทำขึ้นด้วย แต่ความยากก็อยู่ที่การทำให้มันสมดุล ถูกหลักของเซรามิก แต่เรารู้สึกดีที่สามารถทำออกมาได้ และคิดว่าจะทำและพัฒนาไปเรื่อยๆ สำหรับคนตาบอดงานศิลปะอาจจะเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่งานที่เราทำขึ้นในนิทรรศการไม่ได้อยากให้คนตาดีที่มาชมงานมองว่าคนตาบอดทำงานเก่ง แล้วจบแค่นั้น แต่อยากให้มองว่าคนตาบอดก็คือคนที่ทำงานได้เหมือนคนทั่วไป 

 

วุฒิชัย อิ่มมา 

    อีกหนึ่งศิลปิน วุฒิชัย อิ่มมา เจ้าของผลงาน Impossible is nothings บอกว่า เมื่อก่อนที่ตนมองเห็นได้ปกติไม่ได้ชื่นชอบงานศิลปะหรืองานฝีมือเท่าไหร่ แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องสูญเสียการมองเห็น มากกว่า 10 ปี ได้ประกอบอาชีพทำงานเย็บกระเป๋าหนังอยู่ด้วย พอได้เห็นโครงการนี้ทำให้เรามีความสนใจว่าคนตาบอดก็วาดรูป จึงได้มาเข้ามาร่วมโครงการนี้เพื่อพัฒนางาน และเข้าใจกลิ่นสี มาเชื่อมเข้ากับจินตนาการถึงสิ่งต่างๆ แม้ว่าจะดมกลิ่นเดียวกันแต่การตีความหมายอาจจะต่างกัน หรือนึกถึงสิ่งต่างที่เคยเกิดขึ้นในชีวิต การดมกลิ่นตรงนี้ทำให้ตนได้เกิดไอเดียพัฒนางานกระเป๋าตังให้มี 5 ช่อง เพื่อให้สะดวกต่อคนตาบอดและคนทั่วไปก็ยังสามารถใช้ได้ด้วย
    ในส่วนของศิลปินที่ตาปกติ สุภัทรชัย เชื่อธรรมสอน เจ้าของผลงาน untitled ได้บอกถึงความรู้สึกในการร่วมโครงการศิลปะสร้างและสัมผัสได้จากกลิ่น ว่า หลังจากที่ได้ทำการเวิร์คช็อปที่ต้องปิดตาตลอด เพื่อเรียนรู้การมองไม่เห็น ซึ่งทำให้เราเข้าใจความลำบากและความกลัวในการเดิน หรือจะทำอะไรต่างๆ แต่พี่ๆเพื่อนๆคนตาบอดก็ได้สอนในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน  ทำให้ตนเข้าใจคนอื่นมากขึ้น ไม่ตัดสินคนเพียงแค่การใช้ตามอง ในส่วนการทำงานศิลปะ ที่คนปกติทั่วไปจะใช้ตามองและง่ายในการทำงาน แต่พอได้ลองปิดตาทุกอย่างก็ยากขึ้น เพราะเราไม่สามารถดมกลิ่นแล้วจะเข้าใจได้ทันทีว่าคือสีอะไร  งานของตนจึงใช้สีขาวและดำ ในการถ่ายทอดออกมา เพื่อให้คนที่ตาดีที่มาชมงานรู้สึกถึงความไม่แตกต่างกับคนตาบอด และที่สำคัญคือการที่เราได้เปิดใจ เข้าใจ และไม่ตัดสินคนง่ายๆ 

ภาพวาดจากศิลปินปลดปล่อยจินตนาการ


    ภายในงานนิทรรศการก็จะมีการจัด Zone Workshop ที่จะชวนมาปลดปล่อยจินตนาการผ่านพลังของกลิ่น ที่จะปลดล็อกศักยภาพศิลปะของทุกคนกันตลอดทั้งวัน Zone Exhibition เสพงานศิลป์กว่า 20 ผลงาน หลากหลายรูปแบบทั้งงานวาด งานเพ้นท์ งานปั้น และอื่นๆ โดยไม่ใช้สายตาและ Zone Auditorium พบกับ Talk จากศิลปินที่จะเล่าประสบการณ์การทำงานศิลปะในความมืด และกิจกรรมอื่นๆ ที่จะชวนมาสัมผัสความสวยงามที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา ผ่านหนังสั้น ผ่านการเต้น และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"