'ปชป.-มือปราบหูดำ'เปิดนโยบาย'ไม่เกรงใจใคร ปะ-ฉะ-ดะ ยาเสพติด'


เพิ่มเพื่อน    


28ธ.ค.61-ที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคปชป. พร้อมด้วยพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้สมัครสส.กทม. เขตหลักสี่และจตุจักร และนายอันวาร์ สาและ อดีตสส.ปัตตานี ร่วมแถลงนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง เรื่องยาเสพติด ภายใต้สโลแกน “ไม่เกรงใจใคร ปะ-ฉะ-ดะ ยาเสพติด” โดยพล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า สมัยเป็นตำรวจดูแลเรื่องยาเสพติดในพื้นที่กทม. ดังนั้นเมื่อมาทำงานกับพรรคจึงเสนอตัวแก้ไขในเรื่องดังกล่าว โดยมีนโยบาย ปะ ฉะ ดะ เริ่มจาก 1.การยกระดับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ให้มีอำนาจสอบสวนเทียบเท่าตำรวจ โดยป.ป.ส.สามารถทำสำนวนส่งอัยการฟ้องไม่ต้องผ่านตำรวจ นอกจากจะเป็นการแบ่งเบางานตำรวจเหมือนกับที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)แบ่งงานจากกองปราบแล้วนั้น ยังเป็นการค้านอำนาจรัฐและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดได้ดียิ่งขึ้น ครอบคลุมไปยังเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นต้องยกระดับป.ป.ส.ให้มีทุกจังหวัด เพราะป.ป.ส.มีข้อมูลยาเสพติดมากกว่าตำรวจ ดังนั้นจึงต้องให้อำนาจเขา
2.เพิ่มโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่เข้าไปเกี่ยวข้องปัญหาก็จะไม่เพิ่มขึ้น อีกทั้งต้องดำเนินวินัยกับผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น 3.ผู้เสพจับซ้ำต้องย้ำคุก หมายถึงหากได้รับการบำบัดแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อถูกจับอีกครั้งก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะอ้างเป็นผู้ป่วยไม่ได้อีก 4.ตั้งอาสาป้องกันยาเสพติด คล้ายเป็นตำรวจบ้านหรือตำรวจชุมชน โดยเราจะมีเบี้ยเลี้ยงและเงินเดือน และ5.เพิ่มศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดให้ครบครอบคลุมพื้นที่ และคุณภาพประสิทธิภาพในการบำบัดให้ดียิ่งขึ้น เมื่อออกมาแล้วผู้บำบัดจะได้คืนสู่สังคมได้ โดยครั้งแรกจะไม่มีประวัติเพื่อให้สามารถไปทำงานได้  
ทั้งนี้ คำว่า ปะ หมายถึง ดำเนินการ  ฉะ คือ ปราบปรามทุกรูปแบบ ไม่กลัวผู้มีอิทธิพล และคำว่า ดะ หมายความว่าไม่เลือกหน้า
ด้านนายอันวาร์ กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้รุนแรง ทำให้ชาวบ้านทุกข์หนัก เพราะต้องเจอสี่คูณร้อย ระบาดตั้งแต่เยาวชน ครอบครัว อีกทั้งขยายไปยังกลุ่มผู้นำท้องถิ่น บางพื้นที่รวมผู้นำศาสนาด้วย โดยผู้เสพที่เสพมาเป็นระยะนานจะทำให้ระบบขับถ่ายไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งถือว่าร้ายแรงมาก ประกอบกับในชุมชนก็ยังมีธุรกิจรับต้มและขาย ซึ่งกลายเป็นธุรกิจหนึ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ด้วย ดังนั้นจึงเห็นว่าปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว มาตรดังกล่าวเชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้ในทุกพื้นที่ไม่เฉพาะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะบังคับใช้กฏหมายทำอย่างจริงจัง และเราขอเตือนเจ้าหน้าที่รัฐ เราเอาโทษถึงที่สุดถ้าเกี่ยวข้องกับ
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อตอนเป็นรัฐบาลได้พูดคุยกับวัยรุ่นชายที่อยู่ในสถานบำบัด ซึ่งเขาเข้าออกอยู่หลายรอบ เริ่มจากเสพ ก็กลายเป็นผู้ค้า เพราะต้องหาเงินเพื่อไปซื้อยาและวนเวียนอยู่ในวงจรแบนนี้ ตนจึงถามเขาว่า ทำไมปัญหาการค้าไม่หมดไป ก็ได้คำตอบจากเด็กชายว่าถ้าเจ้าหน้าที่ไม่เกี่ยวข้อง ปัญหาจะแก้ไขได้ หลังจากนั้นตนก็ไม่มีเวลาทำนโยบายเพิ่มเติม แต่วันนี้ผ่านมา 6-7 ปี ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาใหญ่ในใจประชาชน ดังนั้นจึงต้องจัดการกับเจ้าหน้าที่ จะเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญสุงสุด ด้านหนึ่งมีป.ป.ส.ที่ทำสำนวนแล้วส่งอัยการ อย่างไรก็ตาม ถ้าพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสจะไม่เกรงใจใคร เพราะไม่เช่นนั้นปัญหาจะไม่หมดไป


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"