
ในปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมาเริ่มต้นปีขึ้นมาแฟนบอลชาวไทยมีความหวังและคาดหวันกันว่า ทีมลูกหนังชาติไทยจะพัฒนาก้าวไกลไปอยู่ระดับแถวหน้าของทวีปเอเชีย เนื่องจากสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ภายใต้การนำนาวาของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมฯ ที่พยายามเปลี่ยนแปลงการบริหารด้วยการไว้เนื้อเชื่อใจชาวต่างชาติ ทำการว่าจ้างทีมงานและสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติจากต่างประเทศเข้ามาบริหาร
ถือว่าเป็นการใช้งบประมาณที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากค่าจ้างเหล่าบรรดากุนซือต่างประเทศ ที่จ้างมาวางระบบนั้นเป็นเม็ดเงินที่มากทีเดียว เหมือนที่สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นกระทำและได้ผลชัดเจน
ซึ่งสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยุค พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เองได้พยายามลอกเลียนแบบการทำงานของสมาคมกีฬาฟุตบอลญี่ปุ่นเกือบจะทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันลีกอาชีพ รวมไปถึงทีมชาติไทยด้วย
แต่ปรากฏว่าปี 2561 กลายเป็นปีที่ทีมชาติไทยล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง จนแทบจะมองได้ว่าถอยหลังไปจากเดิมเสียอีก จนทำให้มองว่าที่ผ่านมาการบริหารงานของ พล.ต.อ. สมยศ ในช่วงเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา ไม่ได้พัฒนาไปจากเดิมเลย ทั้งที่ก่อนเข้ามาบริหารได้ลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะพัฒนาแน่นอน และหากไม่ดีขึ้นไปจากเดิมจะ "ลาออก"
เริ่มต้นปี 2561 ด้วยการส่งทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เดินทางไปฟาดแข้ง ฟุตบอล อายุไม่เกิน 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2018 (2018 AFC U-23 Championship) ที่ประเทศจีน ระหว่าง วันที่ 9 มกราคม – 27 มกราคม 2561 มี 16 ชาติผ่านเข้ามาในการแข่งขัน โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มดังนี้
Group A : จีน (เจ้าภาพ), กาตาร์, อุซเบกิสถาน, โอมาน
Group B : ญี่ปุ่น, เกาหลีเหนือ, ไทย, ปาเลสไตน์
Group C : อิรัก, จอร์แดน ,ซาอุดิอาระเบีย, มาเลเซีย
Group D : เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย, ซีเรีย, เวียดนาม
สำหรับทีมชาติไทย รุ่นอายุ ไม่เกิน 23 ปี ชุดนี้อยู่ภายใต้การคุมทัพของ โซรัน ยานโควิช ซึ่งจากการแบ่งกลุ่มออกมายอมรับว่าเป็นงานหนัก แต่โอกาสในการเข้ารอบถือว่าพอมีหากมีการเตรียมทีมที่ดี
นัดแรก ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ลงสนาม ในวันที่ 10 ม.ค. พบ เกาหลีเหนือ ทีมไทย แพ้ ไป 0-1จากนั้น เกมที่ 2 ในวันที่ 13 ม.ค. พบกับ ญี่ปุ่น ปรากฏว่าทีมไทยแพ้ไปอีก 0-1 นัดสุดท้ายรอบแรก ในวันที่ 16 ม.ค. พบกับ ปาเลสไตน์ ปรากฏว่าเราแพ้ย่อยยับ 1-5 ตกรอบแรกแบบไม่มีแต้มเลย
และที่น่าอับอายที่สุดก็คือหลังเสร็จสิ้นการแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2018 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ทางฝ่ายจัดการแข่งขันของ เอเอฟซี ได้ทำการสรุปอันดับ ปรากฎว่า ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทัพของ โซรัน ยานโควิช ทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดของการแข่งขัน ด้วยการรั้งอันดับที่ 16 ด้วยผลงานแข่ง 3 นัดแพ้รวด ยิงได้ 1 เสีย 7 ประตู ขณะที่อันดับ 1 เป็น อุซเบกิสถาน, อันดับที่ 2 เวียดนาม และ อันดับที่ 3 กาตาร์
ขณะที่ผลงานของเพื่อนร่วมชาติในย่านอาเซียนมาเลเซีย ที่ตกรอบน็อคเอาท์ 8 ทีมสุดท้าย ส่วน เวียดนาม ที่เซอร์ไพรส์ด้วยการทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจบด้วยการคว้าตำแหน่งรองแชมป์มาครอง
จากนั้นเข้าสู่กีฬาเอเชียนเกมส์ 2018 หรือ จาการ์ตา ปาเล็มบัง 2018 ครั้งที่ 18 ประเทศอินโดนีเซีย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 สิงหาคม ถึง 2 กันยายน พ.ศ. 2561 โดยการแข่งขันฟุตบอลชายเอเชียนเกมส์ 2018 ครั้งที่ 18 มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 27 ทีม แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ซึ่งทีมฟุตบอลไทย อยู่กลุ่ม บี ร่วมกับ อุซเบกิสถาน, บังคลาเทศ และ กาตาร์ ทีมนี้อยู่ภายใต้การทำทีมของ "โค้ชโย่ง" วรวุธ ศรีมะฆะ
ปรากฏว่าผลงานที่ไม่เข้าเป้าของทีม "ช้างศึก" เจ้าของอันดับ 4 ถึง 4 สมัย พลาดท่าตกรอบแรก ชนิดที่ไม่ชนะคู่แข่งใน 3 เกม กลับบ้านเร็วหนแรกในรอบ 24 ปี เล่นเอาสะเทือนไปทั้งวงการ จนคนใหญ่คนโตอยู่นิ่งไม่ได้ สุดท้าย สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ตัดสินใจปลด "โค้ชโย่ง" วรวุฒิ ศรีมะฆะ รวมถึงเปลี่ยนประธานพัฒนาเทคนิคที่จะไม่มี "เฮงซัง" วิทยา เลาหกุล อีกต่อไป
เกมแรก ในวันที่ 14 ส.ค. ทีมไทยลงสนามพบ กาตาร์ ตลอดเกมดูเหมือนว่าทีมไทยจะเล่นได้เหนือกว่าแต่สุดท้ายทำได้แค่เสมอกันไป 1-1 จากนั้นเกมที่ 2 ลงสนามในวันที่ 16 ส.ค. พบกับ บังคลาเทศ ปรากฏว่ายังทำได้ไม่ดีจบลงด้วยการเสมอ 1-1 นัดสุดท้ายพบกับ อุซเบกิสถาน พ่ายแพ้ไปแบบหวุดหวิด 0-1
ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่าง เวียดนาม ทะลุเข้าไปไกลถึงรอบตัดเชือก ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาที่สุดให้กับภูมิภาคอาเซี่ยน แถมรอบแบ่งกลุ่มเอาชนะญี่ปุ่น 1-0 อีกด้วย
มาเลเซีย เป็นอีกหนึ่งตัวแทนของอาเซี่ยนที่เข้าสู่รอบสองด้วยผลงานที่น่ายกย่องกับการเอาชนะ "โสมขาว"เกาหลีใต้ ที่มี "ซน ฮึง มิน" 2-1 ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของพลพรรคเสือเหลืองในครั้งนี้
เมียนมา ที่มี อ่อง ธู ดาวยิงจาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แม้จะตกรอบแรก แต่เป็นการตกรอบแรกที่ชนะใจแฟนบอลกับการเก็บได้ 4 แต้มจาก 3 นัด ยันเจ๊า เกาหลีเหนือ 1-1 รวมถึงเกมสุดท้ายที่อัด อิหร่าน 2-0 ทำให้มี 4 แต้มเท่ากันหมด 4 ทีม แต่เมียนมาซวยที่สุด วัดลูกได้-เสีย กลายเป็นว่าต้องตกรอบไป
ส่วนปลายปีศึกใหญ่ในอาเซียนนั่นก็คือ ศึกชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ซึ่งรายการนี้ทีมชาติไทยอยู่ในกลุ่ม บี ร่วมด้วย อินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์,สิงคโปร์ และ ติมอร์เลสเต้ ทีมชาติไทยถูกยกให้เป็น เต็ง 1 ในการคว้าแชมป์ เนื่องจากเป็นแชมป์เก่า อีกทั้งในย่านอาเซียนฟุตบอลเมืองไทยเหนือกว่าทุกชาติ
ทีมชาติไทยชุดใหญ่ทำทีมโดย มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาวเซอร์เบีย โดยชุดนี้ไม่มี 4 นักเตะตัวหลักที่ออกไปค้าแข้งต่างประเทศอย่าง กวิน ธรรมสัจจานันท์ นายทวาร รวมไปถึง ธีราทร บุญมาทัน, ชนาธิป สรงกระสินธิ์ และ ธีรศิลป์ แดงดา แต่นักเตะที่ติดทีมถือว่ายังเหนือกว่าชาติอื่น
ประเดิม นัดแรกด้วยการไล่ถล่ม ติมอร์ เลสเต้ ไปแบบสบายๆ 7-0 จากนั้นในวันที่ 17 พ.ย. พบกับ อินโดนีเซีย เล่นในบ้านยังเอาชนะไปได้ 4-2 นัดที่ 3 ออกไปเยือน ฟิลิปปินส์ ในวันที่ 21 พ.ย. ปรากฏว่าทำได้แค่เสมอ 1-1 นัดสุดท้าย วันที่ 25 พ.ย. เปิดบ้านรับ สิงคโปร์ เอาชนะไปได้ 3-0 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นที่ 1 ของกลุ่ม ไปพบกับ มาเลเซีย
รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ต้องบุกไปเยือน มาเลเซีย ในวันที่ 1 ธ.ค. ปรากฏว่า เสมอกัน 0-0 โดยรูปเกมเป็นรองค่อนข้างชัดเจน นัดที่ 2 กลับมาเล่นกันที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 5 ธ.ค. เกมจบลงด้วยการเสมอกัน 2-2 ชนิดที่แฟนบอลช็อกเพราะท้ายเกมทีมไทยได้จุดโทษแต่ยิงไม่เข้า ทำให้ทีมไทยตกรอบไม่ได้เข้าไปชิงชนะเลิศด้วยกฏประตูทีมเยือน
จากนั้นเกิดปัญาหาตามมามากมายหลายฝ่ายมองว่าการทำทีมของ ราเยวัช นั้นเหมาะสมกับทีมไทยหรือไม่ เพราะตลอดทัวร์นาเม้นท์ไม่เห็นเกมรุกที่น่ากลัวเลย ต่างจากเกมรุกในยคุที่ "โค้ชซิโก้" ทำทีม หรือจะเป็นเกมรับที่มองกันว่า ราเยวัช ถนัดในการทำทีม แต่ยังมีชอ่งโหว่ให้เห็นมากมาย โดยเกมที่เจอมาเลเซียและฟิลิปปินส์หากกองหน้าของทั้ง 2 ชาติ เฉียบคมโอกาสเสียประตูมีมากกว่าที่ผ่านมาแน่
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เคยลั่นวาจาเอาไว้หลังเข้าไปบริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ทำนองว่าหากตนเองบริหารแล้วไม่พัฒนาจะลาออก ส่งผลให้แฟนบอลตามทวงถามคำมั่นสัญญานี้
แต่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ออกมายืนยันว่า ไม่ออก และยังให้โอกาส ราเยวัช ทำทีมสู้เอเชี่ยนคัพต่อไปโดยมีข้อแม้ว่าถ้าไม่เข้ารอบ 16 ทีมปลดแน่
ส่วน พล.ต.อ.สมยศ ยืนยันว่าฟุตบอลไทยจะพัฒนาต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 20 ปี
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลงานสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยุคที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง บริหารในปี 2561 แต่เมื่อรวมกับที่ได้รับการเลือกเข้าไปบริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ถึงปี 2561 รวมแล้ว 3 ปี
ผลงานกลับตกต่ำไปจากยุดเดิม แต่ยังคุยโวว่ามีผลงานมากมาย ทั้งที่ไม่เป็นรูปธรรม
ส่วนปี 2562 ผลงานทีมฟุตบอลชาติไทยยุค พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เป็นนายกสมาคมฯ จะออกมาอย่างไรต้องติดตามกันต่อไป หากยังไม่ดีขึ้นแฟนบอลต้องอดทน เพราะ พล.ต.อ.สมยศ ยืนยันว่าไม่ลาออก
เริ่มต้นปี 2562 ทีมชาติไทยจะลงสนามทำศึกเอเชี่ยนคัพ รอบสุดท้าย ที่ประเทศ ยูเออี ส่วนจะจบลงแบบไหนคงต้องติดตาม
หากต้นปีเปิดหัวไม่สวยเห็นที ปี 2562 คงจะไม่ต่างไปจาก ปี 2561 ที่ผ่านมาเป็นแน่
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |