ช่างบังเอิญ!มีม็อบปุ๊บสั่งปิดทีวีแดงปั๊บ


เพิ่มเพื่อน    

“ประวิตร” ยังไม่แจงนาฬิกาหรูรอบ 3 ที่มีเส้นตาย 8 ก.พ. “บิ๊กตู่” รมณ์บ่จอย อัดสื่อจ้องแต่ถามเรื่องพี่ใหญ่ ไก่อูรีบปัดรัฐบาลไม่สนใจโพลทั้งหนุน-เชียร์บิ๊กป้อม นายกฯ ย้ำเลือกตั้งขึ้นกับกฎหมายลูก บังคับใช้เมื่อใดก็เมื่อนั้น ลั่นปรองดองต้องหันหน้าคุยกัน จะรอแค่นิรโทษฯ ให้คดีหมดไม่ใช่เรื่อง “สมศักดิ์” โผล่เตือนใช้สติคุมชุมนุม 10 ก.พ. หวั่นอดีตยุค 2516 หลอนซ้ำ พีซทีวีเผยถูกสั่งปิด 15 วันอีกแล้ว เตรียมโผล่เฟซบุ๊กไลฟ์แทน
เมื่อวันอังคาร ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 25 เรือน ที่ไม่มีการแจ้งในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยระบุว่าเป็นแค่นาฬิกายืมเพื่อนและคืนให้หมดแล้ว แหล่ง ข่าว ป.ป.ช.เผยว่า ป.ป.ช.ได้ให้ พล.อ.ประวิตรชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 3 โดยส่งหนังสือไปเมื่อวันที่ 24 ม.ค. แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีการชี้แจงมา และจะครบกำหนดการชี้แจงในวันที่ 8 ก.พ.นี้ 
ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลจากบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับนาฬิกาตามที่ พล.อ.ประวิตรกล่าวอ้างจำนวน 4 รายนั้น ขณะนี้ได้รับความร่วมมือในการให้ถ้อยคำและให้ข้อมูลเป็นอย่างดี ส่วนบริษัทตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาภายในประเทศที่ปรากฏเป็นข่าว ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือเพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวแล้ว ซึ่งก็ได้รับเอกสารตอบมาบางส่วนแล้ว คาดว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.นี้แน่นอน
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.จันทบุรี ปฏิเสธตอบคำถามถึงกรณีของ พล.อ.ประวิตร โดยระบุว่า “วันนี้สื่อมวลชนอยากรู้เพียงไม่กี่เรื่อง และรู้ว่าเดี๋ยวจะถามคำถามอะไร แต่ผมก็จะตอบแค่นี้ ผมไม่เคยกลัวอะไรนอกจากนักข่าวที่จะถามคำถาม”
เมื่อซักว่าหนักใจกรณีของ พล.อ.ประวิตรหรือไม่   เพราะกระแสสังคมยังไม่หยุดการโจมตี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยเสียงดังว่า “ทำไม จะถามทำไมกันอีก วันนี้ท่านยังไม่กลับมา ประชุมอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ คิดถึงหรือ เอาคำถามต่อไป” และเมื่อถามอีกว่ามีกระแสข่าว พล.อ.ประวิตรมีการยื่นหนังสือลาออก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเลี่ยงว่า “อะไรนะ เรื่องอะไร มีเรื่องอื่นอะไรอีกหรือไม่ ไม่มีก็สวัสดีครับ” จากนั้นได้เดินออกจากโพเดียมการให้สัมภาษณ์ทันที
ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการจัดทำโพลเรื่องสนับสนุนและคัดค้านการอยู่ในตำแหน่งของ พล.อ.ประวิตร ว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายการทำโพลดังกล่าว เพราะนายกฯ พูดมาโดยตลอดว่าโพลคือการทำผลสำรวจความคิดเห็น ไม่ใช่เสียงของคนทั้งประเทศ เสียงของคนทั้งประเทศคือการลงประชามติ ปัจจุบันการทำโพลหรือเปิดเว็บให้คนลงชื่อมีนัยทางการเมือง เราจึงไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว นายกฯ ยึดมั่นกฎกติกาทางกฎหมาย ขณะนี้เป็นเรื่องของ พล.อ.ประวิตรจะชี้แจงต่อ ป.ป.ช. ส่วน ป.ป.ช.จะวินิจฉัยอย่างไรต้องรอฟัง
รัฐบาลเมินโพลต้าน-หนุน
"เราจะไม่สนใจว่าใครจะร่วมลงชื่อหรือไม่ร่วมลงชื่อ เป็นคนกลุ่มไหนสุดแล้วแต่ เพราะไม่ได้มีผลในการปฏิบัติ เป็นเพียงสิ่งที่ทำให้เกิดสีสันหรือจูงความคิดของคน แต่ถ้าคนเข้าใจว่าโพลไม่ใช่ความคิดเห็นของคนทั้งประเทศ เป็นเพียงการสำรวจความคิดเห็นคิดว่าสังคมเริ่มปรับตัว ต่างจากก่อนหน้านี้เมื่ออะไรมาคนจะมีความรู้สึกร่วมเยอะ แต่วันนี้ทุกคนปรับตัวได้ว่าโซเชียลคือโซเชียล เชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง" พล.ท.สรรเสริญกล่าว
     เมื่อถามว่า จะตรวจสอบไปยังบุคคลเบื้องหลังที่ทำโพลในเว็บไซต์ต่างๆ เรื่องดังกล่าวหรือไม่ พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า คิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติดตามเมื่อมีการกระทำผิดกฎหมาย เขาจะหาว่าเป็นใครและแจ้งให้ทราบว่ากำลังกระทำผิดกฎหมาย หากไม่หยุดต้องดำเนินคดี ส่วนการขอความร่วมมือกับผู้ที่ทำโพลหรือไม่นั้น คิดว่าขอแล้วมันจะได้หรือไม่ นายกฯ พูดมาหลายครั้งแล้ว ขอไปก็ไลฟ์บอย สิ่งที่ทำได้คือให้ทุกคนเรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้ด้วยตัวเอง
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการดำเนินคดีในพื้นที่ สน.พระราชวัง ที่มีผู้มาให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร ว่ามีคนมารายงานตัวตามหมายเรียกอีก 5 ราย พนักงานสอบสวนนำไปฟ้อง และเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ก็มีอีก 1 ราย รวมเป็น 6 ราย ส่วนที่ สน.ปทุมวัน วันที่ 6 ก.พ. มามอบตัว 1 ราย
ในช่วงเช้า ที่อาคารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จ.จันทบุรี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุม ครม.สัญจร โดยก่อนประชุมนายกฯ ได้พบปะผู้บริหาร คณาจารย์ และนักศึกษาที่มาต้อนรับ โดยนักศึกษาได้บูมต้อนรับนายกฯ อย่างพร้อมเพรียงว่า  "ชีวิตมั่นคง ดำรงมั่งคั่ง สามัคคีคือพลัง พาชาติยั่งยืน" ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับยิ้มและกล่าวขอบคุณ พร้อมร่วมถ่ายรูปอย่างเป็นกันเอง 
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังก่อนกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้รัฐบาลได้เริ่มต้นเพื่อวางรากฐานไว้ให้พวกเราทุกคน แต่ต่อไปพวกเราจะต้องช่วยกันขับเคลื่อน เราต้องมองไปถึงอนาคต ไม่ใช่มองเฉพาะตัวเอง แต่ต้องคำนึงถึงคนอื่นและประเทศชาติ ถ้าไม่เห็นแก่ประเทศชาติและคนอื่น ก็จะนำไปสู่ความขัดแย้ง แม้เราจะคิดไม่เหมือนกัน แต่จะต้องให้ความร่วมมือ อย่าเอาสิ่งที่จะขัดแย้งมาทะเลาะเบาะแว้งกัน เพื่อเปิดทางให้สิ่งที่ดีเกิดขึ้นได้ เรื่องใดที่ยังเห็นว่าแก้ไม่ได้ก็เอาไว้ทีหลัง นำเรื่องที่เห็นตรงกันมาเดินหน้าก่อน
ต่อมาในเวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการลงพื้นที่ครั้งนี้ว่า ประสบความสำเร็จในหลายๆ ด้าน เมื่อคืนวันที่ 5 ก.พ. ประชุมกันถึงสี่ทุ่ม นอนตีหนึ่ง ตื่นมาตีสี่ประชุม ครม.สัญจร ก็โอเค ต้องฮาวทูดู สำคัญที่สุดคิดขับเคลื่อนฮาวทูดู ทำอย่างไรไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ทำอย่างไรให้ทุกคนร่วมมือ ทำอย่างไรให้กับอนาคตคนรุ่นใหม่ เคยคิดไหมว่าถ้าบ้านเมืองมันเสียหาย มาตีกันวันนี้ ปรองดองกันไม่ได้ เลือกตั้งกันไม่ได้ เด็กเหล่านี้เขาเดือดร้อน เพราะฉะนั้นใครที่ทำให้เรื่องวุ่นวายขึ้นมา ตอบเด็กเหล่านี้ด้วยว่าจะทำอย่างไรกับเขา เพราะตนพยายามทำให้เขาอยู่ ไม่ได้มาหาเสียง ต้องการให้ทุกคนเข้าใจ 
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสที่เรียกร้องให้นายกฯ ระบุวันเลือกตั้งให้ชัดเจน เพราะยังคลุมเครืออยู่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ก็ระบุวันเลือกตั้งเป็นไปตามกฎหมาย กฎหมายลูกมีผลใช้เมื่อไหร่ก็นั่นแหละวันเลือกตั้ง เป็นไปตามกระบวนการ เรื่องพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.-ส.ว. ยังอยู่ในกระบวนการ เมื่อทุกอย่างพร้อม ทุกฝ่ายพร้อม ก็โอเค ก็เลือกตั้งไป เมื่อวันที่ 5 ก.พ. คุยกับนักการเมืองท้องถิ่นภาคตะวันออกที่มาพบ ซึ่งไม่ได้บังคับมา ก็มาคุยกันได้ ปรับความเข้าใจกันว่าที่คุยกันหมายความว่าอย่างไร ที่รัฐบาลพูดไว้ว่าอย่างไร ไม่ได้ไปสู้รบปรบมือกับเขา โดยบอกไปว่าถ้าท่านเข้าใจอย่างนี้ อธิบายอย่างนี้แล้ว ไปหาทางออกกันว่าจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ไม่ได้พูดเรื่องการเมือง และไม่มีเฉพาะนักการเมือง มีทั้ง อปท., อบต. และภาคประชาชน 
ซัด"นิรโทษฯ"ปรองดองไม่ได้
      “ความขัดแย้งต้องเริ่มจากเอาทุกคนมาพูดคุยกันในเวลาเดียวกัน แต่ผมถามว่าบางคนบางพวกไม่ยอมคุยกับใครเลย ผมถามว่าใครล่ะที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง เรามองประเทศชาติหรือเปล่า หรือมองแต่เพียงว่าทำอย่างไรจะให้เลิกคดีความได้อะไรได้ ถ้าพูดแค่นั้นปรองดองไม่ได้หรอก คดีคือคดี เป็นเรื่องการดำเนินการทางกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม คนที่เข้าสู่กระบวนการก็สู้คดีไปได้ แล้วทำไมบางคนบางพวกรับไม่ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกัน หลายอย่างได้ประโยชน์จากทางกฎหมายก็รับได้ พอไม่ได้ประโยชน์ก็โทษกระบวนการยุติธรรม ผมว่าไม่ยุติธรรม ผมก็จะยืนตรงจุดที่เหมาะของผมให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
      พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ของคณะทำงานของโครงการไทยนิยมยั่งยืน ว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบาย รัฐบาล-คสช.มีทั้งการขับเคลื่อนในหลายภาคส่วน ทั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งหมดทำงานร่วมกัน ลงไปขับเคลื่อน ไม่ได้หมายความว่าไปดำเนินการทางการเมือง ถ้าจะดูแลเพื่อรักษาคะแนนเสียงเพียงอย่างเดียวประเทศก็ล่มสลาย 
นายสุระ เตชะทัต โฆษกพรรคพลังชล กล่าวถึงกรณีนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล พร้อมด้วยอดีต ส.ส.ของพรรค พบปะพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในประชุม ครม.สัญจร จนมีกระแสข่าวเตรียมเข้าร่วมทางการเมืองในการเลือกตั้งสมัยหน้าว่า นายสนธยาเป็นนักการเมืองในพื้นที่ เมื่อนายกฯ เดินทางมาประชุม ครม.สัญจร ในฐานะเจ้าบ้านเลยเดินทางไปต้อนรับ ยิ่งในอนาคตจะมีโครงการอีอีซีเกิดขึ้น จึงได้นำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นมาร่วมแลกเปลี่ยน ส่วนประเด็นการเมืองที่มีตั้งข้อสังเกตนั้น ไม่มีการพูดคุยประเด็นการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น 
     นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกเจ็บปวดกับคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ ในโอกาสไปประชุม ครม.สัญจรที่ว่า "ประชาธิปไตยต้องมี แต่ควรมี เมื่อพร้อม" และยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นที่ท่านกล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับว่า "ถ้าเลือกได้คนไม่ดี ได้แบบเดิมมา จะเกิดอะไรขึ้นไม่รู้นะ" รู้สึกไม่สบายใจ ท่านไม่รู้เลยหรือว่าคำพูดดังกล่าวเป็นการดูถูกประชาชน และทำลายความเชื่อมั่นประเทศ 
      “แม้จะเจ็บปวด แต่ไม่ท้อถอย และที่ออกมาให้ความเห็นในครั้งนี้ ก็ต้องการให้กำลังใจกับคนรุ่นหนุ่ม รุ่นสาว ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ การศึกษาดี ที่ทยอยอาสาเข้ามาทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย ขออย่าท้อถอยกับความคิดของฝ่ายอำนาจนิยมซึ่งเป็นคนส่วนน้อยและตกยุคไปแล้ว” นายชวลิตกล่าว
    ส่วนนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจรและพบปะกับนักการเมือง แต่ปฏิเสธว่าไม่ใช่การหาเสียง ว่าในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศแล้วว่าไม่เล่นการเมือง และไม่ได้หาเสียง ไม่ได้ไปทำงานการเมือง ก็ต้องเชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนการที่นักการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติไปให้การต้อนรับนายกฯ นั้น อย่าไปมองว่าเป็นการเมือง แต่ขอให้มองว่านี่คือการต้อนรับนายกฯ ที่มาเยือน เหมือนตอนที่นายกฯ ไปสุพรรณบุรี อ่างทอง หรือไปที่ไหนๆ ต้องมีนักการเมืองท้องถิ่นมาต้อนรับ ตอนนี้นายกฯ พูดอะไรต้องเชื่อไว้ก่อน เหมือนกับที่บอกว่าจะเลือกตั้ง ถ้าไม่เชื่อท่านแล้วจะเชื่อใคร แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไรประชาชนต้องตัดสินใจเลือกเอาเอง 
ส่วนกรณีที่ขณะนี้มีกลุ่มการเมืองออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้น โดยเฉพาะในวันที่ 10 ก.พ.นี้ จะมีกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยชุมนุมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า อยากฝากประเด็นนี้ว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่บอกให้รัฐบาลรู้ว่าประชาชนต้องการเห็นการเลือกตั้ง ต้องการให้รัฐบาลปฏิบัติตามโรดแมป คืนอำนาจให้ประชาชน เป็นการทวงสัญญาจาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้ให้คำมั่นสัญญาเขาเอาไว้
แนะมีสติคุมชุมนุม 10 ก.พ.
"ผมขอฝากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทั้งหลาย ว่าอย่าใช้ความรุนแรง อย่าจำกัดสิทธิเสรีภาพ หรือละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่าให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ยอมรับว่ากลัวและหวาดวิตก เพราะในประวัติศาสตร์เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 แต่วันนี้ปี 2561 เป็นตัวเลขเดียวกันทั้งหมด ดังนั้น 45 ปีผ่านไป อย่าให้ประวัติศาสตร์ของการทำร้ายประชาชนแล้วนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกลับมาซ้ำรอยอีกเลย ขอให้มีสติไว้ อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย อย่าให้ 2516 กับ 2561 เป็นเลขอาถรรพ์เลย"
    ส่วน พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีการนัดรวมตัวทวงคืนการเลือกตั้ง ในวันที่ 10 ก.พ. ที่บริเวณสกายวอล์ก  ว่าขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ติดตามข้อมูลและเฝ้าระวังอยู่แล้ว และไม่คิดว่าเรื่องดังกล่าวมันจะลุกลามบานปลาย เพราะมีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ คงไม่มีอะไร ถ้ามี เจ้าหน้าที่จะมีการแจ้งเตือน
พล.ท.สรรเสริญกล่าวเช่นกันว่า ฝ่ายความมั่นคงติดตามอยู่ แต่ไม่ได้กดดัน เพียงแต่ทุกคนทราบในข้อกฎหมาย และจากการรับฟังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เขาจะใช้มาตรการที่ทำให้ทุกคนรู้สึกสบายใจที่สุด เช่น เมื่อรู้ว่าใครจะทำอะไร จะแจ้งให้ทราบว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง หลักกฎหมายเป็นอย่างไร ถ้าเชื่อ ทุกอย่างก็จบ แต่ถ้าไม่เชื่อ ทำไปไม่ผิดกฎหมายก็ไม่มีใครว่า แต่ถ้าผิดกฎหมายเข้าต้องดำเนินคดี ไม่เช่นนั้นจะถูกต่อว่าจากคนอีกกลุ่มว่าปล่อยปละละเลยให้มีผู้กระทำผิดกฎหมาย
"ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์วันนี้หรือวันที่มีการเลือกตั้ง เรารู้ว่ากฎหมายคืออะไร แล้วยังกระทำผิดกฎหมายต่อให้มีการเลือกตั้งอีกร้อยครั้งพันครั้ง ก็ไม่ทำให้สังคมมีความสงบสุขและร่มเย็นได้ หลักการสำคัญคือต้องเคารพกฎหมาย" พล.ท.สรรเสริญกล่าว
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวถึงการดำเนินคดีกับกลุ่มมวลชนที่มาชุมนุมเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งและต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช.ที่สกายวอล์ก แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ว่าพนักงานสอบสวนมีการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ไปหมดแล้ว โดยให้มารายงานตัวภายในวันที่ 8 ก.พ.นี้ ถ้ายังไม่มา ก็ต้องพิจารณาขอศาลอนุมัติหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนบางรายที่อ้างมาไม่ได้ ก็ต้องดูว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ ยืนยันการดำเนินคดีทั้งกลุ่มมวลชนสกายวอล์กและมวลชนให้กำลังใจรองนายกฯ ไม่ได้มีใบสั่งจากรัฐบาล ตำรวจทำงานอิสระ
พล.ต.อ.ศรีวราห์ยังกล่าวถึงการชุมนุมในวันที่ 10 ก.พ.ว่า ตำรวจพร้อมรับมือ ยังไม่พบความเคลื่อนไหวอะไรที่เป็นนัยพิเศษ การชุมนุมคือการชุมนุม ไม่ใช่การก่อการร้าย ตำรวจก็ระวังมือที่สาม บังคับใช้กฎหมายตามปกติ ไม่มีอะไรพิเศษเข้มงวด 100% แต่ถ้าหากทำผิดก็ยอมไม่ได้ สตช.ไม่ได้เพ่งเล็งเป็นพิเศษ 
วันเดียวกัน เฟซบุ๊กนางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยทีมงานนางธิดา โพสต์ข้อความว่า เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ กสทช.ได้เดินทางมาถึงสถานี PEACE TV เพื่อแจ้งให้ทราบว่าจะสั่งพักใช้ใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องพีซทีวีเป็นเวลา 15 วัน และคาดว่าจะตัดสัญญาณในเวลาหลังเที่ยงคืนของคืนที่ 6 ก.พ.นี้ โดยเราจะพบกันเหมือนเดิมทางเฟซบุ๊กไลฟ์
ขณะที่นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช. และหนึ่งในผู้ดำเนินรายการทางพีซทีวี กล่าวว่า พีซทีวีมีความเห็นหลากหลาย ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานรัฐบาลอย่างเสียหาย เพียงแต่พูดความจริงตามแนวทางประชาธิปไตย เมื่อผู้มีอำนาจรัฐทนไม่ได้ และ กสทช.อาจทำเพื่อเอาใจด้วย การสั่งปิดพีซทีวีถือเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน ข้อหาในการสั่งปิดเป็นเรื่องเดิมๆ แต่เมื่อโดนปิดเราก็ไปออกอากาศผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์เหมือนเคย       
เมื่อถามว่า คิดว่าเกี่ยวพันเชื่อมโยงกับการชุมนุม 10 ก.พ.หรือไม่ นายธนาวุฒิกล่าวว่า ก็ทุกอย่าง รัฐบาลเผด็จการเมื่อเห็นสิ่งที่ฝ่ายประชาธิปไตยดำเนินการเผยแพร่ข่าวสาร คนเหล่านี้ก็พยายามหาทางปิดอยู่ตลอดเวลา.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"