จากซีอีโอ...สู่เส้นถนนภูมิใจไทย "แบงก์" จิตรภณ ทิพย์โภคาสกุล


เพิ่มเพื่อน    

        การเลือกตั้งปี 62 ภายใต้สถานการณ์ใหม่ที่คนในบ้านเมืองต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง...จึงทำให้คนรุ่นใหม่อาสาเข้าสู่เส้นทางสายการเมืองมากขึ้น หนึ่งในคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตามองคือ “แบงก์” นายจิตรภณ ทิพย์โภคาสกุล ซีอีโอหนุ่มจากบริษัทด้านสื่อดิจิตอล  ที่ผันตัวเองมาเป็นคนภูมิใจไทย พร้อมลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่บางแค กรุงเทพฯ หวังแก้ปัญหาต่างๆ ให้คนในพื้นที่ และขับเคลื่อนนโยบายพรรคสีน้ำเงินเพื่อแก้ปัญหาปากท้อง ภายใต้สโลแกนพรรค “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน”

       "จิตรภณ" กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ผมเคยทำงานร่วมกับพรรคการเมืองพรรคขนาดใหญ่มาก่อน แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ของตัวเองและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ แตกต่างจากพรรคภูมิใจไทย มีการผสมผสานกับเรื่องระบบพรรคและทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ ไม่มีวาทะทางการเมืองสร้างความแตกแยก เป็นพรรคสายกลาง และไม่ขัดแย้งกับใคร พร้อมนโยบายที่มุ่งแก้ปัญหาปากท้องเป็นสำคัญ ดังนั้นเมื่อผมได้สัมผัสและพูดคุยถึงทิศทางกับผู้ใหญ่ในพรรคแล้ว จึงตัดสินใจเลือกพรรคภูมิใจไทย   

       “ผมมีความชอบและสนใจเรื่องการเมืองมาตั้งแต่เด็ก เติบโตและใช้ชีวิตในเขตบางแค กรุงเทพฯ เห็นว่าระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ เปลี่ยนแปลงและพัฒนาค่อนข้างช้ามาก และผมคิดว่าเราติดตามงานการเมืองมานานแล้วมองเห็นความวุ่นวายของนักการเมืองที่ทำให้ประเทศถดถอย โอกาสของประชาชนก็ค่อนข้างน้อยลงทุกที แต่จะเปิดโอกาสให้กับบริษัทขนาดใหญ่และต่างชาติมากกว่า ประชาชนคนไทยระดับรากหญ้ามีปัญหาด้านการประกอบอาชีพก็เยอะ ผมจึงจะลองใช้ความรู้ความสามารถที่ได้ศึกษามาเข้ามาเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยก็เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงในเขตพื้นที่ของตัวเองก่อนก็ได้”

“ส่วนระดับชาตินั้นเข้าใจว่าเรื่องการแสดงความคิดเห็นก็เป็นสิ่งที่เราพึงทำได้ในพรรคภูมิใจไทย เพราะพรรคก็มีนโยบายค่อนข้างทันสมัย และจะลบภาพพรรคเป็นของคนต่างจังหวัด วันนี้เราคิดว่าภูมิใจไทยเป็นพรรคของคนไทยทั้งประเทศแล้ว เรามีนโยบายสำหรับคนเมือง สำหรับชาวบ้าน และรวมถึงเยาวชน มองว่านโยบายเหล่านี้จะช่วยแก้ไขปัญหาให้พวกเขาได้”

“คนรุ่นใหม่พรรคภูมิใจไทย” กล่าวต่อว่า ผมมาจากสายบริหารธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดิจิตอล จึงเข้าใจเทคโนโลยีว่ามันมาเร็ว แต่การจะดูแลคนที่อยู่ในอาชีพต่างๆ ก็ต้องขึ้นอยู่กับกฎหมายด้วย และพรรคภูมิใจไทยก็เน้นการนำเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์กับประชาชนเข้ามาใช้ และทุกระดับได้เข้าถึง จึงเป็นความท้าทายที่จะเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายและสามารถนำมาปฏิบัติได้จริง

ทั้งนี้ นโยบายของพรรคภูมิใจไทยมุ่งเน้นเรื่องการเศรษฐกิจแบ่งปัน นำเทคโนโลยีมาปรับเพื่อการใช้งานของหลายๆ อาชีพ รวมถึงเรื่องสวัสดิการสุขภาพที่เราจะปฏิรูป อสส.ให้มีเงินเดือน 2,500-10,000 บาท เราจะทำให้การดูแลสุขภาพเบื้องต้นผ่านรูปแบบการใช้เทคโนโลยี เราคิดว่าการแก้ปัญหาเร่งด่วนเชิงนโยบายปรับปรุงบุคลากรนั้นต้องใช้เวลานาน จะพยายามขยายองค์ความรู้ของบุคลากรไปสู่ อสม. สามารถแก้ไขปัญหาสุขภาพเบื้องต้นให้ประชาชนที่เข้าไม่ถึงบริการเหล่านี้ ส่วนเรื่องเศรษฐกิจจะพัฒนา 5G ซึ่งมันจะเปลี่ยนคำตอบในการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของประเทศไทย และทำให้คนไทยเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม

“ท่านอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีจุดยืนว่า เราเป็นพรรคการเมืองที่มุ่งเน้นดูแลปัญหาปากท้องประชาชนเป็นหลัก เราไม่ได้คิดจะเลือกข้าง เราไม่ได้ยึดถือเรื่องเกณฑ์การเมืองเป็นหลัก เพียงเราคิดว่าการจะเข้ามาแก้ไขปัญหาของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ และการเปิดโอกาสให้นักการเมืองใหม่ๆ รวมถึงนักการเมืองที่อยู่ในพรรคแสดงความคิดเห็น กำหนดแนวความคิด นโยบายที่อยู่ในเขตพื้นที่ของตัวเองเป็นเรื่องดี 

“ส่วนนโยบายพรรคเราก็จะนำมาร่วมประยุกต์ อีกทั้งนายอนุทินมีความชัดเจนเรื่องของผู้สมัคร ซึ่งผู้สมัครของภูมิใจไทยที่จะส่งจะต้องเป็นคนที่ทำงานได้จริง ไม่ใช่เข้ามาเพื่อขอแบ่งคะแนนให้ใคร แต่คนที่ส่งเพราะต้องการให้ได้เป็นผู้แทนในเขตนั้นจริงๆ”

“จิตรภณ” กล่าว และว่า สถานการณ์ขณะนี้ผมไม่เห็นด้วยที่นักการเมืองต่างๆ จะมุ่งเน้นให้เกิดการเลือกข้างแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพราะเราเป็นคนไทยเหมือนกัน ต้องรักและสามัคคี ซึ่งตรงกับจุดยืนของคนภูมิใจไทย ยึดถือความเป็นกลาง ไม่เลือกข้าง ไม่ขัดแย้งกับใคร แต่เราเลือกอยู่ข้างประชาชน สอดคล้องกับความต้องการของชาวบ้านที่ต้องการผู้แทนราษฎรเข้ามาแก้ปัญหาและตอบโจทย์ชีวิต มากกว่าเข้ามาแก้ปัญหาการเมือง หรือแก้รัฐธรรมนูญ

“พรรคภูมิใจไทยจะนำคนรุ่นเก่าที่เก๋าประสบการณ์มาผสมผสานแนวคิดของคนรุ่นใหม่ แล้วหาจุดร่วมตรงกลางช่วยกันทำงานเพื่อประโยชน์แก่สวนรวมและประเทศชาติ ถือเป็นจุดเด่นและแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ”

เมื่อถามถึงการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ “แบงก์” กล่าวว่า รัฐบาลยุค คสช.ได้มีการเปลี่ยนแปลงหลายเรื่อง มีทั้งดีและยังไปไม่ถึงเป้าหมาย โดยเฉพาะเมื่อดำเนินการไปเรื่อยๆ จะพบเจอปัญหาเดิมๆ คือการกระจายโอกาสที่ยังไม่ตรงจุด ทั้งเรื่องเศรษฐกิจระดับรากหญ้า ชนชั้นกลางค่อนข้างมีปัญหามาก หนี้ครัวเรือนเติบโตอย่างเร็วมาก รวมทั้งนโยบายต่างๆ ยังเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ หวังผลเฉพาะหน้า มิใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน  

“ผมเชื่อว่าเป็นโจทย์สำคัญที่ท้าทายรัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามาแก้ไข และหวังว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในปี 62 จะเป็นทางออกของประเทศ เพราะทุกฝ่ายมีบทเรียนมาหมดแล้ว” คนรุ่นใหม่พรรคภูมิใจไทยกล่าวปิดท้าย. 

 

นายจิตรภณ ทิพย์โภคาสกุล อายุ 36 ปี ผู้ก่อตั้ง บริษัท บอนด์ แอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัททางด้านเทคโนโลยี สื่อประชาสัมพันธ์ ดิจิตอลครบวงจร ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงอุปกรณ์แสงสว่างแอลอีดี ภายใต้ตราสินค้า Ritz LED (ริช แอลอีดี) 

ส่วนประวัติการศึกษา จบประถมศึกษา โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี, มัธยมศึกษา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย, ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์ (ภาคพิเศษ)

โดยมีผลงานด้านการเมืองเข้าร่วมโครงการ ยุวประชาธิปัตย์ โครงการของพรรคประชาธิปัตย์ พ.ศ.2538, ร่วมคณะทำงานหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ เขตภาษีเจริญ กทม. ปี พ.ศ.2538, ร่วมคณะทำงานของพรรคไทยรักไทย หาเสียงลงรับสมัครผู้ว่าฯ กทม. ปี พ.ศ.2543 และร่วมคณะทำงานพรรคพลังชล หาเสียงลงรับสมัครเลือกตั้ง ปี พ.ศ.2554


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"