ขนหัวลุกตายแล้ว410ศพ เมาขับยึดรถกว่า4พันคัน


เพิ่มเพื่อน    


    แล้วจะไม่ตายเป็นอันดับหนึ่งของโลกได้อย่างไร เปิดตัวเลขขนหัวลุก หยุดยาวปีใหม่สะสม 6 วัน เสียชีวิตแล้ว 410 ราย มีผู้บาดเจ็บรวม 3,516 คน เกิดอุบัติเหตุรวม 3,425 ครั้ง คสช.ยึดรถเมาขับไปแล้ว 4,545 คัน ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในส่วนรถจักรยานยนต์ 121,031 คน รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ส่วนบุคล 88,323 คน
    พล.ท.สมศักดิ์ สมรักษ์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก ผู้แทนเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่หกของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร”  เกิดอุบัติเหตุ 664 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 89 ราย ผู้บาดเจ็บ 675 คน 
    สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 43.22 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 31.48 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 84.60 รถปิกอัพ 4.84 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 64.91 บนถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 37.95 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 36.14 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 00.01-04.00 น. ร้อยละ 28.61 
    ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,048 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 66,823 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 933,344 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 185,944 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 50,013 ราย ไม่มีใบขับขี่ 45,323 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี (24 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา (10 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (31 คน) สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 6 วัน (27 ธ.ค.61-1 ม.ค.62) เกิดอุบัติเหตุรวม 3,425 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 410 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,516 คน 
ตายเป็นศูนย์ 6 จังหวัด
    จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 6 จังหวัด ได้แก่ ตาก พังงา แพร่ แม่ฮ่องสอน สตูล และสมุทรสงคราม จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (109 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา (24 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (127 คน)
     พล.ท.สมศักดิ์กล่าวอีกว่า ประชาชนบางส่วนยังคงอยู่ระหว่างการเดินทางกลับจากภูมิลำเนา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงได้สั่งการให้ ศปถ. ประสานจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนตลอดเส้นทางอย่างต่อเนื่อง ดำเนินการแก้ไขปัญหาการจราจร โดยเปิดช่องทางพิเศษเพื่อเร่งระบายรถ และปิดจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ อาทิ ตั้งกรวยริมไหล่ทาง ปิดจุดกลับรถ คุมเข้มเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับ และง่วงหลับใน 
    รวมถึงเน้นย้ำให้ขนส่งจังหวัดเข้มงวดการเตรียมความพร้อมของพนักงานขับรถ โดยเฉพาะการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดและการใช้สารเสพติดทุกครั้งก่อนขับรถ และให้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด อีกทั้งจัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอ ทั้งในพื้นที่ต่างจังหวัดและกรุงเทพมหานคร เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารตกค้าง 
    พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามมาตรการ  “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” โดยพิจารณายึดรถและใบอนุญาตขับรถ พร้อมควบคุมตัวเพื่ออบรมความประพฤติ ตลอดจนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สิทธิ์การรักษาพยาบาลและความคุ้มครองด้านการประกันภัย เพื่อช่วยให้ประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุทางถนนได้รับข้อมูลการช่วยเหลือหลังเกิดอุบัติเหตุอย่างรอบด้าน
    ด้านนายปวิณ ชำนิประศาสน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มงานภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้จังหวัดจัดประชุมศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด เพื่อสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2562 พร้อมทั้งเร่งตรวจสอบข้อมูลผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน เพื่อให้ได้ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนนที่ถูกต้อง และเป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงวิเคราะห์สาเหตุหลักการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ที่จะนำไปสู่การกำหนดมาตรการและกลยุทธ์ในการสร้างความปลอดภัยทางถนนให้สอดคล้องกับสถานการณ์และรูปแบบการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยว ในพื้นที่ครอบคลุมทั้งในช่วงปกติและช่วงเทศกาลสำคัญ
เมาขับเจ้าเก่า
    นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 รวม 6 วัน (27 ธ.ค.61-1 ม.ค.62) พบว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเกิดจากการดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว รวมถึงทัศนวิสัยไม่ดี จึงขอฝากเตือนประชาชนให้เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนขับรถ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มไม่ขับ เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน ไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ ไม่ตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด และมีน้ำใจต่อผู้ร่วมใช้เส้นทาง
    อย่างไรก็ตาม ศปถ.จะเร่งผลักดันการขับเคลื่อนการลดอุบัติเหตุทางถนนในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบูรณาการฐานข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนให้เป็นระบบ ทั้งการจัดเก็บ ติดตาม และประเมินผลที่ครบวงจร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือน้อยที่สุด และสร้างการสัญจรที่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
    พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลปีใหม่ 2562 ว่า ภาพรวมยอดความสูญเสียของอุบัติเหตุที่มาจากการใช้รถใช้ถนนอาจจะไม่มากเหมือนปีที่ผ่านมา แม้สถิติเมาแล้วขับลดลง แต่อุบัติเหตุยังเป็นเรื่องเดิม คือการขับรถเร็วและดื่มสุรา เป็นสถิติที่จับกุมได้มากที่สุด และหากไม่จับก็จะสูญเสียมากกว่านี้ ส่วนจะเป็นถนนสายหลักหรือสายรอง จะต้องมีการวิเคราะห์พื้นที่และช่วงเวลา เพราะการเดินทางไปและกลับ ใช้ถนนสายหลัก แต่ช่วงระหว่างที่กลับบ้านไปแล้ว จะใช้ถนนสายรอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถจักรยานยนต์ที่ดื่มแล้วขับในหมู่บ้าน 
    รมว.หมาดไทยกล่าวว่า จากนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องประเมินว่า มาตรการที่ใช้อยู่ทั้งหมดจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้สถิติลดลง เช่น มาตรการที่จะทำให้คนมีวินัยในการใช้รถ ควรจะต้องสั่งสอนหรือใช้มาตรการในเรื่องการได้มาซึ่งใบขับขี่ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายว่าโทษเป็นอย่างไร เพื่อให้คนมีจิตสำนึกใช้รถใช้ถนนอย่างมีวินัย เราจะต้องดูทีละมาตรการ โดยตนจะเร่งทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้เตรียมรับมือ เพราะตามปกติเรายังมีการสูญเสียสูงอยู่ แม้ไม่นับรวมช่วงเทศกาล 
"ศรี"ปลื้มไม่เปลืองน้ำมัน
    ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ในครั้งนี้ ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น ยอดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่มาก การเดินทางใช้เวลาน้อยลง การจราจรสะดวกขึ้น ภาพรวมในมุมมองของตนถือว่าดีขึ้น ประชาชนสะดวกขึ้น ประหยัดน้ำมันขึ้น ส่วนผลการจับกุมผู้กระทำความผิดวินัยจราจร มีการจับกุมเพิ่มขึ้นร้อยละ 20
    พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง. รองโฆษกคสช. แถลงว่า มาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุในวันที่ 1 มกราคม 2562 มีดังนี้ รถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 27,947 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบขับขี่ไว้ 805 คน เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเก็บรักษารถจักรยานยนต์ไว้ 661 คัน และส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 23,352 คน สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 29,455 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบขับขี่ไว้ 605 คน เก็บรักษารถยนต์ 200 คัน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 21,022 คน
    โดยตลอด 6 วัน ที่ผ่านมา ( 27 ธ.ค.61-1 ม.ค.62 ) เจ้าหน้าที่ได้เก็บรักษารถที่ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับไว้แล้ว จำนวน 4,545 คัน (แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 3,338 คัน และรถยนต์ 1,207 คัน) และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในส่วนรถจักรยานยนต์ 121,031 คน รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ส่วนบุคล 88,323 คน
    ​​อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในเทศกาลปีใหม่ปีนี้ มีผู้ใช้เส้นทางจำนวนมาก ประกอบกับเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มจำนวนจุดบริการ/จุดตรวจสอบมากขึ้น ทำให้ตรวจพบผู้ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้ทั้งมาตรการทางนิติศาสตร์และทางรัฐศาสตร์ เน้นการสร้างความเข้าใจ ขอความร่วมมือ หรือการจัดส่งคนที่ดื่มกลับบ้าน หวังให้ประชาชนปลอดภัยเป็นสำคัญ สำหรับรถที่เก็บรักษาไว้ในช่วงเทศกาล หากไม่มีเหตุด้านคดีความ ผู้เป็นเจ้าของรถสามารถติดต่อขอรับคืนได้ตามเวลาที่กำหนด.    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"