อย่าประมาทรับมือพายุ


เพิ่มเพื่อน    


    เปิดศักราชใหม่ปี 2019 ก็มีเรื่องให้ลุ้นระทึกเลย สำหรับการมีพายุหมุนเขตร้อน 'ปาบึก' จ่อพัดขึ้นฝั่งในประเทศไทยแบบตรงๆ ซึ่งประเทศไทยไม่ได้พบเจอบ่อยมากนัก ไม่เหมือนกับประเทศที่ติดกับฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกที่เจอกันทุกปีปีละหลายลูก
    จะเห็นได้ว่า ทุกครั้งที่พายุพัดขึ้นฝั่งอ่าวไทยตรงๆ มันก็จะเห็นความรุนแรง ความเสียหาย อย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอย่างพายุโซนร้อนชื่อ “แฮเรียต” เข้าถล่มภาคใต้ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2505 ซึ่งจังหวัดที่ได้รับผลกระทบรุนแรง คือ จ.นครศรีธรรมราช และด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 900 ราย สูญหายมากกว่า 142 คน และอีกนับหมื่นไร้ที่อยู่อาศัย เพราะทั้งคลื่นและลมทำลายบ้านเรือนพินาศหมดสิ้น ทำให้แฮเรียตได้รับการบันทึกว่าเป็นพายุมฤตยู พ.ศ.2505  
    อีกครั้งที่ยังจดจำได้นั้นก็คือ พายุไต้ฝุ่นเกย์ ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2532 เป็นพายุหมุนเขตร้อนทรงพลังซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักในจังหวัดชุมพร พายุเกย์ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 446 คน บาดเจ็บ 154 คน บ้านเรือนเสียหาย 38,002 หลัง ประชาชนเดือดร้อน 153,472 คน เรือล่ม 391 ลำ ถนนเสียหาย 579 เส้น สะพาน 131 แห่ง ทำนบและฝาย 49 แห่ง โรงเรียนพัง 160 โรง วัด 93 วัด มัสยิด 6 แห่ง พื้นที่การเกษตร 80,900,105 ไร่ (129,440.168 ตร.กม.) สัตว์เลี้ยงตาย 83,490 ตัว ประเมินความเสียหาย 11,257 ล้านบาท
    และครั้งนี้สำหรับพายุปาบึก แม้จะเป็นเพียงพายุหมุนเขตร้อน ไม่ใช่พายุไต้ฝุ่น แต่ก็อย่าประมาทในเรื่องของความรุนแรง เพราะความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่ออยู่ในทะเลก็ไม่มีอะไรที่แน่นอน เพราะความเร็วอาจทวีขึ้นได้
    โดยประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า พายุจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณรอยต่อระหว่าง จ.ชุมพรและ จ.สุราษฎร์ธานี ในช่วงค่ำของวันที่ 4 มกราคม 2562 โดยจะมีผลกระทบต่อภาคใต้ในช่วงวันที่ 3-5 มกราคม 2562 ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง จนอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ รวมไปถึงจะมีคลื่นลมแรงตามแนวชายฝั่ง 
    สำหรับจังหวัดเฝ้าระวังจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล
    ที่เขียนถึงตรงนี้ จึงอยากเตือนให้ชาวบ้านในพื้นที่บริเวณนั้นอย่าประมาทกับภัยธรรมชาติเป็นอันขาด เพราะจะเห็นสองพายุที่เคยพัดขึ้นฝั่งในอดีตนั้น สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก แต่ชีวิตนั้นสำคัญที่สุด ควรจะต้องเชื่อฟังและปฏิบัติการตามที่เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ ซึ่งในขณะนี้ทำงานแข่งกับเวลาในการจัดหาสถานที่หลบภัยและพื้นที่พักพิงชั่วคราวให้แล้ว หากพื้นที่ไหนมีคำสั่งให้อพยพ ก็ขอให้ทุกท่านปิดบ้านให้แน่นหนา ติดทรัพย์สินสำคัญติดตัว แล้วปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะมีความปลอดภัยกับชีวิตและทรัพย์สินมากกว่า
    เพราะต้องยอมรับ ประเทศไทยไม่ค่อยได้มีการฝึกซ้อมในการรับมือกับภัยธรรมชาติที่บ่อยนัก เพราะเราอยู่ในชัยภูมิ ทำเลที่ตั้งที่ดี แต่มันก็กลายเป็นข้อเสีย ทำให้เกิดความประมาทและไร้ระเบียบ ซึ่งพอเกิดเหตุการณ์จริงก็มักจะมีความเสียหายรุนแรงกว่าในบางประเทศที่เขาเจอเป็นประจำทุกปี 
    ดังนั้น จึงขอย้ำว่า ผู้ที่อยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังขอให้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อความปลอดภัยของพวกท่านทุกคน ยิ่งอ่านคำให้สัมภาษณ์ของอธิบดีกรมอุตุฯ ภูเวียง ประคำมินทร์ ระบุว่า ปาบึกมีแนวโน้มรุนแรงเท่า  “แฮเรียต” เมื่อ 50 ปีก่อน ต้องเฝ้าระวังให้ดี โดยเฉพาะตามชายฝั่งที่อาจจะมีคลื่นสตอร์มเซิร์จ พัดเข้าหาชายฝั่งที่จะสร้างเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินได้ ดังนั้น ขอให้ทุกคนอย่าประมาทโดยเด็ดขาด. 
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"