บุกยิง'อส.ยะรัง'ดับ4คาโรงเรียน


เพิ่มเพื่อน    

    ปัตตานีป่วน! คนร้ายบุกยิง "อส.ยะรัง" ชุด รปภ.ครู-นร.เสียชีวิตภายในโรงเรียนบ้านบูโกะ 4 นาย ก่อนขโมยอาวุธปืนหลบหนีพร้อมโรยตะปูเรือใบกันติดตาม อีกจุด ตร.ปะทะเดือดแนวร่วมก่อความไม่สงบด้านหลังมัสยิดกรือเซะ รวบคนร้ายได้ 1 คน อีกคนหลบหนีไปได้ "กอ.รมน.ภาค 4 สน." เชื่อสร้างสถานการณ์แก้แค้น จนท. "ฉก.สงขลา" จับผู้ต้องสงสัยคาร์บอมบ์เทพาเพิ่มอีก 5 ราย "ผู้กองจอย" โพสต์ขอบคุณทุกกำลังใจ 
    เมื่อวันที่ 10 ม.ค. เวลา 11.45 น. พ.ต.อ.พสิษฐ์ ศานติปรัชญญา ผกก.สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายยิงเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.)ยะรังเสียชีวิตหลายนาย ภายในโรงเรียนบ้านบูโกะ ม.5 ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วนำกำลังไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ปิยพงษ์ วงศ์จันทร์ ผบ.ฉก.ปัตตานี, พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี, พ.อ.กฤศณัฏฐ์ จันทร รอง ผบ.กกล.จชต., นายอับดุลการิม ยีดำ นายอำเภอยะรัง ไปตรวจสอบพบโรงเรียนดังกล่าวได้ปิดเรียนทันทีหลังเกิดเหตุ 
    จุดเกิดเหตุอยู่ใต้อาคารเรียน 2 ชั้น มีเจ้าหน้าที่ อส.ยะรังเสียชีวิต 4 นาย คือ อส.มูฮำหมัด เตะเด็ง อายุ 29 ปี, อส.อับดุลเลาะ สาและ อายุ 34 ปี, อส.บือราเฮง จิ  อายุ 24 ปี และ อส.สุไลมาน แวอูเซ็ง อายุ 43 ปี โดยทั้ง 4 นายอยู่ในชุดเครื่องแบบ อส. ถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามเข้าลำตัวหลายนัด รวมทั้งยังพบปลอกกระสุนปืนอาก้าและเอ็ม 16 กว่า 20 ปลอก ชิ้นส่วนพานท้ายปืนเอ็ม 16 เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังพบรอยเลือด คาดว่าเป็นของคนร้าย เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเช่นกัน
    สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่โรงเรียนดังกล่าวเปิดสอนปกติ นักเรียนและครูกำลังทำการเรียนการสอนอยู่ภายในห้องตามปกติ เจ้าหน้าที่ อส.ทั้ง 4 นายซึ่งกำลังดูแลความปลอดภัยบริเวณที่เกิดเหตุนั้น ปรากฏว่าได้มีคนร้าย 4 คนสวมหมวกไหมพรมแต่งกายชุดดำคล้ายเจ้าหน้าที่ พร้อมอาวุธปืนสงครามครบมือ บุกเข้ามายิงเจ้าหน้าที่ อส.ซึ่งนั่งรักษาความปลอดภัยอยู่ จนเสียชีวิตก่อน 3 นาย ขณะที่ อส.อีก 1 นาย ซึ่งยืนอยู่ห่างกันประมาณ 5 เมตร เห็นคนร้ายกราดยิงเพื่อน จึงได้ยิงต่อสู้คนร้ายอย่างไม่คิดชีวิตก่อนที่คนร้ายจะยิงสวนกลับทำให้ อส.เสียชีวิตเป็นรายที่ 4
    จากนั้นคนร้ายได้ขโมยอาวุธปืนของ อส. จำนวน 4 กระบอก หลบหนีออกจากประตูหลังโรงเรียน โดยมีรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อรออยู่ ก่อนจะเร่งเครื่องหนีเข้าไปในหมู่บ้าน ขณะที่คนร้ายอีกชุดซึ่งรอสัญญาณจากเสียงปืนเมื่อสงบก็ได้ออกมาโปรยตะปูเรือใบบนถนนหลายจุด เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ไล่ติดตาม
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจาก อส.เสียชีวิต 4 นาย แล้ว ยังพบเด็กนักเรียนชั้น ป.2 ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน เจ้าหน้าที่ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลยะรังทันที
ปะทะเดือดปัตตานี
     พล.ต.ปิยพงษ์ วงศ์จันทร์ ผบ.ฉก.ปัตตานี,  พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้วิทยุด่วนไปถึงหน่วยกำลังในพื้นที่และพื้นที่รอยต่อให้สกัดรถกระบะต้องสงสัยทุกคันและตรวจค้นอย่างละเอียด รวมไปถึงขอกำลังเสริมเข้าปิดล้อมพื้นที่ทุกตำบลและในป่าหมู่บ้าน เนื่องจากเชื่อว่าคนร้ายน่าจะถูกยิงตอบโต้จนได้รับบาดเจ็บ และอาจจะเข้าไปหลบซ่อนตัวบ้านแนวร่วมในพื้นที่ พร้อมทั้งให้มีการตรวจสอบสถานพยาบาลทุกแห่งด้วย
    "คนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ เนื่องจากมีความชำนาญเส้นทางหลบหนี โดยทำการแบ่งการก่อเหตุ 3 ชุด คือ ชุดก่อเหตุ ชุดดูแลเส้นทางและชุดโปรยตะปูเรือใบ เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายต้องการตอบโต้เจ้าหน้าที่ หลังถูกกดดันอย่างหนัก รวมทั้งมีการจับกุมคนร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ต่อเนื่อง" หน่วยงานความมั่นคงระบุ
    ต่อมาได้เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองปัตตานี ปะทะกับกลุ่มคนร้ายบริเวณหลังมัสยิดกรือเซะ บ้านกรือเซะ ต.ตันหยงลุโละ อ.เมืองฯ จ.ปัตตานี
    หลังเสียงปืนสงบ เจ้าหน้าที่ควบคุมคนร้ายได้ 1 คน ส่วนอีก 1 คนหลบหนีไปได้ และยึดชุดพรางทหารพรานจำนวนหนึ่ง จากการสอบสวนคนร้ายที่ควบคุมตัวได้ทราบชื่อคือ นายมะกรี อิสอปุเต๊ะ อยู่บ้านเลขที่ 50/1 ม.5 ต.จะแหน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา มีประวัติเป็นสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบระดับแนวร่วม
    พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) แถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นทราบว่าคนร้ายได้แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ทหารพรานเข้าไปในโรงเรียน และใช้อาวุธไม่ทราบชนิดและขนาดยิงเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดนเสียชีวิตดังกล่าว 
    พ.อ.ปราโมทย์กล่าวว่า แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจปัตตานีเข้าไปควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่เกิดเหตุ และให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเก็บรวบรวมวัตถุพยาน พร้อมทั้งให้ทุกหน่วยตั้งจุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่ที่รับผิดชอบ เพื่อสกัดกั้นตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนี
    โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน.กล่าวว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและญาติของวีรบุรุษทั้ง 4 ท่าน ที่ทำหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองพี่น้องประชาชนจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต โดยหน่วยต้นสังกัดจะดูแลด้านสวัสดิการและสิทธิกำลังพลให้ดีที่สุด
    “จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นถึงความพยายามของกลุ่มคนร้ายที่ต้องการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงและความสูญเสียโดยไม่เลือกเป้าหมายและสถานที่ในการก่อเหตุ โดยเฉพาะภายในโรงเรียนซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมกับบุคลากรทางการศึกษาและนักเรียน ทั้งนี้ จะเร่งรัดติดตามกลุ่มคนร้ายเพื่อมาลงโทษตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน.กล่าว
    ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุยิงเจ้าหน้าที่ อส.เสียชีวิตดังกล่าว เวลา 09.00 น. พล.ต.ปิยพงษ์ วงศ์จันทร์ ผบ.ฉก.ปัตตานี, พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี และ พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผบ.ทพ.43 ได้นำตัวนายดันย์ยา อูมา ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคง ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวหลังจากถูกออกหมายจับและให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.หนองจิก และให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมก่อเหตุในพื้นที่ จำนวน 4 ครั้ง ทั้งลอบยิงนางประพร แก้วมณีรัตน์ อส.จ.ปัตตานีเสียชีวิต ลอบยิงฐานปฏิบัติการทหาร ลอบยิงฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบล และลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า ไปทำเเผนคำรับสารภาพ คดีร่วมก่อเหตุยิงนางประพร เเก้วมณีรัตน์ เจ้าหน้าที่ อส.จ.ปัตตานีเสียชีวิต บนถนนสายปัตตานี-หาดใหญ่ ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 เม.ย.57  
รวบผู้ต้องสงสัยบึ้มเทพา
    โดยนายดันย์ยาทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์ให้กับมือปืน ประกบยิงนางประพรขณะขี่รถจักรยานยนต์จะกลับบ้านพักหลังออกเวร จนรถเสียหลักได้รับบาดเจ็บตกลงข้างทาง จากนั้นมือปืนที่ขี่รถมาอีกคันตามมายิงซ้ำจนเสียชีวิต 
    สำหรับคดีนี้ผู้ต้องหาได้รับสารภาพและให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีจนสามารถออกหมายจับคนร้ายได้ครบทั้ง 4 คน
    จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำนายดันย์ยาเดินทางไปทำแผนคำรับสารภาพในคดีร่วมกันก่อเหตุยิงฐานปฏิบัติการทหาร บริเวณวงเวียนมะพร้าวต้นเดียว ม.2 ต.ลิปะสะโง อ.หนองจิก โดยเหตุเกิดขึ้นวันเดียวกันที่ลอบยิงนางประพร โดยครั้งนี้นายดันย์ยาทำหน้าที่ร่วมกับพวกอีก 5 คน ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่ฐานปฏิบัติการ จนเกิดการยิงปะทะกันขึ้น แต่ไม่มีฝ่ายใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต สำหรับคดีดังกล่าว นายดันย์ยา ได้ให้การรับสารภาพจนทำให้เจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับได้ทั้งหมด 6 คน จับกุมได้แล้ว 3 คน
    ที่ จ.สงขลา ความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์บริเวณหน้าหน่วยเฉพาะกิจสงขลา ใน อ.เทพา จ.สงขลา จนทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย หลังจากได้ลงมือฆ่าแขวนคอนายอมตะ สโมทานทวี อายุ 62 ปี หรือครูจ้อง อดีตข้าราชการครูเกษียณ ที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 1 ต.สะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย แล้วนำไปประกอบเป็นคาร์บอมบ์ เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ทานธรรม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 5 คน หลังจากที่มีการสนธิกำลังตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 ร่วมกับตำรวจ สภ.บ้านโหนด เข้าตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่หมู่ 2 บ้านควนหรัน ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย เมื่อคืนวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา
    "เรายังพบวัตถุต้องสงสัย เช่น แผงวงจรโทรศัพท์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเหล็กเส้นที่สามารถนำไปใช้ประกอบเป็นระเบิดได้ โดยพบในขนำหลังหนึ่ง ซึ่งอาจจะใช้เป็นสถานที่ประกอบระเบิดในครั้งนี้ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการนำไปตรวจพิสูจน์ทราบ" พล.ต.ต.ไพโรจน์กล่าว 
    ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลากล่าวว่า สำหรับผู้ต้องสงสัยทั้ง 5 คน ขณะนี้ถูกส่งตัวไปยังศูนย์ซักถามที่หน่วยทหารพรานที่ 41 แล้ว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการซักถาม และการเข้าควบคุมตัวทั้ง 5 คน เป็นการขยายผลมาจากการซักถาม 3 ผู้ต้องสงสัยที่เจ้าหน้าที่นำตัวมาสอบสวนในวันแรก รวมควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว 8 คน
    วันเดียวกัน ร.ต.อ.(หญิง) สินีนาถ คงพุทธ หรือ "ผู้กองจอย" ผู้บังคับหมวดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 สังกัดหมวดแพทย์ ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณหน้าอกซ้าย ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวที่ รพ.ยะลา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุ "จอยขอบคุณทุกๆ กำลังใจ ทุกความรักความห่วงใยที่มีให้จอยนะคะ ...ตอนนี้ปล่อดภัยดีแล้วค่ะ พี่ๆ อีกทั้ง 7 นายปลอดภัยดี ฝากขอบคุณทุกๆ กำลังใจมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ" อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ต่างมีชาวเน็ตเข้ามาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"