เพื่อชาติชม'กกต.'ฟัน4รมต.ถือหุ้นแต่หวั่นศาลรธน.ฟอกขาว!


เพิ่มเพื่อน    

12 ม.ค. 62 - น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เห็นว่าการถือหุ้นของ 4 รัฐมนตรี เข้าข่ายขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง โดยส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ว่า ตนรู้สึกขอบคุณที่ กกต. ปฎิบัติหน้าที่แบบตรงไปตรงมา แต่นี่เป็นเพียงกระบวนการขั้นต้นในการวินิจฉัย หวังว่าจะไม่เป็นกระบวนการฟอกขาวในกระบวนการยุติธรรมขั้นต่อไป สังคมไทยรู้ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันได้รับการแต่งตั้งมาจากคณะรัฐประหารเมื่อปี 2549 ผลงานการวินิจฉัยในรอบทศวรรษทุกคนทราบดีว่าเป็นเช่นไร สร้างความด่างพร้อยให้กระบวนการยุติธรรมไทยหรือไม่ ทำให้กระบวนการยุติธรรมไทยขาดความน่าเชื่อถือหรือไม่เช่นไร สร้างความแตกแยกในสังคมมากขึ้นหรือไม่อย่างไร 

“ถ้าต้องการทราบผลความเชื่อมั่นในกรณีนี้ ให้อ่านความคิดเห็นต่อข่าวกรณีนี้จะพบว่า ความคิดเห็นในโลกออนไลน์ส่วนใหญ่จะหัวเราะเยาะ บ้างก็บอกว่าละค๊อนละครเริ่มต้นแล้ว ผงซักฟอกมาแล้ว ถ้าเรายังปล่อยให้ความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทยเป็นอย่างนี้ต่อไป ประเทศไทยคงจะไม่มีที่ยืนในเวทีโลกในที่สุด ไทยจะเป็นประเทศที่ยืนหนึ่งทางด้านความเหลื่อมล้ำทุกด้าน ด้านเศรษฐกิจเราก็ยืนหนึ่งไปเรียบร้อยแล้วจากการจัดเมื่อปลายปีที่แล้ว กระบวนการยุติธรรมเราอยู่อันดับที่ 71 จาก 113 ประเทศ จากรายงานดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรม  WJP Rule of Law Index 2017 - 2018  อันดับลดลงจากการสำรวจครั้งก่อน 7 อันดับ ความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของเราก็อยู่ในขาลง” น.ส.เกศปรียา กล่าว

โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวต่อว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องให้ความสนใจปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกระบวนการยุติธรรมของไทยให้เป็นที่เชื่อมั่นให้ยึดโยงกับประชาชน อย่างที่ตนเคยนำเสนอว่า เราควรจะมีการสุ่มเลือกคณะบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องมาช่วยวินิจฉัยความขัดแย้งเป็นรายครั้ง หรือที่เรียกว่าคณะลูกขุน โดยในการตัดสินผู้พิพากษาต้องนำคำวินิจฉัยของคณะลูกขุนพิจารณาด้วย ส่วนการสรรหาผู้พิพากษาควรจะมีวิธีการให้ยึดโยงกับประชาชน การแก้ไขสิ่งเหล่านี้ไม่ได้สิ้นเปลืองงบประมาณของประเทศ เพียงแต่แก้ไขกฎหมายซึ่งเป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว การเปลี่ยนแปลงนี้จะนำมาซึ่งการลดความแตกแยกในประเทศ และความเชื่อมั่นในสังคมโลก ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม

“รู้สึกเสียดายเวลา 5 ปีที่ คสช.และ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจจากประชาชน แล้วบอกว่าจะมาปฏิรูปประเทศ แต่ทุกคนเห็นแล้วว่าผลที่ได้รับคือความเหลี่ยมล้ำทางเศรษฐกิจของประเทศขึ้นอันดับหนึ่งของโลกเมื่อปลายปี 2561 ส่วนความยุติธรรมของประเทศต่ำกว่าเพื่อนบ้านทั้งมาเลเซียที่อยู่ในอันดับ 53 และสิงคโปร์ที่อยู่ในอันดับที่ 13 แสดงให้เห็นว่าอำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จที่กดขี่สิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริงอย่างที่กล่าวอ้าง” โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"