เมื่อปีก่อนผู้เขียนเคยไปเยือนสำนักงานใหญ่ของ "อาลีบาบา" ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน ซึ่งจากการไปรับฟังบรรยายสรุป ทำให้รู้ว่าเป้าหมายของอาลีบาบานั้นยิ่งใหญ่มาก โดยเฉพาะภารกิจที่จะช่วยเปลี่ยนผ่านจากยุคอนาล็อกสู่ดิจิทัล
    ซึ่งภารกิจของอาลีบาบานั้นไม่ใช่เพียงแค่หวังเพิ่มแค่จำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการของตัวเองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขายังมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนโลกการค้าและสังคมมนุษย์ให้เขาสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มตัว ซึ่งเขามีแผนที่จะช่วยให้ทุกภาคส่วนในสังคม ตั้งแต่รัฐบาล ไปยังประชาชนชายขอบ ได้เรียนรู้และใช้งานระบบไอทีดิจิทัลแบบเท่าเทียม  
    และในที่สุดในปีนี้ ทางบริษัท อาลีบาบากรุ๊ปโฮลดิ้ง จำกัด ก็ได้มีประกาศเปิดตัวโครงการ “A100” ซึ่งเป็นโครงการหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ที่มุ่งเน้นการให้บริการโซลูชั่นครบวงจรแก่บริษัทต่างๆ เพื่อสร้างกระบวนการดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่นให้กับพันธมิตรทุกระดับ ซึ่งแน่นอน สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการนี้จะได้ใช้งานฟังก์ชั่นและแพลตฟอร์มต่างๆ ที่อาลีบาบาคิดค้นออกมา
    รายงานระบุว่า โปรแกรม A100 สร้างขึ้นจาก“ ระบบปฏิบัติการอาลีบาบา” (Alibaba Operating System) ซึ่งการสร้างระบบปฏิบัติการอาลีบาบาเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการของบริษัท จากผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซไปสู่บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกแบบครบวงจร เนื่องจากอาลีบาบาได้ขยายธุรกิจจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซไปสู่ธุรกิจความบันเทิงดิจิทัลและบริการในท้องถิ่น ทำให้ศักยภาพของโครงสร้างพื้นฐานได้เติบโตขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมด้านการขาย โลจิสติกส์ การเพิ่มประสิทธิภาพซัพพลายเชน การชำระเงิน การตลาดและบริการสนับสนุนที่หลากหลาย ซึ่งดำเนินการบนเทคโนโลยีคลาวด์ ซึ่งระบบเหล่านี้สามารถช่วยได้ทั้งเอสเอ็มอี หรือสตาร์ทอัพ ที่มีข้อจำกัดในเรื่องการพัฒนาซอฟต์แวร์ ก็สามารถประยุกต์เข้าใช้งานเข้ากับแพลตฟอร์มของอาลีบาบาได้ทันที
    และสำหรับประเทศไทยเอง ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลพยายามเชื่อมความสัมพันธ์กับยักษ์ใหญ่จากประเทศจีนรายนี้มาก ทั้งการไปเยือน การเชิญมาเป็นแขกรัฐบาล รวมถึงเชิญมาเป็นหุ้นส่วนในเชิงยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศยุค 4.0 
    ล่าสุด รมว.อุตสาหกรรม อุตตม สาวนายน ก็ออกมาแย้มข่าวดีว่า ตอนนี้อาลีบาบาพร้อมที่จะลุยโครงการอีคอมเมิร์ซ ปาร์ค ที่จังหวัดฉะเชิงเทราอย่างเต็มตัว โดยเป็นการร่วมทุนกับ บริษัท ดับบลิว เอช เอคอร์ปอเรชั่น จำกัด (WHA) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสรุปแผนรายละเอียดและเม็ดเงินลงทุนขั้นสุดท้าย 
    แน่นอนการเกิดขึ้นของอีคอมเมิร์ส ปาร์ค น่าจะเป็นผลดีต่อการยกระดับผู้ประกอบการและสินค้าของไทยเข้าสู่ตลาดโลกได้ง่ายขึ้น และจะเป็นแรงผลักดัน สนับสนุนให้ธุรกิจไทยที่เป็นรายกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เข้าถึงบริการอีคอมเมิร์ซเพื่อเพิ่มช่องทางการค้ามากขึ้น ซึ่งมันเป็นตลาดที่ใหญ่มหาศาลมาก
    และยิ่งตอนนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปเร็วมากๆ หากไม่ปรับตัวเข้ากับรูปแบบการขายใหม่ๆ ผู้ประกอบการของไทยเราอาจจะต้องถึงจุดจบได้
    การที่อาลีบาบาเข้ามาในตลาดไทยอย่างเต็มตัว สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ นอกจากการที่มีลาซาด้าในมือนั้น มันจะยิ่งเพิ่มโอกาสอย่างมหาศาล เพราะทั่วโลกมีความพึงพอใจกับสินค้าของไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาช่องทางการจัดจำหน่ายยังเข้าไม่ถึงโลกออนไลน์ การมีอีคอมเมิร์ส ปาร์ค ก็จะเป็นการต่อท่อให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จัก และเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น
    จากนี้คงต้องติดตามแต่ละก้าวของอาลีบาบาในประเทศไทย เพราะเชื่อว่าคงไม่ใช่แค่การสร้างอีคอมเมิร์ซ ปาร์ค เพียงอย่างเดียว แต่เราอาจจะได้ใช้แพลตฟอร์ม และระบบปฏิบัติการ จากโปรแกรม A100 ก็เป็นไปได้. 

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง