"บิ๊กป้อม" ใครว่าปัญญาอ่อน?


เพิ่มเพื่อน    

    "บิ๊กป้อม" อ่วมอรทัยอีกแล้ว!
    วันก่อน นักข่าวไปถาม..........
    "ทำไมกลุ่มติดอาวุธอัลชาบับจากโซมาเลีย จึงเลือกก่อเหตุโรงแรมในเครือของประเทศไทย ที่ประเทศเคนยา?"  
    บิ๊กป้อมตอบว่า
    "ไม่รู้สิ คงเห็นอาหารอร่อยมั้ง?" 
    เท่านั้นแหละ ดังทั่วโลก สื่อใน-สื่อนอก ทั้งไทย-จีน-ฝรั่ง-ญี่ปุ่น กระทั่งสื่อในเคนยา โค้ดประโยคเด็ดนี้ไปยำกันเละ
    แต่ผมชอบนะ......
    ผมว่าบิ๊กป้อมมีอย่างที่เขาเรียกว่า sense of humor เข้าท่าดี  
    แม้บางเรื่องจะกระเดียดทาง wicked sense of humor คือ "ตลกร้าย" ไปบ้างก็ตาม อย่างกรณีนี้ 
    แต่ก็โอเคนะ!
    อดีตกาล เคยรับประทานอาหารกับนักการทูตบางท่าน ช่วงหลังอาหาร ท่านจะหาเรื่องโจ๊กมาเล่าสลับการสนทนาให้ได้หัวเราะเป็นการละลายความเกร็งในบรรยากาศคบหา 
    ผมรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้บ้าง..........
    เห็นเขาหัวเราะกัน ก็จับจังหวะผสมหัวเราะไปกับเขา ทำเป็นว่าเข้าถึง
    เจอแบบนี้ซัก ๒-๓ ครั้ง พอจับสังเกตได้ว่า
    อ้อ..นี่ เป็นทั้งวัฒนธรรมและทั้งเคล็ดลับสร้างเสน่ห์ของบุคคลระดับนักบริหารและการทูต     
    คือ อารมณ์ขัน 
    นอกจากเป็นเพชฌฆาตละลายเครียดแล้ว ยังเป็นตัวสร้างความเป็นกันเอง เปลี่ยนมลพิษทางอารมณ์คนให้เป็นพลังงานสะอาดได้
    เคยอ่านประวัติไอน์สไตน์ เขาบอกว่า ไอน์สไตน์เป็นคนตลก มีอารมณ์ขัน
    มาอ่านพบในเว็บ salika อีก เขาพูดเรื่องงานวิจัยด้านอารมณ์ขันไว้ จะยกบางส่วนมาให้อ่าน เขาบอกว่า
    "งานวิจัยฟันธง คนมีอารมณ์ขัน ฉลาด สมองดี กว่าคนอื่น"
    หากมีใครตั้งคำถามกับอัจฉริยะโลกไม่ลืมอย่าง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ว่าทำไมเขาถึงฉลาด 
    ไอน์สไตน์จะตอบโดยยกความดีความชอบให้กับลักษณะนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนมีอารมณ์ขัน มองโลกแง่บวก ที่ติดตัวมาตั้งแต่วัยเด็ก 
    ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ สอดคล้องกันเป็นอย่างดีกับข้อค้นพบในงานวิจัยทางการแพทย์หลายฉบับ ที่ระบุว่า มีความเกาะเกี่ยวกันอย่างแน่นอน 
    ระหว่างความเฉลียวฉลาดทางสมอง กับความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ ที่แสดงออกมาผ่านอารมณ์ขันของแต่ละบุคคล
    เริ่มจากงานวิจัยที่ทำขึ้นในประเทศออสเตรีย ซึ่งค้นพบว่า คนที่มีความตลกขบขัน มีความสุขกับการฟังเรื่องตลกโปกฮา (Dark humor) แล้วหัวเราะอยู่เป็นประจำ 
    จะมี IQs สูงกว่าผู้ที่ไม่ค่อยชอบรับฟังเรื่องตลกทำนองนี้ และมีบุคลิกที่เคร่งเครียดตลอดเวลา 
    ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนมีอารมณ์ขันนี้ อธิบายทางการแพทย์ได้ว่า 
    เป็นปฏิกิริยาที่ต้องอาศัยประสาทการรับรู้ และความสามารถทางอารมณ์ร่วมกัน จึงจะเกิดอารมณ์ขันนี้     
    งานวิจัยชิ้นเดียวกันนี้ อธิบายต่อด้วยว่า........
    คนมีอารมณ์ขันจะมีทักษะด้านอารมณ์ที่เฉียบคม ที่จะรับรู้ทั้งการสื่อสารในรูปแบบของการบอกเล่าและภาษากายที่ไม่มีคำพูด (verbal and non-verbal intelligence) ในเรื่องตลกขบขัน 
    ขณะที่ผลการทดสอบปัจจัยด้านลบ อย่างระดับการได้รับการกระทบกระทั่งทางอารมณ์ และความก้าวร้าว เกรี้ยวกราด จะมีคะแนนต่ำมากสำหรับคนที่มีอารมณ์ขัน
    ไม่ใช่แค่ความเฉลียวฉลาดที่เป็นข้อค้นพบในตัวคนที่มีอารมณ์ขันเท่านั้น 
    เพราะนักวิจัยยังพบว่า ความมีอารมณ์ขันนี้ ส่งผลดีกับคนรอบข้างและในการทำงานของบุคคล 
    เพราะผลการเก็บข้อมูลจากคนรอบข้างที่ทำงานร่วมกับคนมีอารมณ์ขัน พูดตรงกันว่า 
    คนร่ำรวยอารมณ์ขันนี้ เมื่อทำงานด้วยแล้ว สัมผัสได้ถึงความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ขั้นสูง ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจและกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ 
    โดยนักจิตวิทยายังอธิบายเพิ่มเติมว่า อารมณ์ขัน หรือ "Sense of Humor" นี้ เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่สามารถถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งได้
    ครับ...
    อยากรู้เพิ่มเติม คลิกไปหาอ่านในเว็บ salika ผมยกมาชี้ให้เห็นเท่านั้นว่า 
    บิ๊กป้อม...ที่ว่า พูดทีไร เป็นประเด็นให้ได้นำไปเมาธ์ ไปฮา เหมือนว่า ท่านพูดไม่คิด หรือคิด แต่หน่อมแน้ม บ้องตื้น หางานเข้ารัฐบาลเป็นประจำนั้น
    ในมุมมองผม ถ้าท่านเป็นคนหน่อมแน้ม บ้องตื้นจริง ถึงขึ้นมาเป็น ผบ..ทบ.ได้ 
    นั่นก็ไม่แปลก
    การที่สามารถส่งต่อให้ลูกน้องซ้าย-ขวาอย่างพลเอกอนุพงษ์และพลเอกประยุทธ์ขึ้นนั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ.อีกสองคน
    นั่นก็ไม่แปลก
    การเข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศของพลเอกประยุทธ์ ๒๒ พฤษภา.๕๗ 
    ทุกอย่าง สมูธ แอส สิล์ค เป็นรัฐบาล คสช.วันนี้ได้ ก็เพราะ "พี่ใหญ่" จัดเต็มให้
    นั่นก็ยังไม่แปลก
    โดยธรรมเนียมรัฐบาลทหาร หอมอยู่ได้ปี-สองปีก็เก่งแล้ว แต่นี่รัฐบาล คสช.ด้วย "อาจารย์ป้อม" ลงยันต์
    เข้าปีที่ ๕ ใครก็ยิงไม่ออก-ฟันไม่เข้า 
    ชนิดที่น่าต้องทำ "เหรียญ คสช." ให้อาจารย์ป้อมปลุกเสก แจกฉลองรัฐบาลปฏิวัติ "แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี"
    ประเด็นนี้ ไม่เพียงแปลก แต่ทึ่งด้วย!
    รัฐบาล คสช.โดยพระอาจารย์ป้อมนั่งปรกคุมความมั่นคง พวกสัมภเวสี ผีกินบ้าน-กินเมือง หะแรก นึกว่าหวานหมู "อาป้อม" จะหลิ่วตาพ่อยอดรักให้แหวกวงสายสิญจน์กลับเข้ามาได้ง่ายๆ
    แต่ที่ไหนได้ อาจารย์ป้อม "ตีตะปู" ปิดผาโลง 
    สัมภเวสีตัวนอก นอกจากกลับเข้ามาไม่ได้ เว้นแต่เข้าคุกแล้ว 
    ยังจะมีเป็นสัมภเวสีตัวใน "หนีคดี-หนีคุก" ตามออกไปอีกเป็นระลอก...ในมิช้า!
    มันอกหัก ถึงขั้นประดิษฐ์คำด่า "ยุติธรรมแบบป้อมๆ"
    แบบป้อมๆ เป็นแบบไหน?
    คนที่ถางถากกันว่า "พูดจาปัญญาอ่อน" สวนแบบอ่อนน่วมกลับไปว่า
    ".....ก็ไปถามไอ้ทักษิณมันสิ"!
    จบบริบูรณ์เรื่องตระกูล "โคตรโกง" จะกลับเข้ามา นับจากกรกฎา.๔๙ ที่เป็นสัมภเวสี ถึง ณ ๑๘ มกรา.๖๒ วันนี้
    "บิ๊กป้อม" หนึ่งเดียวคนนี้.......
    เฉลิมยศนำหน้าให้สัมภเวสีตนนั้น ว่า "ไอ้ทักษิณ"!
    ก็จะเห็นว่า บิ๊กป้อม ที่ดูเหมือนหน่อมแน้ม พูดจาอะไรไม่ฉลาด 
    เป็นเหยื่อให้นักข่าวต้อนซ้าย-ต้อนขวา ตั้งคำถามนำยัดปากให้ตอบ เพื่อเอาไปพาดหัวด่าหรือเสียดสีประจำนั้น
    พิศกันให้ถึงสะดือ แล้วจะเห็น 
    ที่ดูเหมือน "แป๊ะยิ้ม" แต่ละเคลื่อนไหวนุ่มนิ่ม ดูน่าตลก กึ่งสมองกร่อนนั่นน่ะ
    "จิวแปะทง" เฒ่าทารกผู้ไร้เดียงสา ๑ ใน ๕ เจ้ายุทธจักร ผู้ไร้เทียมทานแห่งยุค 
    "ป้อม-แป๊ะยิ้ม" ก็ประมาณนั้นเลยเชียว!
    การเป็นคนที่นักข่าวหรือใครๆ "คาดไม่ถึง" หรือ "มองไม่ถึง" นั่นแหละ
    ในสถานการณ์วิกฤติ คนอื่นต้องรบทัพจับศึก แต่บิ๊กป้อม ท่าทางเขาดูซื่อบื้อ
    ใช้คำพูด "คำ-สองคำ" เหมือนไม่ตั้งใจ เท่านั้น กลับผลักภูเขาเป็นทางน้ำไหล
    บิ๊กตู่ ถูสบู่ ขัดขี้ไคล แช่อ่าง สบายยยย มา ๕ ปี
    ทำท่าจะต่ออีก ๕ อยู่รอมมะร่อ!
    ปากกา นาฬิกา แว่นตา ตู่-น้องเล็ก รับเพลิน
    แต่ป้อม-พี่ใหญ่ ทั้งซ่งตีง ทั้งก้อนอิฐ หัว-หูโนแทนอยู่คนเดียว!
    นั่นไม่เพราะปัญญาอ่อนแบบ "ป้อม-จิวแปะทง" ดอกหรือ?
    "ไม่รู้สิ คงเห็นอาหารอร่อยมั้ง?"
    นี่ก็เช่นกัน........
    เมื่อถามบ้องตื้น บิ๊กป้อมก็ตอบบ้องตื้น แต่บ้องตื้นนั้น กลบพวกอยากเลือกตั้งไปเลย!
    เหตุเกิดปุบปับที่บ้านเขา ในอีกซีกโลกที่เคนยา ยังยิงกันตุงไป-ตุงมา นักข่าวดันถาม 
    "ทำไมเกิดเหตุจึงเกิดที่โรงแรมเครือคนไทย?"
    ใครจะไปตรัสรู้ได้เดี๋ยวนั้น ที่ท่านตอบ จะว่าไปแล้ว ไม่ใช่การตอบ 
    หากแต่เป็นการพูดคุยเล่นในหมู่คนกันเอง ไม่ได้หวังให้เป็นข่าว-เป็นคำตอบอะไรจริงจัง
    แต่ทีนี้ก็อย่างว่า อะไรข่าว อะไร sense of humor มันอยู่ที่ตัวนักข่าวและตัวสื่อจะนำเสนอแบบไหน ด้วยทัศนคติไหนเท่านั้น
    แต่ยังไงๆ ผมก็มองว่า "น้ำกลั่น" ปลาอาศัยอยู่ไม่ได้ "น้ำในคลองหลอด" ปลาอาศัยอยู่ได้
    "รัฐบาลพลเอกประยุทธ์" ก็เช่นนั้น
    ต้องอาศัย "คลองหลอด" หลังกลาโหมไปอีกซักพัก ถึงจะว่ายออกเจ้าพระยาได้!.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"