ถกมาตรการคุ้มครองพระ จุฬาราชมนตรีปลอบขวัญ


เพิ่มเพื่อน    


    "สุวพันธุ์" ถกร่วม พศ.หามาตรการดูแลพระ-วัดชายแดนใต้ ประสานฝ่ายความมั่นคง รปภ.ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย พร้อมจัดงบและส่ง "รอง ผอ.พศ."  ดูแลเฉพาะพื้นที่ "พระสงฆ์นราธิวาส" กำลังใจดีออกบิณฑบาตตามปกติ "หลวงพี่บิลลี่" ยันไม่ทิ้งชาวบ้าน "จุฬาราชมนตรี" ห่วงพุทธ-มุสลิมแตกแยก ส่งตัวแทนเยี่ยมปลอบขวัญ "เลขาฯ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา" จี้ "บิ๊กตู่" แถลงแนวทางป้องกันเป็นรูปธรรม "ไก่-เจี๊ยบ"   โหนซัด "คสช.-กองทัพ" เล่นการเมืองจนลืมดูแลไฟใต้ 
    ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ วันที่ 20 ม.ค. นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อม พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เรียกประชุมด่วนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการดูแลพระสงฆ์จังหวัดชายแดนใต้ หลังเกิดเหตุคนร้ายบุกเข้ามายิงพระครูประโชติ รัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดีและเป็นเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ มรณภาพพร้อมพระลูกวัดรวม 2 รูป และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ที่วัดรัตนานุภาพ ม.2 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส 
    นายสุวพันธุ์แถลงผลการประชุมว่า แนวทางที่จะต้องดำเนินการคือเรื่องการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งในระยะเฉพาะหน้าและระยะยาว การดูแลเยียวยาพระสงฆ์ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และการเพิ่มการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่าง พ.ศ.และหน่วยงานด้านความมั่นคง
    "สิ่งเร่งด่วนที่ต้องทำขณะนี้คือ การวางมาตรการรักษาความปลอดภัยเฉพาะหน้า การดูแลพระสงฆ์และวัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความปลอดภัย สามารถปฏิบัติกิจของสงฆ์ได้ตามปกติ และการดูแลเยียวยาพระสงฆ์ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต รวมทั้งการประกอบพิธีศพจะต้องจัดอย่างสมเกียรติ รวมถึงดูแลเยียวยาพระสงฆ์ที่ได้รับบาดเจ็บที่ปัจจุบันยังต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลให้ได้รับสิทธิ์อย่างเต็มที่ รวมทั้งในเรื่องมาตรการดูแลพระสงฆ์ วัด ให้สามารถประกอบศาสนกิจได้ พศ.จะหารือร่วมกับฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการบูรณาการการทำงานด้านการรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก" นายสุวพันธุ์กล่าว
    รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ส่วนระยะยาว พศ.ได้น้อมนำรับสั่งของสมเด็จพระสังฆราชฯ ในการที่จะดูแลกรณีที่คณะสงฆ์ในพื้นที่เกิดความหวาดวิตกเรื่องความปลอดภัย หรือขาดแคลนสิ่งของจำเป็นในการประกอบศาสนกิจภายในวัด โดยจะมีการจัดสรรงบประมาณพร้อมส่งรอง ผอ.พศ.เข้าไปดูแลการทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลาโดยเฉพาะ เพื่อเป็นการส่งเสริมกิจกรรมด้านพุทธศาสนาให้เข้มแข็ง ซึ่งทั้งหมดจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
    นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ในวันที่ 21 ม.ค. ทาง พ.ต.ท.พงศ์พรจะเข้าไปรายงานความคืบหน้าของการหารือครั้งนี้ต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) เพื่อให้กรรมการ มส. ได้รับทราบแนวทางการทำงานของภาคราชการ และหากกรรมการ มส.มีข้อพิจารณา หรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ทาง พศ.ก็จะได้รับมาดำเนินการต่อไป
    ที่ จ.นราธิวาส บรรยากาศหลังคนร้ายยิงพระครูประโชติและพระลูกวัดมรณภาพ และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ตั้งแต่ช่วงเช้าพระสงฆ์วัดชลเฉลิมเขต ซึ่งตั้งอยู่ อ.สุไหงโก-ลกยังออกบิณฑบาต มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก และอาสารักษาดินแดน อ.สุไหงโก-ลก ได้ร่วมกันจัดกำลังในการรักษาความปลอดภัยแก่พระ ตั้งแต่บริเวณหน้าประตูวัด และกระจายกำลังกันยืน รปภ.พระที่ยืนรอรับบาตรจากประชาชนตามรายทางที่พระสงฆ์ผ่าน เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น
พระใต้ไม่ทิ้งชาวบ้าน
     พระปลัดธัมมานันโท หรือหลวงพี่บิลลี่ สำนักสงฆ์ราษฎร์บำรุง ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง กล่าวว่า แม้เกิดเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่ ชาวบ้านก็มีกำลังใจที่จะอยู่ต่อ เพราะที่ตรงนี้คือบ้าน บ้านที่เขาเกิด ไม่จำเป็นเขาไม่ทิ้งถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น หลักศาสนาทุกศาสนาเขาสอนให้เป็นคนดี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนเรามาใช้กรรม แต่กรรมตรงนี้เราต้องทำกรรมดีให้มากๆ ขึ้น เพื่อให้พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ของไทยพุทธ เพราะหลักศาสนาเราสอนให้ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ทำร้ายผู้อื่น ส่วนพระก็ขอเป็นกำลังใจให้กับชาวบ้าน 
    "ถามว่าท้อมั้ย มันมีบ้างทางความคิด แต่มันไปไม่ได้ เพราะว่าถ้าเราไปแล้วกำลังใจของชาวบ้านจะมีปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่ที่เปราะบาง เปราะบางทางวัฒนธรรม เปราะบางทางความเชื่อ เราต้องใช้หลักศาสนานี้ในการดำรงชีวิตและดำรงวิถีความเป็นเราให้ดำรงคู่ 3 ชายแดนใต้ต่อไป" หลวงพี่บิลลี่กล่าว
    วันเดียวกัน นายศักดิ์กริยา บิลลาแหละ ประธานกรรมการอิสลามประจำ จ.สงขลา, นายสุรินทร์ ปาลาเร่ เลขานุการคณะกรรมการอิสลามกลางแห่งประเทศไทย, นายซากี พิทักษ์คุมพล รองเลขานุการจุฬาราชมนตรี ได้เป็นตัวแทนนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เดินทางมายังโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อเข้าเยี่ยมอาการและปลอบขวัญให้กำลังใจแก่พระประเวศ สุขแก้ว และพระธนโชติ ชุมเลิศ 2 พระลูกวัดรัตนานุภาพ ซึ่งถูกคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บพักรักษาตัวอยู่
    ต่อมาคณะตัวแทนของจุฬาราชมนตรีได้เดินทางต่อไปยังวัดรัตนานุภาพ โดยมีนายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส และพระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งมีการพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายสุรินทร์ ปาละเร่เลขานุการคณะกรรมการอิสลามกลางแห่งประเทศไทย ได้เป็นตัวแทนมอบเงินจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยเหลืองานศพของพระครูประโชติ รัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส และพระสมุห์อรรถพร ขุนอำไพ
    นายสุรินทร์กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่านจุฬาราชมนตรีไม่สบายใจ จึงได้มอบหมายให้ทางคณะมาเยี่ยมปลอบขวัญกำลังใจแก่พระสงฆ์ที่มรณภาพและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของตัวบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของศาสนาแต่อย่างใด เพราะศาสนาทุกศาสนาไม่ได้สอนให้มีการฆ่าฟันกันในลักษณะอย่างนี้ เพราะพื้นที่ประเทศไทยเราอยู่กันอย่างสันติ ภายใต้พาหุวัฒนธรรม
    ขณะที่ พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงกรณีมีข่าวระบุแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งห้ามพระภิกษุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกบิณฑบาตเพื่อความปลอดภัยว่า แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งให้ทุกหน่วยตรวจสอบวัด สำนักสงฆ์ และชุมชนล่อแหลมในพื้นที่รับผิดชอบเพื่อทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยให้บูรณาการกำลังร่วมกับภาคประชาชนดูแลวัดและพระภิกษุให้เกิดความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชน จัดให้มีการประชุมร่วมกับส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยให้พระภิกษุขณะออกบิณฑบาตโดยไม่ให้เสียกิจของสงฆ์ 
    "ในพื้นที่เสี่ยงก็ให้อยู่ในดุลยพินิจ ร่วมกับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า โดยไม่เคยมีคำสั่งห้ามพระภิกษุออกบิณฑบาต เพราะเป็นกิจของสงฆ์ แต่จะวางระบบการรักษาความปลอดภัยให้รัดกุมที่สุด อย่างไรก็ตาม หากพื้นที่ใดไม่มั่นใจในความปลอดภัย อาจนำอาหารไปถวายที่วัด ซึ่งปัจจุบันพระภิกษุยังสามารถออกบิณฑบาตได้ตามปกติ” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ากล่าว
'ไก่-เจี๊ยบ'โหนซัด รบ.
    ด้านพระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ ฝ่ายรัฐบอกจะดูแลปกป้องประชาชน ซึ่งพูดแบบนี้มายาวนานตลอดเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบ ชาวพุทธได้ยินคำพูดทำนองนี้มาแล้วจนชินชา และก็เดาทางออกว่าผู้หลักผู้ใหญ่ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบจะพูดจาว่าอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อเหตุการณ์ร้ายแรงทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เจ้าหน้าที่ของรัฐก็จะท่องบ่นตำราแบบเดียวกันนี้ตลอดมา
    "ชาวพุทธรักสงบ รักสันติ และมีเมตตากรุณา อาตมาจึงขอเรียกร้องอีกครั้งว่า ให้ท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำประเทศได้แถลงอย่างเป็นทางการถึงมาตรการของรัฐในการพิทักษ์ ปกป้องและคุ้มครองพระสงฆ์ ชาวพุทธและประชาชนผู้บริสุทธิ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเป็นรูปธรรม และสอดรับกับหลักสากลปฏิบัติด้วยเพื่อความสงบร่มเย็น จะได้กลับคืนสู่พี่น้องประชาชนในทุกศาสนา ท่ามกลางพหุวัฒนธรรมทางสังคมของจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืนต่อไป" เลขาฯ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนากล่าว
     นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ระบุว่า มิตรท่านหนึ่งกล่าวว่า รัฐบาล คสช.มีกำลังและงบประมาณด้านความมั่นคงสูงกว่าทุกรัฐบาล แต่เอามาใช้คุกคามเด็ก สตรีและประชาชนมือเปล่า ทั้งบุกบ้านแกนนำ จับกุมและตั้งข้อหาประชาชน แต่ปล่อยให้พระสงฆ์ถูกฆ่า ประชาชนถูกทำร้าย พอเกิดเหตุทำได้เพียงขอให้ช่วยกันประณามโจร “เสียดายข้าวสุก”
    เช่นเดียวกับ ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตอนหนึ่งระบุว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นกับพระสงฆ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ชี้ให้เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่กองทัพต้องเลิกแทรกแซงการเมือง ซึ่งไม่ใช่งานในหน้าที่ แต่ควรกลับไปทุ่มเททำงานของตัวเอง คืองานด้านความมั่นคงและปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นภารกิจหลักของกองทัพตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เอาเวลามาเล่นการเมืองเพื่อช่วยใครสืบทอดอำนาจ ที่ผ่านมางานด้านการข่าวในภาคใต้ถือว่าไม่ได้ผล และจะเดินช้ากว่าคนร้ายหนึ่งก้าวอยู่เสมอ จึงไม่สามารถป้องกันหรือยับยั้งความสูญเสียได้ล่วงหน้า 
    "กองทัพจะทำงานเชิงรุก และรู้ดีไปซะทุกเรื่อง ไม่ว่านักการเมืองหรือประชาชนที่คิดต่าง จะไปทำอะไรที่ไหน กองทัพจะรู้ล่วงหน้าทุกครั้ง และสามารถส่งกำลังทหารจำนวนมากไปคอยประกบเพื่อคุกคามหรือสกัดกั้นไม่ให้เคลื่อนไหวได้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ผิดกับความไม่สงบในภาคใต้ เชื่อว่ากองทัพคงตอบไม่ได้ด้วยว่าใครคือโจรใต้กันแน่ แม้จะส่งกำลังทหารนับแสนนายลงไปแก้ปัญหาไฟใต้มาแล้ว 15 ปี ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปล้นปืนในค่ายทหารเมื่อปี 2547 ก็ตาม ซึ่งสะท้อนว่าการข่าวในภาคใต้ล้มเหลว เพราะไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใครย่อมทำงานไม่ได้ผล การที่ตนพูดเช่นนี้ ก็ไม่ได้ต้องการให้เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจหรือบุคลากรด้านอื่นๆ ในพื้นที่เสียกำลังใจ เพราะทราบดีว่าทุกท่านเสียสละทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตราย" ร.ท.หญิงสุณิสาระบุ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"