'โปขรา' ทัศนาจร


เพิ่มเพื่อน    

ทิวเขาอันนะปุรณะ มองจากริมเขื่อนฟีวา เมืองโปขรา

ทะเลสาบฟีวาในแผนที่มีรูปร่างละม้ายเด็กทารกคลานเข่าหันหน้าไปทางทิศตะวันตก เหมือนว่ากำลังขึ้นเนินนิดๆ ทิวเขาอันนะปุรณะอยู่ห่างไปทางด้านบนของหนูน้อย เจดีย์สันติภาพที่ผมหันหลังกลับเพราะพบอุปสรรคไกด์ผีสร้างความรำคาญอยู่ด้านล่างของหัวเข่า ย่าน Lakeside อยู่แถวๆ หลังขาขึ้นไปเกือบถึงก้น ส่วนตัวเขื่อนขนาดเล็กและย่าน Damside อยู่ตรงบริเวณฝ่าเท้าเด็กน้อยพอดี

จากสวนสาธารณะ Damside Park หากจะเดินไปยังย่าน Lakeside ก็ใช้เวลาราวๆ ครึ่งชั่วโมง ระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร มีย่านBaidam คั่นกลาง

ผมเดินไปตามถนน Damside Road เลี้ยวซ้ายที่แยกแบงก์ชาติเนปาล เลี้ยวซ้ายอีกทีที่สี่แยก Sahid Chowk เข้าสู่ถนน Lakeside Road ผ่านสวน Miteri Park และ Basundhara Park ที่อยู่ติดๆ กันทางด้านซ้ายมือ ระหว่างสวนสาธารณะ 2 แห่งนี้มีทางเดินไปยังทะเลสาบ แต่ผมไม่ได้เลี้ยวลงไป มุ่งหน้าต่อย่านเลคไซด์

ถนนเส้นนี้เดินได้เพลิดเพลินเพราะสะอาดและร่มรื่น มีแท็กซี่จอดเชิญชวนให้ใช้บริการแต่ไม่มีใครตื๊อหรือเดินเข้ามาหา เมื่อใกล้ใจกลางของย่านก็เห็นอาคารร้านค้าตั้งอยู่เต็มสองฝั่งถนน ส่วนมากสวยงามดี ที่กำลังก่อสร้างก็มีไม่น้อย ทำให้นึกถึงสองฝังของถนนหลังหาดเฉวง เกาะสมุย แต่ดูเหมือนที่นี่จะสร้างได้มีสไตล์และรสนิยมดีกว่า

เข้าสู่ย่านเลคไซด์ เมืองโปขรา

เดินๆ อยู่ก็นึกขึ้นได้ว่ามีธุระที่จะต้องใช้อินเตอร์เน็ตจึงแวะที่ร้านชื่อ Paradiso ฝั่งซ้ายของถนน เป็นลักษณะสปอร์ตบาร์ ร้านมี 2 ชั้นขนาดใหญ่ หลังร้านมีลานที่เรียกว่าเทอเรซ ตั้งโต๊ะนับสิบตัว มีซุ้มศาลาสำหรับกันแดด แซมด้วยร่มคันโต รถโฟล์คเต่าจอดประดับอยู่ 1 คัน จากหลังร้านไปจนถึงถนนเลียบชายหาดมีสนามหญ้ากว้างขวาง มองเห็นทะเลสาบและภูเขาด้านหลังได้ชัดเจน แม้อุณหภูมิยามบ่ายอ่อนๆ จะแค่ 26องศาแต่แดดกำลังเล็งมุมลงมาอย่างเหมาะเหม็ง จึงกลับเข้าไปนั่งในร้าน

ลาเต้ร้อนมาเสิร์ฟพร้อมกระดาษเขียนรหัส Wi-fi ผมใช้อินเตอร์เน็ตเสร็จก็นั่งดูฟุตบอลจากจอทีวีต่ออีกสักพักแล้วเดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ซึ่งอยู่ในบาร์ติดกับประตูร้าน กาแฟราคา 120 รูปี หรือประมาณ 40 บาท ก็ถือว่าไม่แพงเมื่อพิจารณาถึงทำเลและการจัดร้าน ผมทิปเงินทอน 30 รูปีไห้กับสาวแคชเชียร์

ฝนโปรยลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ จึงนั่งที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ต่ออีกหน่อย สาวแคชเชียร์ถามชื่อผม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบผมก็ถามชื่อเธอบ้าง ได้ยินว่า “สุดสุมา” และหลังจากที่รู้ชื่อผมแล้วเธอกลับพูดน้อยลง เป็นไปได้ว่าชื่อวิฑูรย์ไม่เสนาะหูพอ

ฝนซาเม็ดลง ผมหยิบหมวกแก็ปขึ้นมาสวมแล้วเดินออกไปจากร้านและดูเหมือนว่าจะเป็นจังหวะเดียวกับที่ฝนพร้อมใจกันหยุดสนิท

ด้านซ้ายมือมีซอยเล็กๆ เดินเลี้ยวลงไป เจอร้านกาแฟเล็กๆ ร้านขายของที่ระลึก ร้านจักรยานให้เช่า รู้สึกว่าน่าแวะกว่าร้านใหญ่เมื่อสักครู่เสียอีก ซอยนี้เชื่อมกับถนนเลียบชายหาด ผมเลี้ยวไปทางขวามือ

จุดชมวิวของทะเลสาบฟีวา เกาะกลางน้ำคือวัด Tal Barahi บนยอดเขาอนาดูคือเจดีย์สันติภาพ

มีสะพานยื่นเข้าไปในทะเลสาบ ลานกลมๆ เหนือน้ำคือจุดถ่ายรูปของนักท่องเที่ยว เรือเล็กเรือน้อยลอยลำอยู่มากมาย ที่เกาะเล็กๆ กลางน้ำคือวัด Tal Barahi วัดฮินดูที่มีความสำคัญที่สุดในโปขรา เจดีย์ 2 ชั้นของวัดสร้างอุทิศแด่องค์พระวิษณุ

เหนือขึ้นไปคือยอดเขาอนาดู เจดีย์สันติภาพ (Shanti Stupa) ตั้งอยู่โดนเด่น มีเรือพายให้บริการ 700 รูปี สำหรับไปเทียบฝั่งด้านโน้นแล้วเดินขึ้นเขาต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะไปถึงเจดีย์เพื่อมองกลับมายังทิศนี้เห็นทิวเขาอันนะปุรณะเบื้องบน ทะเลสาบฟีวาเบื้องล่าง และเมืองโปขราเบื้องขวา หากจะกลับฝั่งด้วยเรือลำเดิมก็จ้างแบบไป-กลับ 900 รูปี

หรือถ้าต้องการพายเรือล่องทะเลสาบความกว้างประมาณ 4.5 ตารางกิโลเมตรนี้อย่างเดียวก็ตกชั่วโมงละ 550 รูปี หาก 2 ชั่วโมงราคาลดลงไปเหลือ 700 รูปี แต่ผู้รู้เตือนว่าควรไปกับฝีพายที่เป็นไกด์ด้วยจะดีกว่า นอกจากได้ความรู้แล้วก็ยังไม่เสี่ยงชีวิตเพราะในระยะหลังทะเลสาบตื้นขึ้นจนเคยมีผู้พายไปชนกับเกาะใต้น้ำพลิกคว่ำจมน้ำเสียชีวิตมาแล้ว ไกด์รู้ดีว่าจุดอันตรายอยู่ตรงไหน ซึ่งจ่ายเพิ่มอีกเพียงชั่วโมงละ 100 รูปี

นอกจากเรือพายแล้วก็ยังมีเรือถีบทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ราคาสูงขึ้นอีกนิดหน่อย และมีทั้งแบบรายชั่วโมงและตลอดวัน ชมน้ำ ชมภูเขา ชมฝั่ง และเครื่องร่อนพาราไกลเดอร์ที่บินวนอยู่ด้านบน พวกเขามีสถานีปล่อยอยู่บนภูเขา Sarangkot อยู่ทางทิศเหนือก่อนเข้าสู่ทิวเขาอันนะปุรณะ

บริเวณเลียบชายหาดมีจุดถ่ายรูปจัดไว้ให้นักท่องเที่ยวหลายจุด ฝั่งขวาของถนน (สำหรับคนเดินและจักรยานเท่านั้น) มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ แผงลอยขายน้ำผลไม้ และบาร์ตั้งอยู่ไม่ถึงกับแน่น มีลูกค้าประปราย รู้สึกน่านั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ จิบเครื่องดื่ม ผิดไปจากภาพที่จินตนาการไว้ก่อนหน้านี้เพราะเพื่อนชาวญี่ปุ่นบอกไว้ว่า “อยากเห็นหิมาลัยให้พักแดมไซด์ อยากปาร์ตี้ให้พักเลคไซด์” ก็ไม่เห็นว่าย่านเลคไซด์นี้จะออกปาร์ตี้จ๋า เพียงแต่ว่าบาร์เยอะพอสมควร ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าเวลานี้ผีปาร์ตี้ทั้งหลายยังไม่ฟื้นคืนสติ รอให้ค่ำแล้วค่อยออกอาละวาด 

อาหารราคาไม่แพง ปลาทะเลสาบตัวใหญ่ย่างทั้งตัวแค่ 500 รูปี หรือราวๆ 150 บาท แต่เบียร์ราคาแพงหน่อยเพราะส่วนมากต้องนำขึ้นรถบรรทุกมาจากอินเดียผ่านเขาคดเคี้ยวกินเวลาเป็นวัน

ทะเลสาบฟีวา ไม่อนุญาตให้ใช้เรือยนต์

มีสถานีวิจัยทางการประมงตั้งอยู่ด้านขวามือของสุดทางเดินริมหาด ผมเดินทะลุเข้าไปในสวนเล็กๆ ออกไปยังจุดที่เรือพายจอดอยู่หลายลำ สะพานยื่นยาวออกไปในทะเลสาบ ตรงส่วนปลายมีจุดชมวิวเรียกว่า Phewa Lake View Point ดูน่าสนใจแต่ผมไม่ได้เดินไปเพราะกำลังมีแผนอื่น เห็นรถเมล์จอดอยู่ก็เข้าไปถามเด็กรถว่า “ไป City Center ไหม ?” เขาตอบว่า “ขึ้นคันหน้าได้เลย” รอครู่เดียวรถก็ออกวิ่งไปบนถนน Phewa Marg ค่าโดยสาร 30 รูปี แถมเปิดเพลงให้ฟังอย่างบันเทิงอุราจนถึงใจกลางเมือง รถหมดระยะที่สามแยกวงเวียนสุดถนน New Road

ผมลงรถแล้วเดินไปทางซ้ายมือ เข้าห้างชื่อ Trade Mall นึกว่าจะมีสินค้าแสดงความเป็นท้องถิ่นอยู่บ้างแต่ไม่พบเลย มีแต่ร้านค้าเล็กๆ มาเช่าพื้นที่ขายเสื้อผ้าตามสมัยนิยม รองเท้า อุปกรณ์กีฬา ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ร้านขายผ้าคลุมไหล่สำหรับสตรีที่เรียกว่าผ้าพัชมีนาสักร้านก็ไม่เห็น เข้าห้องน้ำแล้วก็ออกจากห้าง เดินขึ้นหน้าไปอีกหน่อยเจอตลาดผลไม้ขนาดใหญ่ มีพวกปลาสดแซมๆ อยู่ด้วย นอกจากนั้นก็ไม่เห็นอะไรน่าสนใจ (ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าย่านตลาดเก่าอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก) จึงข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วเดินกลับไปทางฝั่งวงเวียน

ซูเปอร์มาร์เก็ตตั้งอยู่ล่อใจให้เดินเข้าไป ผมกวาดชาเนปาลและเครื่องเทศจำพวกมาซาล่าในกล่องสำเร็จรูปลงตะกร้า แล้วเหลือบไปเห็นโซนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หยิบ Antiquity Blue วิสกี้พรีเมี่ยมจากอินเดีย ขวดขนาด 375 มิลลิลิตร ราคา 1,000 รูปี หรือประมาณ 330 บาท หากว่าท่านเคยลิ้มรสก็จะรู้ว่าไม่แพงเลย   

ตลาดฝั่งนี้มีของพื้นเมืองที่สามารถซื้อเป็นของฝากของที่ระลึกหลายร้าน ผมเล็งๆ ไว้ส่วนหนึ่ง นัดหมายกับตัวเองว่าจะกลับมาใหม่ในวันรุ่งขึ้น เพราะเวลานี้ฟ้าใกล้มืดเต็มที อีกทั้งฝนก็กำลังจะตก จึงวิ่งไปยังหัวถนน New Road ถามเด็กรถว่าคันไหนไปแดมไซด์ เขาชี้อีกคัน พอขึ้นรถสายฝนก็โปรยลงมาทันที คราวนี้ค่าโดยสารแค่ 25 รูปี

ชายหาดทะเลสาบฟีวา

ผมขอให้รถจอดตรงข้ามร้าน German Bakery (มีร้านชื่อเดียวกันนี้ในย่านเลคไซด์ด้วย) ฝนยังไม่หยุด น้ำเอ่ออยู่บนบางส่วนของถนน รีบวิ่งเข้าร้าน หลังจากสั่งข้าวผัดเนื้อแกะ ฝนก็หยุดตก

ข้าวผัดรสชาติไม่เลว ราคาในเมนูดูสมเหตุสมผล 250 รูปี แต่ตอนคิดเงินผมถูกบวกภาษีเข้าไปอีก 13 เปอร์เซ็นต์ และเซอร์วิสชาร์จอีก10 เปอร์เซ็นต์

ที่พัก Hotel Lumbini Resort ของผมอยู่ห่างไปแค่ประมาณ 100 เมตร หลานสาวของลุงอะคาลเป็นคนหยิบกุญแจให้ คืนนี้น้ำอุ่นทำงานจึงได้อาบน้ำก่อนนอนสมปรารถนา

เช้าวันต่อมาผมก็ทำเหมือนเดิมคือเปิดม่านมองไปทางทิศเหนือ วิ่งขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า และคว้ากล้องออกไปยังบริเวณเขื่อนในพื้นที่ของสำนักงานการประปาเขตตะวันตก เจ้าหน้าที่เห็นผมผลักๆ เลื่อนๆ รั้วประตู ก็เดินมาเปิดให้

แดดขึ้นสูงพอสมควรแล้วตอนที่ไปถึงจุดถ่ายรูปริมเขื่อน และชาวประมงคู่หนึ่งก็พายเรือไปมาเพื่อกู้อวนที่ดักปลาไว้ทำให้เกิดเป็นริ้วคลื่นเล็กๆ ถ่ายรูปหิมาลัยสะท้อนผิวน้ำเป็นรูปสมมาตรได้ไม่ถนัดถนี่ สักพักลมก็พัดมาจนหิมาลัยในน้ำหายไปหมด คิดว่าพรุ่งนี้เช้าโอกาสสุดท้ายจะต้องไม่พลาด วันนี้เดินคอตกกลับไปยังร้าน German Bakery แล้วตอนจะชี้สั่งก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องภาษีและเซอร์วิสชาร์จก็ออกมาแล้วเดินเลยไปยังร้านคนท้องถิ่นที่หมายตาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน

จุดชมวิว Phewa Lake Viewpoint

ทุกปา ก๋วยเตี๋ยวน้ำแบบทิเบตใส่เนื้อไก่คลายอากาศเย็นๆ ยามเช้าได้ดี รสชาติก็ถือว่าอร่อย กลับที่พักไปงีบต่ออีกหน่อยแล้วอาบน้ำแต่งตัว เดินไปยัง International Mountain Museum พิพิธภัณฑ์ภูเขานานาชาติแห่งเนปาล

ลุงอะคาลบอกทางได้เข้าใจง่ายมาก เดินไปยังถนนด้านหลังเกสต์เฮาส์ของแก เมื่อเจอทางแยกก็เลี้ยวเข้าไป จากนั้นเดินตรงอย่างเดียว ผ่านโรงเรียน Shanti Nikuji Boarding School ซึ่ง “บอร์ดดิ้งสกูล” ก็คือโรงเรียนกินนอนนั่นเอง

ไม่ไกลกันคือโรงเรียน Fishtail Academy ซึ่งคำว่า “Fishtail” หรือ “หางปลา” นี้มาจากชื่อของยอดเขา “มัจฉาปูชเร” ยอดเขาที่มีลักษณะเหมือนหางปลา หากมองไปยังทิวเขาอันนะปุรณะจากเมืองโปขรา ยอดเขาหางปลานี้จะเป็นสามเหลี่ยมแหลมชี้ฟ้าโดดเด่นอยู่ตรงกลาง ความสูง6,993 เมตร มีความพิเศษอีกอย่างคือทางการไม่อนุญาตให้ปีน หากแต่สงวนไว้เพื่อเป็นที่สถิตของเทวีอันนะปุรณะ หนึ่งในปางอวตารของพระอุมาเทวี ชายาของพระศิวะ

บนรถเมล์ที่กำลังเดินทางไปยังย่านตลาดใหม่

สองข้างทางที่จะไปยังพิพิธภันฑ์มีอาคารสูงสามชั้น-สี่ชั้นที่สร้างเสร็จแล้วและกำลังก่อสร้างอยู่หลายสิบหลัง ลุงอะคาลให้ข้อมูลผมก่อนหน้านี้ว่าเป็นอพาร์ทเมนต์สำหรับชาวต่างชาติที่เข้าพักระยะยาวคราวละสอง-สามเดือน แต่ละชั้นพักได้ทั้งครอบครัว มีห้องนอน 2 ห้อง ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ และห้องครัว ลุงอะคาลบอกว่าธุรกิจนี้กำลังเติบโตอย่างมาก ใกล้ๆ เกสต์เฮาส์ที่ผมพักก็มีอพาร์ตเมนต์สอง-สามหลังตั้งขวางวิวอันนะปุรณะอยู่ แม้ว่าจะยังมองทิวเขาได้ชัดเจนอยู่ก็ตาม

สุดถนนที่  3 แยก เดินไปทางขวานิดเดียวก็ถึงประตูทางเข้า International Mountain Museum มียอดเขาเอเวอเรสต์จำลองอยู่ทางด้านซ้ายมือ

ฉบับหน้าจะกล่าวถึงพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อย่างละเอียดครับ.

บนรถเมล์ที่กำลังเดินทางไปยังย่านตลาดใหม่


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"