มันก็เช่นนั้น 'มึงมาไล่ดูสิ'


เพิ่มเพื่อน    

               จะต้องขอท่ง-ขอโทษอะไรกัน

                ผมว่า "ดีซะอีก"

                ที่สรรพนามในภาษาไทยดั้งเดิมจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงรสซะบ้าง

                เมื่อใช้ ถูกตัว-ถูกเรื่อง มันก็ไม่มีตรงไหนที่ไม่เหมาะสม ที่จะต้องขอโทษ-ขอโพย!

                อย่างเรื่องคนจำพวกหนึ่ง เห็นใครได้ดีเกินหน้าเป็นไม่ได้ ต้องอิจฉา หาเรื่อง-หาเหตุ ตั้งเป็นประเด็น กลั่นแกล้ง-ใส่ร้าย อย่างตอนนี้........

                เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง มองปร๊าดทั้งตลาด ก็เห็นแต่ "นายกฯ ประยุทธ์" นี่แหละ

                "เด่น" สุด!

                ดังนั้น "คู่แข่ง" ขืนไม่ทำอะไร

                นายกฯ ประยุทธ์ ก็จะเอาผ้าขาวม้าคาดพุง เดินขึ้นนั่งเก้าอี้นายกฯ เป็นรัฐบาลต่ออีกสบายๆ น่ะซี

                มันเป็นเที่ยวเมล์สุดท้ายของพวกตายอด-ตายอยากทางอำนาจกินเมืองแล้ว

                ดังนั้น "บางคน-บางพวก" จึงต้องหาทาง "เตะสกัด"

                ป้ายสี ให้นายกฯ เป็น "สินค้ามีตำหนิ"

                คนจะได้ตั้งแง่ แล้วไม่เลือกพรรคที่วางตัวประยุทธ์เป็นนายกฯ

                ก็จึงเห็น เมื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้งปุ๊บ คนกลุ่มนั้น-พวกนั้น จุดพลุ-จุดประเด็นปั๊บ

                "พลเอกประยุทธ์".......

                ต้องลาออกจากนายกฯ!

                ก็เป็นหมาบ้า ฟูมฟายน้ำลาย ไล่งับขากางเกงนายกฯ ใกล้จะถึงโคนขาอยู่รอมร่อ ขณะนี้ ก็ยังรุมทึ้งกันไม่หยุด

                และสื่อประเภทสาก

                ก็ไม่ใช้ความจริงทั้งด้านกฎหมายและทางปฏิบัติที่เป็นจริง เป็นหลักยึดในการนำเสนอ

                หมาบ้าเห่า ก็เชื่อหมา เอาไมค์แหย่ปาก

                แล้วเอาเสียงเห่ามาขาย-ขยายต่อเป็นข่าว ออกจอ ออกโซเชียล ออกหน้ากระดาษ แบบไม่มีวิสัยสำนึกสื่อซึมซับอะไรเลย

                มันก็น่ารำคาญกับความบิดเบี้ยวชนิด "ต่ำมาตรฐาน" ของบางคน-บางพรรค ในกระบวนการเลือกตั้ง

                แล้วสังคมเขาจะเลือกพวกต่ำมาตรฐานอย่างพวกนี้เข้ามาบริหารประเทศได้อย่างไรกัน ไม่ชะโงกดูเงากันบ้างหรือ?

                ถามว่า กฎหมายระบุหรือ.....

                ตอนเลือกตั้ง คนเป็นนายกฯ ต้องลาออก?

                ตอบว่า "ไม่มีกฎหมายฉบับไหน-มาตราไหนระบุว่านายกฯ ต้องลาออก"

                แล้วทำไมตั้งประเด็นรุกไล่ให้พลเอกประยุทธ์ต้องลาออก?

                ก็กูอิจฉาไง!

                ถ้าอย่างนั้น จริงๆ แล้ว กฎหมายบอกว่าไง รู้มั้ย?

                รู้...

                รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๖๔, ๒๖๕ บอกว่า ให้คณะรัฐมนตรีรวมทั้งคณะ คสช.อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จากการเลือกตั้ง จะเข้ามารับหน้าที่

                อ้าว....

                รู้แล้วทำไมยังดันทุรังให้ "นายกฯ ต้องลาออก" อยู่ล่ะ?

                ไม่ดึงเสื้อ-ดึงกางเกงไว้บ้าง พวกกูก็แพ้น่ะซี!

                เอ้า...งั้นสมมุติ ถ้านายกฯ บ้าจี้ ลาออกจริงๆ ผลที่ตามมาคืออะไร รู้มั้ย?

                รู้....

                รู้อะไร?

                รู้ว่า "นายกฯ ลาออก" คณะรัฐมนตรีก็ต้อง "ออกทั้งหมด" ประเทศเข้าสู่ภาวะ "สุญญากาศทางการเมือง" ทันที

                คือ "ไทยเป็นประเทศ" ไม่มีรัฐบาลบริหาร!

                แล้วความเป็นจริงทางปฏิบัติ จะปล่อยให้ประเทศ "ว่างรัฐบาล" ได้มั้ยล่ะ?

                ไม่ได้...!

                นั่นก็คือ ในช่วงเลือกตั้ง ไม่ใช่ใครจะมาถาม นายกฯ ควรลาออกหรือไม่ควรลาออก?

                ต้องบอกว่า นายกฯ "ต้องอยู่" ในทุกเหตุผล

                ไม่ใช่อยู่เพราะรัฐธรรมนูญ ปี ๒๕๖๐ บอกให้อยู่

                ไม่ว่ารัฐธรรมนูญปีไหนๆ ก็ให้อยู่

                ไม่เพียงของไทย.........

                ของทุกประเทศในโลก ไม่มีประเทศไหนบอกว่า ช่วงเลือกตั้ง คนเป็นนายกฯ หรือประธานาธิบดี ต้องลาออก!

                นี่เป็นทางกฎหมาย และในทางปฏิบัติที่ต้องเป็น ก็เช่นนั้น คือ ช่วงเลือกตั้ง คณะรัฐบาลนั้นๆ ก็ต้องอยู่ทำหน้าที่บริหาร

                จะลาออกให้เป็นประเทศ "ผีหัวขาด" ไม่มีธรรมเนียมที่ไหนเขาทำกัน!

                ที่สำคัญ ทุกคนก็รู้........

                ประเทศวาระนี้ เข้าสู่วาระ จะมีพระราชพิธีสำคัญ

                ถ้าให้นายกฯ ลาออก เท่ากับให้ประเทศ "ว่างรัฐบาล" เราทำอย่างนั้นได้หรือ?

                ดังนั้น เรื่องออก-ไม่ออกไม่ต้องไปถามหา "จิตสำนึก" จากนายกฯ หรอก

                ต้องถามพวกคุณมึง ที่ไล่ให้นายกฯ ออกนี่แหละ

                "มีจิตสำนึกคนอยู่หรือเปล่า?"

                มี...

                แต่แกล้งไขสือ ทำเป็นไร้เดียงสา อย่างนั้นซิท่า?

                นั่นก็มาถึงประเด็นที่ว่า นายกฯ ปากพาเพลิน

                "มึงมาไล่ดูสิ ไล่ให้ได้สิ ผมไม่ท้าทาย แต่ไม่ออก"

                พวกนักพูด นักอภิปราย นักปาฐกตกกระถางต่างๆ จะเข้าใจ เวลาพูดแล้ว "เครื่องติด" บางที ปากมันไปก่อนใจ คำสามัญประจำชาติจะหลุดออกมา

                อย่างกรณีของนายกฯ....มึงมาไล่ดูสิ!

                คำสรรพนาม "มึง-กู" เป็นคำสามัญประจำชาติ ไม่ว่าหญิงหรือชาย เวลา กันเอง-ถึงกึ๋น-ถึงอารมณ์

                ต้องขึ้น "มึง-กู" ถึงจะได้บรรยากาศและอรรถรส!

                ตกบ่าย อากาศเริ่มเย็น นายกฯ ก็คงจะเย็น นึกได้ว่า...เอ ใช้คำว่ามึง มันจะไม่เหมาะสม

                ท่านเลยออกมา "ขอโทษ" สังคม

                "หนูๆ อย่าเอาอย่างลุงนะ" ประมาณนั้น!

                ก็น่ารัก-น่าหยิกไปอีกแบบ สำหรับหนุ่มใหญ่, ใจร้อน, สปอร์ต, กทม.

                แต่เตรียมหูไว้เหอะ วันนี้ "สายเห่า" ขาประจำ หยิบประเด็น "มึงมาไล่ดูสิ" รุมเห่ากันขรมแน่!

                เย็นวาน เห็น "๔ ทหารเสือ" พลังประชารัฐ

                นายอุตตม สาวนายน, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล

                นำเทียบไปเชิญ "พลเอกประยุทธ์" ที่ทำเนียบฯ ให้เป็น ๑ ใน ๓ รายชื่อ บัญชีนายกฯ ของพรรคที่จะยื่นต่อ กกต.

                เห็นมั้ย.........

                คนมันจะหาเหตุ มันก็หาได้ทุกเรื่อง แค่คนเอาหนังสือเชิญไปมอบให้ที่ทำเนียบฯ

                มันก็ยังหาว่า ใช้สถานที่ราชการเอื้อประโยชน์พรรคการเมือง!

                นี่ถ้า ๔ อดีตรัฐมนตรีเข้าห้องน้ำที่ทำเนียบฯ ด้วย เรื่องมิถึงศาลโลกหรือนี่?

                เมื่อถึงขั้นส่งเทียบเชิญ

                เชื่อเหอะ ประเด็น "นายกฯ ต้องลาออก" จะถูกขับขานเป็นเสียงเห่ากระชั้นถี่และหนักขึ้น

                คราวนี้เห่าด้วยลีลาเสริม

                คือ รู้ว่า การไล่ให้พลเอกประยุทธ์ลาออก ชาวบ้านจับได้แล้วว่า เป็นการตะแบง หาเหตุใส่กัน

                จึงเบี่ยงไปอีกนิดว่า

                เนี่ย...ถึงไม่ผิดกฎหมาย แต่ผิดจรรยาบรรณ ไม่มีสปิริต ไม่มีสำนึกทางการเมือง เอารัด-เอาเปรียบคู่แข่ง

                เรียกว่าคนมัน "ด้าน" เสียอย่าง

                ก็แถ ก็ไถล อ้างเป็นเหตุเรื่อยไป ซึ่งในทางกลับกัน พวกมันนั่นแหละ ไม่มีสปิริต ไม่มีสำนึก

                วันๆ ไม่คิดอะไร คิดแต่ประเด็นที่จะตะแบง จะเสแสร้ง ยกขึ้นมาเป็นเหตุอ้างให้นายกฯ ลาออก

                จากทั้งหมด-ทั้งมวล สรุปได้ว่า ในสนามเลือกตั้ง ๒๔ มีนา ๖๒

                พรรคเหล่านั้น คนกลุ่มนั้น "กลัว" พรรคที่มี "พลเอกประยุทธ์" เป็นยันต์

                จึงต้องรวมหัวกัน "ฆ่าทิ้ง" เสียแต่ต้นมือ

                ด้วยถือเอา "ประยุทธ์" เป็นศัตรูร่วม เพื่อผลประโยชน์ในทางเลือกตั้งสู่อำนาจร่วมกัน

                จึงต้องช่วยกันฆ่าประยุทธ์ก่อน ไม่งั้น "ตายแฝด" ให้พลเอกประยุทธ์ ทั้งสองค่าย!

                คือ ทั้ง ๒ ก๊ก รู้อยู่แก่ใจว่า แพ้ให้พลเอกประยุทธ์แต่ในมุ้ง

                ฉะนั้น ไหนๆ ก็จะแพ้.......

                มัวอายต่อผิด-ถูกไปเพื่ออะไร รวมหัวเอามันให้ตายทางเครดิตการเมืองไปก่อน เพื่อประโยชน์ร่วม ไม่ดีกว่าหรือ?

                ดังนั้น มันก็...อย่างนั้นแหละ

                "มึงมาไล่ดูสิ"! 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"