ปชป.ชูนโยบายแผงลอย! อนค.โวดันปลดแอก'ตร.'


เพิ่มเพื่อน    


     ปชป.เปิดนโยบายสมาร์ทบัส-แท็กซี่-แผงลอยสีฟ้า เอาใจคนกรุง ชู 8 วาระพลิกโฉมสมุทรสาคร พปชร.ลุยเมืองละโว้ ดัน "สปก.4.0" ช่วยเกษตรกรเป็นเศรษฐี "สุริยะ" ยันไม่ขายฝัน ประกาศเพิ่มบัตรคนจนเป็น 20 ล้านใบ อนาคตใหม่ผุดไอเดียพาตำรวจกลับบ้าน ปลดแอกจากกองทัพ
     เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมแถลงนโยบาย "ยกระดับ...ชีวิตจริงคนกรุงเทพฯ" ที่บริเวณลานหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์
    โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “กรุงเทพฯ ต้องน่าอยู่ สวย สะอาด เป็นเมืองแห่งโอกาส เป็นเมืองแห่งความปลอดภัย” ด้วย 10 นโยบายจากหลายเรื่องที่สำคัญ โดยเรียงลำดับตามกิจกรรมของชีวิตประจำวัน อาทิ ต้องมีการปรับเปลี่ยนรถเมล์ทั้งระบบ เข้าสู่ระบบสมาร์ทบัส (Smart Bus) สะอาดไร้ฝุ่น มลพิษ โดยเปลี่ยนรถเมล์ใน กทม.และปริมณฑล จำนวนร่วม 5,000 คัน ให้เป็นรถเมล์ไฟฟ้าภายใน 7 ปี ส่วนรถร่วมของเอกชน รัฐจะสนับสนุนส่วนต่างของต้นทุนให้ โดยมีเงื่อนไขว่า ค่าโดยสารจะต้องคงเดิม นอกจากนี้ยังจัดให้มีรถแท็กซี่สมาร์ท (Smart Taxi) ทำรถส่วนตัวที่มาให้บริการจากแอปพลิเคชันให้ถูกกฎหมาย และผู้โดยสารสามารถเรียกใช้บริการง่าย และถูกกฎหมาย
    นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย “แผงลอยสีฟ้า ดีมีคุณภาพ” สะอาด ปลอดภัย ทำเลดี มีที่จอด ห้องน้ำสะอาด ไม่เกะกะทางเดินเท้า ด้วยการนำสถานที่หรือที่ดินของภาครัฐและเอกชนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่สามารถนำมาจัดสรรให้ผู้ค้าเข้าทำประโยชน์ ค้าขายในราคาถูกให้กับประชาชน โดยนำเรื่องสิทธิประโยชน์ด้านภาษีมาเป็นแรงจูงใจเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวสำหรับพื้นที่รกร้างของภาคเอกชน และอาจจะทบทวนลดขนาดพื้นที่หน่วยงานภาครัฐย้ายออกไปจาก กทม.ได้ เพื่อนำพื้นที่ดังกล่าวมาเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น ซึ่งนโยบายนี้จะช่วยลดปัญหาฝุ่นพิษ พร้อมทั้งเร่งรัดนำสายไฟทุกประเภท จำนวน 191.18 กิโลเมตร ลงใต้ดินภายในปี 2565 รวมถึงมีการลอกท่อระบายน้ำทั่วกทม.ทุก 6 เดือน เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างทั่วถึง 
     นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคยังมีนโยบายสร้างกทม.เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลก จะปรับปรุงให้มีสิ่งอำนวยความสะอาด บางพื้นที่อาจมีการกำหนดข้อยกเว้นพิเศษ เช่น ให้เป็นถนนคนเดินบางช่วงเวลา  อีกทั้งจะให้มีการจัดทำแอปพลิเคชัน “City OK” เพื่อตอบโจทย์และแก้ปัญหา พร้อมอำนวยความสะดวกในการติดต่อหน่วยงานของ กทม.และภาครัฐอื่น สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในแฟลตการเคหะแห่งชาติ พรรคมีนโยบายให้สิทธิผู้เช่านำไปเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้ 
    “พรรคได้จัดทำนโยบายเหล่านี้ เพราะเข้าใจชีวิตจริงของคนกรุงเทพฯ ไม่ได้ลอยอยู่ในอากาศ แต่เราได้รวบรวมจากความต้องการและปัญหาที่คนกรุงเทพฯ ที่ประสบมาตลอด ประกอบกับวิสัยทัศน์และวิธีแก้ไขของผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ 30 คน และทีมนโยบายของพรรคด้วย ซึ่งตอนนี้ได้เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของพรรคแล้ว และผู้สมัครทุกคนจะนำไปชี้แจงในแต่ละพื้นที่ด้วย” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุ
ปชป.แก้จนคนมหาชัย
    ที่โรงแรมเซ็นทรัลเพลส อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการนโยบายพรรค ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 เขต ในจังหวัดสมุทรสาคร ได้แก่ เขต 1 อำเภอเมืองฯ นายกุลวัชร หงษ์คู, เขต 2 กระทุ่มแบน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร,  เขต 3 บ้านแพ้ว นายนิติรัฐ สุนทรวร พร้อมเข้าร่วมเสวนานำเสนอ 8 วาระ เพื่อพลิกโฉมจังหวัดสมุทรสาคร ให้เป็นเมืองใหม่
    รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ถือเป็นเวทีปราศรัยการเมืองที่สร้างสรรค์ในรูปแบบใหม่ที่ไม่มีการพูดประเด็นเรื่องความขัดแย้ง ไม่มีการพูดถึงคู่แข่ง จะมีการพูดเพียงในวาระอนาคต ที่จะมีผลโดยตรงต่อพี่น้องชาวสมุทรสาครทั้งสิ้น เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องที่จับต้องได้ เป็นวาระที่ทันสมัย ในฐานะประธานกรรมการนโยบายชุดกลางของพรรค พร้อมสนับสนุนทั้ง 8 วาระ เนื่องจากตรงกับภารกิจ "แก้จน สร้างคน สร้างชาติ" อาทิ แก้จน ความเป็นอยู่ของเกษตรกรและพี่น้องชาวประมงที่มีปัญหาเรื่องการดำรงชีวิต, สร้างคน เกี่ยวกับการศึกษาในอนาคตจังหวัดสมุทรสาครจะเปิดโอกาสให้ลูกหลานพูดได้ 3 ภาษา และสร้างชาติ เรื่องของโรงเรียนสีขาว โรงงานสีขาว กำจัดมลพิษและจะทำให้สมุทรสาครเป็นเมืองที่คนอยากแวะมาเที่ยว มาเยี่ยม มาเยียน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ไกล ใกล้นิดเดียว นี่จึงเป็นแนวคิดที่แก้จน สร้างคน สร้างชาติ ที่มีความทันสมัยอย่างยิ่ง
    “ในเมื่อจังหวัดอื่นๆ ที่ติดกับกรุงเทพฯ มีรถไฟฟ้าใช้ แต่สมุทรสาครทำไมไม่มี ทั้งที่มีประชากรรวมทั้งสิ้นกว่า 2 ล้านคน หากรถไฟฟ้าเข้าถึงก็จะสามารถลดปริมาณรถยนต์ในกรุงเทพฯ ได้มาก ประมงชายฝั่งต้องถูกลอยแพเพื่อแก้ปัญหาให้ประมงพาณิชย์จริงหรือไม่ ทำไมไม่มีโรงเรียนดีๆ ในจังหวัด นอกจากนี้ยังต้องการให้เอาจริงกับมาตรฐานควบคุมมลพิษโรงงาน 6,000 แห่งใน จ.สมุทรสาคร ตลาดกลางสินค้าเกษตรจังหวัดต้องได้รับการพัฒนา ซึ่งทีมสมุทรสาครจะทำงานร่วมกับพรรคเพื่อหาคำตอบให้กับประชาชนเร็วๆ นี้” นายกรณ์ระบุ
    ที่ จ.นครราชสีมา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า มาถึงวันนี้พรรคพลังประชารัฐมีความพร้อมเต็มที่สำหรับการลงสู่สนามเลือกตั้ง และพรรคมั่นใจในนโยบายที่นำเสนอต่อประชาชนว่ามีความชัดเจน ทำได้จริง ประชาชนได้ประโยชน์ นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังเตรียมนโยบายใหม่ๆ เพิ่มอีก เช่น นโยบายช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรเรื่องลดต้นทุนการผลิต โดยจะช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวข้าวจากเดิม 12 ไร่ เพิ่มเป็น 20 ไร่/ครัวเรือน คิดเป็นเงินจากเดิม 18,000 บาท เพิ่มเป็น 40,000 บาท/ครัวเรือน และยังจะเพิ่มจำนวนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจาก 15 ล้านคน เป็น 20 ล้านคน รวมทั้งเพิ่มสิทธิอีกหลายอย่างในบัตรดังกล่าว ตลอดจนจะมีนโยบายมุ่งเน้นลดความเหลื่อมล้ำในสังคมเพิ่มขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นนโยบายที่ทำมาแล้วและทำได้จริง ไม่ใช่เรื่องที่เพ้อฝัน และมั่นใจว่าจะได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเพิ่มมากขึ้น 
พปชร.ลุยเมืองละโว้
    วันเดียวกัน นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค, นายอนุชา นาคาศัย กรรมการบริหารพรรค,  นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ กรรมการบริหารพรรค และนายสุชาติ ตันเจริญ กรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค พร้อมคณะ เดินทางไปพบปะสมาชิกพรรคและประชาชน ที่ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี และในช่วงเย็นได้จัดเวทีพบปะประชาชน ณ สนามกีฬาบ้านหมี่ด้วย 
    พร้อมกันนี้จะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลพบุรี ของพรรคทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย เขต 1 นายประทวน สุทธิอำนวยเดช อดีต ส.ว.ลพบุรี, เขต 2 นางปวีณา นิลแย้ม อดีตสมาชิก อบจ.ลพบุรี ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ อ.บ้านหมี่, เขต 3 นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.หลายสมัย และเขต 4 นายสุรเชษฐ์ ชุ่มฤทธิ์ อดีตสมาชิก อบจ.ลพบุรี
    นายสุชาติ ตันเจริญ กรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงนโยบาย “สปก.4.0 โอนสิทธิ์ เพิ่มมูลค่า ใช้ตรงประโยชน์” ว่า จ.ลพบุรี ถือเป็นจังหวัดที่ประชาชนทำการเกษตร และประสบปัญหาที่ดินทำกินมาโดยตลอด ในฐานะผู้เสนอแนวคิด สปก. 4.0 เชื่อว่าหากพรรคพลังประชารัฐได้รับโอกาสจากพี่น้องประชาชน จะนำกรอบแนวคิดไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ภายใต้กรอบของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) และไม่ทำให้ที่ดินหลุดไปเป็นของนายทุนหรือต่างชาติอย่างแน่นอน
    “สิ่งที่ผมย้ำมาตลอดคือ เราเพิ่มวัตถุประสงค์ใหม่เพื่อความยืดหยุ่นให้กับที่ดิน สปก.4-01 แล้วสามารถเปลี่ยนมือได้ แต่ไม่ใช่ในลักษณะโฉนด เป็นเพียงใบสลักสิทธิ์ที่ ส.ป.ก.เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โดยที่ผู้ครอบครองสามารถโอนสิทธิให้แก่ผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่ ส.ป.ก.กำหนดได้เข้าทำประโยชน์แทนได้ ภายใต้เงื่อนไข และเสียค่าธรรมเนียมให้แก่ ส.ป.ก. ในอัตราที่กำหนด หากใช้หลักการนี้ทำครอบคลุมที่ดิน ส.ป.ก.ทั่วประเทศกว่า 30 ล้านไร่ จะทำให้เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศได้กว่า 10 ล้านล้านบาท เกษตรกรคนจนก็มีโอกาสเป็นเศรษฐี มีเงิน มีรายได้หลายแสนหรือหลายล้านบาทต่อคนต่อครอบครัว” นายสุชาติระบุ
อนค.พาตำรวจกลับบ้าน
    ด้าน พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตผู้บังคับการกองปราบปราม ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยว่า สิ่งที่อยากจะผลักดันร่วมกับอนาคตใหม่ ซึ่งไม่ใช้คำว่าปฏิรูปตำรวจ แต่ขอเรียกว่า 'พาตำรวจกลับบ้าน' หมายถึง ตำรวจต้องแยกออกจากกองทัพ เพราะวันนี้ถูกพ่วงอยู่กับ 4 เหล่าทัพ เรียนก็เรียนด้วยกัน แล้วก็ลอกรูปทรง รูปแบบทหารที่เป็นการใช้คำสั่งมาใช้ ซึ่งไม่ใช่ เพราะตำรวจต้องรับใช้ประชาชน การพาตำรวจกลับบ้านเพื่อให้ตำรวจมาขึ้นตรงกับประชาชน นั่นก็คือ นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน   นอกจากนี้ ในช่วงท้ายๆ ของการเรียนของนักเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ต้องให้ไปเรียนร่วมกับกับมหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาของประชาชนด้วย ดึงองค์ความรู้ของประชาชนมาอยู่กับตำรวจ เพื่อที่จะออกไปทำงานรับใช้ประชาชนได้อย่างแท้จริง นี่คือสิ่งที่เรียกว่า พาตำรวจกลับบ้าน มาสู่อ้อมกอดของประชาชน
    "การพาตำรวจกลับบ้านนี้ เป็นส่วนหนึ่งในนโยบายการกระจายอำนาจของพรรคอนาคตใหม่ เป็นการปลดแอกตำรวจออกจากกองทัพ ให้มาอยู่ภายใต้การดูแลของประชาชน ต้องมีการบริหารจัดการสำนักงานตำรวจแห่งชาติใหม่ ให้ตำรวจยึดโยงกับท้องถิ่น นอกจากนี้ เวลามีการชุมนุม ตำรวจในท้องถิ่นต้องไม่ถูกเกณฑ์เข้ามาดูแลควบคุมฝูงชนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ การควบคุมฝูงชนต้องเป็นหน้าที่ส่วนกลาง" พล.ต.ต.สุพิศาลระบุ
    ที่ทำการสาขาพรรคครูไทย จังหวัดเลย ต.นาโป่ง อ.เมืองฯ จ.เลย นายปรีดา บุญเพลิง หัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน เผยว่า พรรคครูไทยได้เน้นนโยบาย 4 ด้าน ด้านการศึกษา ต้องปฏิวัติการศึกษาทั้งหมด เริ่มต้นหลักสูตรการศึกษา ต้องให้มีวิชาหน้าที่พลเมืองศลีธรรม ให้เป็นคนดีคนเก่ง เริ่มตั้งแต่อนุบาล รวมทั้งต้องปฏิวัติกระบวนการผลิตครู และสวัสดิการ ครูทั้งประเทศ
    ด้านการเกษตร ต้องแปลง ส.ป.ก., ส.ท.ก., ภ.บ.ท. เป็นโฉนดที่ดินของประชาชน ส่วนด้านสังคม พักชำระหนี้ประชาชน ข้าราชการ ครู เป็นระยะปลอดหนี้ 4 ปี และที่สำคัญ หยุดประชานิยม ให้สังคมไทยสู่สังคมรัฐสวัสดิการ ด้านเศรษฐกิจ แก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการน้อมนำศาสตร์พระราชามาเป็นแนวปฏิบัติ ตั้งธนาคารประชาชน ช่วยเหลือธุรกิจในระดับต่างๆ ให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างทั่วถึง
     นายปรีดา บุญเพลิง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พร้อมสำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ เราได้ส่งบุคลากรที่มีความรู้และประสบการณ์ในการทำงานในด้านต่างๆ ตามนโยบายพรรคที่ได้กำหนด ถึงเราเป็นพรรคเล็กๆ ก็ตาม แต่พร้อมจะรับใช้พี่น้องคนไทยทั้งประเทศ พร้อมที่จะลงสู้ศึกครั้งนี้อย่างเต็มที่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"