เมื่อ 'เพื่อไทย' เป็นพรรคตกชั้น


เพิ่มเพื่อน    

              ถ้าเป็น "ม้าแข่ง"

                เปิดซองสตาร์ทที่ "สนามกลาง" คือ กทม.อันเป็นเกณฑ์วัดมาตรฐาน เมื่อวาน (๔ ก.พ.)

                ใคร "แทงวิน" ม้าคอกเพื่อไทยและคอกเพื่อทักษิณไว้

                "ฉีกตั๋วทิ้ง" ได้เลย!

                ก่อนแข่ง ทั้งม้าผู้-ม้าเมีย คอกตระกูลเพื่อ ฟิต..เตะคอกเปรี้ยงปร้าง ก็นึกว่า เอาล่ะวะ เที่ยวนี้ สู้ชนิดถวายหัวแม้วแน่

                แต่ที่ไหนได้ เปิดซองปุ๊บ......

                เป็น "ม้าขาหัก" ยืนขี้เฉยเลย!?

                ปล่อยให้ม้าคอกพลังประชารัฐ คอกประชาธิปัตย์ คอกภูมิใจไทย คอกรวมพลังประชาชาติไทย คอกชาติไทยพัฒนา

                คอกชาติพัฒนา คอกอนาคตใหม่ คอกเสรีรวมไทย กระทั่ง พลังท้องถิ่นไท คอก "ชัช เตาปูน" โชว์ฟอร์มสมเป็นพรรคนักสู้

                คือ ม้า "เพื่อไทย" ตามราคาโม้ เป็นม้าเต็ง ๑

                แต่ออกสตาร์ท กลับเป็นม้าลากรถลำปาง มันหมายความว่าไง?

                ม้าล้มต้มคนดู หรือม้า "ฮั้วแข่ง"?

                ก็ไม่รู้ซีนะ....

                รู้แต่ว่า มันผิดทั้งฟอร์ม ผิดทั้งชื่อ-ชั้น เต็งหนึ่ง ชนิดแทงวิน ตั๋ว ๑๐ บาท จ่าย ๙ บาท คนก็ยังแทง

                แต่เปิดซองสตาร์ท กลับเป็นม้า ๓ ขา ที่จะเข้าวิน ปิดประตูตายแต่วินาทีนี้เลย!

                คือ ส.ส.เขต มีทั้งหมด ๓๕๐ คน เลือกตั้งกัน ๓๕๐ เขต

                ในสนามกรุงเทพฯ อันเป็นเมืองหลวงของทุกพรรค มี ๓๐ เขต ๓๐ ส.ส.

                แต่ปรากฏว่า เพื่อไทย ส่งคนลงแข่งแค่ ๒๒ เขต!?

                แบบนี้ หมายถึงอะไร?

                หรือเพื่อไทยต้องการส่งสัญญาณอย่างใด-อย่างหนึ่งให้ประชาชนทราบ?

                สนาม กทม.เป็นสัญลักษณ์ศักดิ์ศรีของแต่ละพรรค ยิ่งพรรคใหญ่ด้วยแล้ว จะเป็น-จะตาย ก็ต้องสู้ "เต็มสูบ"

                ในรอบ ๒๐ ปี........

                สนามกรุงเทพฯ ก็มีแต่ประชาธิปัตย์กับพรรคตระกูลเพื่อ ที่ตอนนี้อยู่ในชื่อพรรคเพื่อไทย

                ๒ พรรคเท่านั้น ที่เป็นพรรคใหญ่ มีลำหัก-ลำโค่น ชิงความเป็นรัฐบาลในระบบรัฐสภา

                เลือกตั้งทุกครั้ง ด้วยศักดิ์ศรีพรรคใหญ่

                ทั้งประชาธิปัตย์-เพื่อไทย จะส่งผู้สมัคร "ลงครบ" คือปักธงพรรคให้เป็นที่ประจักษ์ ในทุกเขตเลือกตั้งของประเทศ

                โดยเฉพาะ กทม.อันเป็น "เมืองหลวง"!            

                แต่ครั้งนี้ นึกไม่ออกจริงๆ และหาคำตอบไม่ได้ว่า เพราะเหตุใด?           

                พรรคใหญ่อย่าง "เพื่อไทย" ที่คุยจะกลับมาครองอำนาจ จะเอาทักษิณกลับไทย

                แต่กลับส่งคนลงสมัคร ส.ส.ไม่ครบเขต?

                ผมคิดว่า ทุกท่าน ก็คงฉงนและสงสัยเหมือนผม เป็นไปได้ไง กรุงเทพฯ มี ๓๐ ที่นั่ง

                แต่พรรคใหญ่อันดับ ๑ ซึ่งเลือกตั้ง เมื่อปี ๕๔ คนตั้งกว่า ๑๕ ล้านเลือก

                ครั้งนี้ กลับส่งคนลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทยใน กทม. แค่ ๒๒ เขต?

                แล้วอีก ๘ เขต เว้นไว้เพื่ออะไร?

                -หาคนลงสมัครไม่ได้

                -ไม่มีเงินค่าสมัคร

                -รู้ตัว..ลงไปก็แพ้พรรคอื่น เลยไม่ส่ง

                หรือ ฮั้ว......

                -ลักษณะ "พรรคใหญ่-พรรคเล็ก" หรือเปล่า?

                นี่ มันเป็นประเด็นที่เขาถามกันทั้งเมืองเมื่อวาน หลังจาก กกต.ประกาศ

                ใน กทม. ๓๐ เขต เพื่อไทย ส่งคนลงสมัครแค่ ๒๒ เขต!

                ในขณะที่ประชาธิปัตย์ ๓๐ เขต ก็ส่งคนลงสมัคร ครบทั้ง ๓๐ เขต

                แล้วพรรคใหม่แกะกล่อง อย่างพรรคพลังประชารัฐ, รวมพลังประชาชาติไทย, พลังท้องถิ่นไท, อนาคตใหม่, เสรีรวมไทย และอาจมีพรรคอื่นๆ อีก

                ก็ส่งครบ ๓๐ เขต!

                มันจึงสะดุดตา-สะดุดใจ ว่าต้องมีเหตุ ไม่อย่างนั้น เป็นไปไม่ได้ ที่พรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย จะส่งคนลงสมัครไม่ครบเขต?

                เพราะต้องไม่ลืม.........

                ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทุกคะแนนมีความหมาย ทุกคนที่ลงแข่ง แพ้-ชนะ ไม่สำคัญ

                เพราะคะแนนที่แต่ละคน-แต่ละพรรคได้ เอาไปรวมแลกได้ ประมาณว่า ๘ หมื่นเสียง ต่อ ๑ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

                ฉะนั้น มีเหตุผลอะไร ที่เพื่อไทยจะทิ้ง ๘ เขตไปเฉยๆ แม้ลงแล้วสู้ไม่ได้ แต่การเอาหางแหย่น้ำไว้ ๘  เขต

                ยังไงๆ เอาคะแนนรวม ก็อาจได้เป็นแสน!

                มองในมุมกว้าง ส.ส.เขตทั้งหมด มี ๓๕๐ คน แบบนี้ ก็เป็นที่แน่นอนว่า

                ในขณะที่พรรคอื่นๆ มีสิทธิ์ชิงเก้าอี้ ๓๕๐ ตัว

                แต่เพื่อไทย มีแค่ ๓๒๐ ตัว

                เท่ากับ "หมดสิทธิ์-หมดโอกาส" แจ็กพอต ที่จะชนะใคร เป็นอันดับ ๑ ได้เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล

                เจ้กูก็แห้งอีก.......

                แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญเป็นวาระเร่งด่วน ให้ตำแหน่งนายกฯ "เวียนกันเป็น" คนละเดือน เพื่อ ๓ ว่าที่ จะไม่ต้องตีกัน!

                ความจริง ก็ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับลม-กับแล้งไปแล้ว ไม่อยากสนใจอะไรมาก

                แต่ทีนี้ อ่านข่าวพบ........

                พรรคไทยรักษาชาติ ที่ลูกเจ้เบียบเป็นหัวหน้าพรรค เมื่อวาน ยกคณะไปสมัครลงแข่ง ส.ส.กทม.ด้วย

                เป็นธรรมดา พรรคไหนๆ ก็สมัครได้ แต่ทีนี้ ช่างบังเอิญเสียเหลือเกิน

                พรรคเพื่อไทย ไม่ส่งคนลงสมัคร ๘ เขต ประกอบด้วย เขต ๒, ๓, ๔, ๒๐, ๒๑, ๒๒, ๒๔ และ ๒๕

                ก็ช่างบังเอิญ พรรคไทยรักษาชาติ ส่งผู้สมัคร ส.ส.กทม.เฉพาะแค่ ๘ เขต

                และบังเอิญในบังเอิญนั่นแหละ เขตที่ไทยรักษาชาติส่งคนลงสมัครนั้น

                เป็น เขต ๒, ๓, ๔, ๒๐, ๒๑, ๒๒, ๒๔ และ ๒๕ ที่เพื่อไทย "ฟันหลอ" ไว้!

                ผมก็ว่าบังเอิญ แต่เห็นทั้งพระ-ทั้งโจร พูดตรงกันอยู่คำว่า "ในโลกนี้..ไม่มีอะไรที่บังเอิญ"!?

                ก็หาคำตอบมีเหตุ-มีผลไว้ละกัน.......

                เผื่อนายเรืองไกร หรือใครๆ เขาไปร้อง กกต.เรื่องฮั้วเลือกตั้ง จะได้อธิบายให้ กกต.และชาวบ้านเขาเข้าใจ ในความเป็นประชาธิปไตยบังเอิญของฝ่ายประชาธิปไตยนั่นแหละ!

                เมื่อวาน (๔ ก.พ.๖๒) แค่วันเดียว

                ในจำนวน ๑๐๖ พรรค มี ๕๘ พรรค ที่ไปยื่นสมัครลง ส.ส.เขต

                ได้ยิน กกต.แถลงว่า มีตั้ง ๕,๘๓๑ คน "มากที่สุด" เป็นประวัติการณ์ ในการเลือกตั้ง

                แค่วันเดียวยังค่อนหมื่น........

                แล้วเหลืออีก ๔ วัน ครบกำหนดหมดเขต ๘ ก.พ.มิปาเข้าไปเป็นหมื่นคนหรือนี่?

                ในจำนวน (สมมุติ) หมื่นผู้สมัคร

                จะมีแค่ ๓๕๐ คนเท่านั้น ได้เข้าสภา

                ที่เหลือ ๙,๖๕๐ คน......

                ได้ถูกจารึกชื่อผู้ผ่านสมรภูมิเลือกตั้ง ๒๔ มีนา ๖๒!

                แต่เขาเหล่านั้นแหละ ผู้เอาเลือดเนื้อไปแลกคะแนนมา ให้กำเนิด "ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์" อีก ๑๕๐ คน

                ดูตามปรากฏการณ์จริงนี้แล้ว "พรรคตระกูลเพื่อ" คุยละก็ได้ แต่เป็นจริงไม่ได้ ที่จะเป็นอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาล

                แตกพรรค........

                ก็แหลกจน "กินตัวเอง" ตายเพราะแตก แค่รักษา ๑๕ ล้านเสียงที่ได้ เมื่อปี ๕๔ ก็ว่ายากทั้งยาก

                แล้วที่หวังได้เพิ่ม จะหวังจากไหน วังบัวบานก็แหลกกระจาย มองรอบทิศ-รอบทาง หวังเป็นฝ่ายค้าน คอยป่วนให้สภาพังละก็พอหวังได้

                ส่วนการเป็นรัฐบาลนั้น.......

                ให้ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนา รวมพลังประชาชาติไทย  และ ฯลฯ ไปแย่งกันเองเถอะ

                อย่างที่บอกนั่นแหละ เลือกตั้งหนนี้ ส.ส.เขต ลุ้นไม่มัน

                โน่น...ไปลุ้น "รายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์" มันกว่า

                เห็นมั้ย ป่านนี้แล้ว ทุกพรรคยัง "กลบไต๋" เงียบ! 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"