ทษช.ส่อตายยกเข่ง แก้วสรรชี้คำ'ธิดา'มัดตราสัง/หึ่ง!กก.บห.ไขก๊อกดักหน้า


เพิ่มเพื่อน    

    ทษช.ส่อชะตาขาด! กกต.นัดพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.-แดนดิเดตนายกฯ เล็งตั้งคณะทำงานปมเสนอชื่อนายกฯ ผิด ม.92 พ.ร.ป.พรรคการเมือง ก่อนชงศาล รธน.ยุบพรรค "พี่ศรี" บุกยื่น กกต.ฟัน ทษช.แน่ "แก้วสรร" เขียนบทความ "คำสารภาพสีแดง" ยกข้อความ "ธิดา" มัด ชี้อาจเอื้อมใช้บารมีพระมหากษัตริย์แสวงหาอำนาจ ทษช.โพสต์ยังเดินหน้าต่อไป แต่ กก.บห.เตรียมชิ่ง แจ้ง กกต.ขอลาออกจากสมาชิกพรรคปัดไม่มีเอี่ยว เปิดแนวทางหนีตายทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษยุติบทบาทพรรค "เรืองไกร" ตอกพวกกันเองควรมีสำนึกชั่วดี บี้ กก.บห.ลาออกแสดงความรับผิดชอบ ขณะที่ "ปรีชาพล" โผล่ทำบุญที่อยุธยา   
    เมื่อวันอาทิตย์ ยังเป็นที่จับตาถึงการกระทำของพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่อาจเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง รวมทั้งระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. ที่ห้ามผู้สมัครพรรคการเมือง หรือผู้ใดนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียง ที่อาจมีผลถึงขั้นยุบพรรค
     โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เปิดเผยว่า กกต.จะมีการประชุมกันทุกวันจันทร์และวันอังคาร ซึ่งในวันที่ 11 ก.พ. คาดจะมีวาระการพิจารณาในเรื่องของพรรคไทยรักษาชาติด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีคำร้องเข้ามาให้พิจารณา ส่วนเรื่องบัญชีชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรค ทษช.ต้องดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น ต้องพิจารณากันในที่ประชุม กกต. และมีการให้ความเห็นร่วมกันหรือออกเป็นมติบนพื้นฐานของกฎหมายก่อน
    สำหรับกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา จะยื่นคำร้องให้ กกต.เสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค ทษช.นั้น นายอิทธิพรกล่าวว่า กกต.จะพิจารณาก่อนว่าคำร้องดังกล่าวสมควรจะรับไว้หรือไม่ อย่างไร ตามอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน กกต. เมื่อรับคำร้องแล้วก็จะเสนอมาให้ กกต.พิจารณาต่อไป ยืนยันว่าทุกเรื่องที่ กกต.รับไว้จะพิจารณาไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ขอย้ำว่าจะพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ และมีความเป็นธรรมมากที่สุด
    มีรายงานว่า ในการประชุม กกต.วันที่ 11 ก.พ.นี้ จะมีการรายงานผลการเปิดรับสมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ และรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่แต่ละพรรคการเมืองเสนอ พร้อมรายละเอียดการตรวจสอบคุณสมบัติ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้แจ้งมาให้ กกต.ได้พิจารณา ร่วมกับประเด็นข้อกฎหมาย ว่า กกต.จะมีอำนาจในการที่จะตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ หรือมีอำนาจเพียงต้องประกาศรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอมา ซึ่งมีแนวโน้มว่า กกต.จะประกาศรับรองรายชื่อทั้งสองส่วนโดยเร็ว ก่อนครบกำหนด 7 วันในวันที่ 15 ก.พ. เนื่องจากต้องการให้พรรคการเมืองสามารถนำภาพแคนดิเดตนายกฯ ไปใช้ในการหาเสียงได้เร็วขึ้น ตามที่ก่อนหน้านี้เลขาธิการ กกต.ขอให้ทุกพรรครอการประกาศรับรองรายชื่อจาก กกต.ก่อนค่อยเริ่มใช้ภาพแคนดิเดตนายกฯ หาเสียง
    ขณะเดียวกัน มีแนวโน้มว่า พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง จะใช้อำนาจตามมาตรา 93 ความปรากฏต่อนายทะเบียน ตั้งคณะทำงานรวบรวมพยานหลักฐาน ว่ากรณีการเสนอชื่อว่าที่นายกฯ ของ ทษช.เป็นการกระทำการที่เข้าข่ายผิดมาตรา 92 กฎหมายเดียวกันที่นายทะเบียน ต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน เพื่อเสนอพร้อมความเห็นต่อ กกต.พิจารณาส่งให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ และเพิกถอนสิทธิสมัครกรรมการบริหารพรรคหรือไม่
    ทั้งนี้ ตามมาตรา 92 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดไว้ว่า เมื่อ กกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการ (1) ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ (2) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น
บี้ กกต.ฟัน ทษช.
    ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระบุว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ เมื่อคืนวันที่ 8 ก.พ.2562 ว่า มิให้ "ทูลกระหม่อมหญิงฯ" ลงเล่นการเมือง เนื่องจากเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ ใกล้ชิดพระมหากษัตริย์ รวมทั้งขัดรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ โดยพรรคไทยรักษาชาติ จึงเป็นการเสนอผู้ที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 13 วรรคสอง ประกอบมาตรา 14 (2) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 ที่สำคัญเป็นการดำเนินการที่ละเมิดต่อข้อ 17 ของระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.2561 โดยชัดแจ้ง อันเข้าข่ายองค์ประกอบมาตา 92 (2) ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 จึงเห็นว่า กกต.ควรจะต้องนำกรณีดังกล่าวเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติต่อไป โดยสมาคมฯ จะไปยื่นคำร้องในวันจันทร์ที่ 11 ก.พ.2562 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ อาคาร B หลักสี่ กทม.
    นายธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า กกต.มีอำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา 14 กำหนดให้การเสนอรายชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ดังนั้น กกต.จึงย่อมต้องมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในกรณีของการเสนอพระนามของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรค ทษช. ซึ่งขัดกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ที่พระบรมราชวงศ์ดำรงอยู่เหนือการเมืองและมีความเป็นกลางทางการเมือง และไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆ ในทางการเมืองได้ จึงย่อมต้องถือว่าเป็นการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯ ที่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ และมาตรา 14 วรรคสอง 
    "จึงถือว่าไม่มีการเสนอพระนามของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เป็นนายกฯ โดย ทษช. เปรียบทำนองเดียวกับถือว่าการเสนอพระนามของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ โดย ทษช.เป็นโมฆะ ไม่มีผลตามกฎหมาย จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีการถอนพระนามของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ จากรายชื่อนายกฯ โดย ทษช.หรือโดยทูลกระหม่อมหญิงฯ แต่อย่างใด และจึงคงไม่มีประเด็นปัญหาให้ต้องมาพิจารณาว่าหลังปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ไปแล้วจะถอนรายชื่อบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ได้หรือไม่" นายธนกฤติกล่าว
     นายแก้วสรร อติโพธิ เขียนบทความเรื่อง คำสารภาพสีแดง? ถึงกรณีที่มีผู้เรียกร้องให้ยุบพรรคทษช. ว่า ข้อแรกคือปัญหาว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการแสวงหาอำนาจโดยผิดครรลองรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าทูลกระหม่อมฯ มีคุณสมบัติและประสบการณ์เหมาะสม ตรงสเปกจริงๆ และท่านก็ห่วงบ้านเมืองเห็นด้วยกับนโยบายพรรคจริงๆ แล้วทำไมจะทูลเชิญท่านไม่ได้ มันผิดที่ตรงไหน ข้อเท็จจริงมันเป็นยังงั้นจริงหรือไม่ คุณลองอ่านเฟซบุ๊กของที่ปรึกษา นปช. คุณธิดา ถาวรเศรษฐ  ต่อไปนี้ดูสิครับว่า เป็น “คำสารภาพสีแดง” หรือไม่?
    นายแก้วสรรยกข้อความที่นางธิดาโพสต์ ซึ่งระบุว่า “ประชาชนต้องให้โอกาสพระองค์ท่านที่เสียสละ..ฝ่ายที่มอง ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นปฏิปักษ์อย่างแรงกล้าจะไม่สามารถเอาเรื่องของราชวงศ์หรือสถาบันมาอ้างได้อีกแล้ว..นี่คือการเล่นไพ่หรือยุทธวิธีในการทำอย่างไรให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะ..ขณะนี้แคนดิเดตนายกฯ กลายเป็นพลเอกประยุทธ์กับทูลกระหม่อมฯ...การเอาชนะทางเลือกตั้งไม่พอ ต่อให้มี ส.ส. 250 ก็ถูกจัดการได้โดย 250 ส.ว.โดยกลไกรัฐ.. ตรงนี้ทำให้ปฏิบัติการ ทษช.ครั้งนี้เป็นกลยุทธ์ที่เรียกว่ายิ่งกว่าเหยียบเมฆ โอกาสที่ทูลกระหม่อมฯ จะเป็นนายกฯ ประเทศไทยนั้นมีสูงมาก นี่คือ “สภาวะใหม่ทางการเมืองไทย” ที่ฝ่ายถูกกระทำทางการเมืองมีกลยุทธ์สามารถที่จะจัดการอาวุธสำคัญของฝ่ายอนุรักษนิยมทำให้อาวุธนั้นใช้ไม่ได้ 
อาจเอื้อมใช้บารมีกษัตริย์
    "ทั้งหมดนี้คุณอ่านดูแล้วคุณว่า ถ้าคิดอย่างนี้จริงๆ เราจะยอมรับว่าเป็นการใช้เสรีภาพทางการเมืองตามวิถีทางรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าเป็นนามสกุลชินวัตรของน้องสาวที่ชื่อยิ่งลักษณ์เช่นที่เคยทำมาแล้ว หรือจะใช้นามสกุลใหญ่โตที่ไหนก็แล้วแต่ เชิญคุณทำได้ตามสบาย แต่นี่เป็นการใช้บารมีสถาบันพระมหากษัตริย์ชัดๆ ตรงนี้แหละครับที่มันผิด ที่อาจเอื้อมเอาบารมีสถาบันมาใช้เพื่อแสวงอำนาจโดยผิดครรลอง กฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 92 ระบุไว้ชัดเจน"
    นายแก้วสรรระบุด้วยว่า กกต.ต้องสอบให้เขาอธิบายว่า ได้คิดกันมีมติกันได้อย่างไร ให้ผู้ใหญ่คนไหนไปเจรจาไปทูลเชิญ ใครคือผู้ใหญ่คนนั้น ถ้าตอบว่าคือ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนไปคุย แล้วสั่งลงมาให้ไปทูลเชิญ ก็ปรากฏเป็นเหตุยุบพรรคอีกข้อหนึ่ง คือเป็นพรรคที่ตกอยู่ใต้บงการของคนนอก เป็นเหตุยุบพรรคได้ตาม ม.92 (3)  
    ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ 24 และคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ทษช.กล่าวว่า การที่มีบุคคลไปร้อง กกต.ให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค โดยหยิบยกเหตุว่า การกระทำของพรรคอาจขัดต่อกฎหมายและระเบียบการหาเสียงของ กกต.ข้อ 17 อันเข้าข่ายตามองค์ประกอบมาตา 92 (2) ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 แต่ในตามมาตรา 92 (2) ระบุถึงกระทำการอาจเป็นปฏิปักษ์ ซึ่งคำนี้เป็นคนละคำกับคำว่า ขัดต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่อยู่ในรัฐธรรมนูญมาตรา 2 แม้คนร้องจะไปร้องได้ แต่ถ้าวินิจฉัยออกมาแล้วไม่ใช่ ผู้ร้องก็อาจจะมีโทษตามมาก็ได้ การพิจารณาจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ กกต. ที่จะมีการประชุมในวันที่ 11 ก.พ. 
    นายเรืองไกรกล่าวว่า ตนเคยไปร้องให้ กกต.ตรวจสอบประเด็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เข้าข่ายทำความผิดมาตรา 98 ของรัฐธรรมนูญ ถือว่าเข้าข่ายเป็นเจ้าของสื่อหรือไม่ ถ้า กกต.ไม่ประกาศรับรองชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้เหมาะสม สมควรอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จริง เท่ากับว่าพรรคนั้นๆ ไม่ได้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี
     ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิเคราะห์ไปถึงว่าพรรคทษช.อาจถูกยุบพรรคได้ นายเรืองไกรกล่าวว่า เรื่องการยุบพรรคคงอีกไกล เพียงแต่ตอนนี้เป็นเรื่องความรู้สึกของคนที่เห็นแตกต่างทางสังคม ทษช.มีแถลงการณ์น้อมรับพระราชโองการ ถือเป็นเรื่องคนไทยทุกคนควรรับมาปฏิบัติ ส่วนความรับผิดชอบกรรมการบริหารพรรคส่วนตัว ผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็ควรมี ควรรับ มาปฏิบัติทางไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จะพิจารณาตัวเองหรือไม่
    "แต่ถ้าเป็นผม คงแถลงว่า ขอลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ จะลาออกสถานะใด จากสมาชิกพรรค จากกรรมการบริหารพรรค ก็ว่ากันไป แต่ก็ยังมีข้อพิจารณา หากลาออกจากกรรมการบริหารพรรค ถือว่าพ้นจากตำแหน่งทางการบริหารเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าลาออกจากสมาชิกพรรค ถือว่าขาดหมดเลย จะพ้นสภาพไปโดยปริยาย ทั้งสมาชิก กรรมการบริหารพรรค และอาจรวมถึงความเป็นผู้สมัคร ส.ส.ด้วย ควรมีสำนึกรับผิดชอบชั่วดี" นายเรืองไกรกล่าว 
    นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สมาชิกพรรค ทษช. กล่าวถึงการกดดันให้กรรมการบริหาร ทษช.ลาออก ว่า ยังไม่ถึงเวลาแสดงสปิริต จะเป็นความผิดหรือไม่ยังไม่รู้ เพราะพรรคก็ทำตามกฎหมาย และมีแถลงการณ์น้อมรับพระราชโองการ ส่วนตัวขอไม่ออกความเห็นมาก รอให้ กกต.พิจารณาออกมาก่อน แล้วเราค่อยมาว่ากัน เวลานี้อยากให้ทุกคนสงบ ไม่อยากให้มีการดึงสถาบันเพื่อมาทำร้ายคนอื่น เพราะถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ให้รอ กกต.พิจารณาออกมาก่อน ถ้า กกต.วินิจฉัยว่าเราทำไม่ถูกต้องก็จบกระบวนการ 
    ส่วนเรื่องข่าวลือแกนนำพรรคถูกควบคุมตัว นพ.เชิดชัยกล่าวว่า คงเป็นโรคประสาท มีการไปสร้างข่าวลือต่างๆ นานา แต่ความจริงคืออะไรยังไม่มีใครรู้ แม้ส่วนตัวจะยังไม่ได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรค แต่เชื่อว่า ยังสบายดี ไม่มีอะไร ตนได้คุยกับรองหัวหน้าพรรคบางท่านบ้าง ก็ไม่เห็นมีอะไร เท่าที่สอบถาม ทุกคนก็ปลอดภัยดี อีกทั้ง คสช.ก็บอกเลิกเรียกไปปรับทัศนคติแล้ว เรื่องนี้ควรปล่อยให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาพูดกันดีกว่า 
ขอพระราชทานอภัยโทษ
    ส่วนบรรยากาศที่ทำการพรรค ทษช. ถนนแจ้งวัฒนะ ตลอดช่วงเช้าวันอาทิตย์ เป็นไปอย่างเงียบเหงาติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ไร้เงาคณะกรรมการบริหาร แกนนำพรรค และสมาชิกพรรค ทษช. เดินทางเข้ามา  มีเพียงเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งที่เดินทางมาทำงาน
    มีรายงานข่าวจากพรรค ทษช.เปิดเผยว่า หลังจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของพรรคที่อาจเข้าข่ายผิดเจตนารมณ์รัฐ ล่าสุดในวันที่ 11 ก.พ. นายรุ่งเรือง พิทยศิริ หนึ่งในกรรมการบริหารพรรคทษช. จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมติของพรรคในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีในนามพรรค ที่มีการประชุมกรรมการบริหารพรรคไปเมื่อวันที่ 4 ก.พ.โดยจะนำเอกสารการยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไปยื่นต่อ กกต.
    มีรายงานอีกว่า คณะทำงานทีมยุทธศาสตร์พรรคทษช. ได้มีการหารือต่อกรณีที่เกิดขึ้น โดยมีผู้เสนอให้ทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ จากนั้นพิจารณายุติบทบาทพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้ หรือยุบพรรคไป อย่างไรก็ดี มีบางส่วนเห็นแย้งเกี่ยวกับการยุติบทบาทหรือยุบพรรค โดยเห็นว่ากระบวนการยุบพรรคนั้นคงต้องใช้เวลาในการพิจารณาพอสมควร ส่วนการยุติบทบาทของพรรคนั้น อาจกระทบต่อยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ที่ ทษช.ส่งผู้สมัคร 175 เขต แม้จะแพ้แต่ก็จะได้คะแนนเพื่อนำไปคำนวณที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อให้มากที่สุด 
    ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทย (พท.) ส่งผู้สมัคร 250 เขตเลือกตั้ง เน้นในส่วนของ ส.ส.เขต หาก ทษช.ยุติบทบาท เท่ากับจะมีถึงราว 100 เขตทั่วประเทศ ที่ไม่มีผู้สมัครของทั้ง 2 พรรคลงสมัคร เป้าหมายที่ต้องการได้จำนวนที่นั่ง ส.ส.รวมกันให้เกิน 250 เสียง หรือกึ่งหนึ่งก็จะทำได้ยาก ดังนั้นจึงได้ข้อยุติเบื้องต้นว่า จะมีการประกาศลาออกและยุติบทบาทเฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่เกี่ยวข้อง แต่คงสมาชิกภาพไว้ เพื่อไม่ให้กระทบกับคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.
     ขณะที่ผู้สื่อข่าวยังตามหาตัว ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค ทษช. และนายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรคไม่เจอ โดยผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านพักของ ร.ท.ปรีชาพล บริเวณหมู่บ้านโอษธิศ 1 ซอยโชคชัย 4 ถนนลาดพร้าว กรุงเทพฯ บรรยากาศของบ้านปิดเงียบไว้ ไม่มีคนอยู่ภายในบ้านแต่อย่างใด
     ก่อนหน้านี้ นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช แม่ ร.ท.ปรีชาพล เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ร.ท.ปรีชาพลได้โทรศัพท์มาหา เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของแม่ โดยลูกชายบอกแค่ว่าไม่เป็นไร ยังสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง
    ส่วนที่บ้านติยะไพรัช ที่บ้านดง ต.สันทราย อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นบ้านพักของนายมิตติ ไม่มีวี่แววความเคลื่อนไหวใดๆ โดยประตูบ้านได้เปิดเอาไว้ ภายในมีเพียงคนที่ทำงานบ้านเท่านั้น
    ขณะเดียวกันก็มีข่าวลือว่านายมิตติหลบหนีไปแล้ว เมื่อผู้สื่อข่าวตรวจสอบไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ นอกจากนี้ กรรมการบริหารพรรคทษช.คนอื่นๆ ก็เก็บตัวเงียบ และมีข่าวลือว่ากรรมการบางคนเตรียมหนีเช่นกัน
     สำหรับกรรมการบริหารพรรค ทษช. มีจำนวน 14 คน ได้แก่ 1.ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช 2.นายฤภพ ชินวัตร (ลูกนายพายัพ ชินวัตร) รองหัวหน้าพรรค คนที่ 1 3.นางสุณีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรค คนที่ 2, 4.นายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์ รองหัวหน้าพรรค คนที่ 3 5.น.พ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล รองหัวหน้าพรรค คนที่ 4  6.นายมิตติ ติยะไพรัช ( ลูกชายนายยงยุทธ ติยะไพรัช) เลขาธิการพรรค 7.นายต้น ณ ระนอง รองเลขาธิการพรรค คนที่ 1 8.นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองเลขาธิการพรรค คนที่ 2, 9.นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ รองเลขาธิการพรรค คนที่ 3 10.นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ โฆษกพรรค 11.นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ (ลูกสาวนางเยาวเรศ ชินวัตร) นายทะเบียนสมาชิกพรรค 12.นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ (ภรรยานายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ) เหรัญญิกพรรค 13.รศ.ดร.รุ่งเรือง พิทยศิริ และ 14.นายจุลพงศ์ โนนศรีชัย กรรมการบริหารพรรค
    ขณะเดียวกัน ทางเพจเฟซบุ๊กพรรค ทษช.ได้ขึ้นกราฟฟิกข้อความว่า พรรคไทยรักษาชาติขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้กับเรา เพื่อก้าวเดินต่อไป และโพสต์ข้อความว่า “พรรคไทยรักษาชาติ ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่หลั่งไหลกันเข้ามาให้ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา เราขอยืนยันกับพี่น้องประชาชน พรรคไทยรักษาชาติยังคงมีจุดยืนดังเดิม และจะเดินหน้าต่อไปในสนามเลือกตั้งเพื่ออาสาแก้ปัญหาให้ประเทศและประชาชน” 
"เต้น"ยังไม่หนีแค่ลืมโทรศัพท์
    นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองเลขาธิการพรรค ทษช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับตัวกรรมการบริหารพรรค เช่น การถูกคุมตัว ว่ากระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทางพรรคยังคงทำงานของพรรคตามปกติ แต่เนื่องจากช่วง 2 วันนี้เป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ กรรมการบริหารพรรคบางท่านอาจจะติดภารกิจ จึงไม่ได้เข้าไปที่พรรค
    ต่อมาช่วงบ่าย น.ส.ชยิกาได้โพสต์รูปขณะไปทำบุญร่วมกับ ร.ท.ปรีชาพล ที่วัดหน้าพระเมรุราชิการาม จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อสยบข่าวลือ ร.ท.ปรีชาพล ถูกควบคุมตัว โดยบุคคลที่ไปร่วมทริปดังกล่าวมี ร.ท.ปรีชาพล, น.ส.ชยิกา และนายสรพันธ์ คุณากรวงศ์ ซึ่งเป็นว่าผู้ที่ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 
    ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียงพรรค ทษช. ยืนยันผ่านเฟซบุ๊กว่าเขายังอยู่ ไม่ได้หายไปไหน ที่ติดต่อไม่ได้เพราะลืมโทรศัพท์ไว้ ต่อมานายณัฐวุฒิได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ข้าพเจ้าชมชอบนิยายกำลังภายใน เยาว์วัยใฝ่ฝัน อยากหยิบฉวยพู่กันสรรค์สร้างเรื่องราวของเหล่าชาวยุทธ์ ฉากหนึ่งในยุทธภพ ดึกสงัดในคืนเดือนมืด ม่านวิกาลบดบังทุกสายตา แต่ "เล่งฮู้ชง" ยังมองเห็น แสงสว่างมาจากที่ใด "เล่งฮู้ชง" ล้วงเข้าไปในอกเสื้อ หยิบพลุสัญญาณจุดส่งถึงเพื่อนร่วมสำนัก เชิญตักเติมกำลังใจจากหัวใจข้าพเจ้า เช่น ที่ข้าพเจ้าตักเติมกำลังใจจากทุกท่านตลอดมา เรามิได้ประสงค์เผชิญหน้ากับค่ายพรรคสำนักใด แต่มิอาจละวางความหวังของเหล่าชาวยุทธ์ในห้วงทุกข์เข็ญได้ นี่คือปณิธานของสำนักเรา
    ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัด ผู้สมัครพรรค ทษช.ยังคงหาเสียงปกติ อาทิ ที่ จ.ตรัง เขต 1,  จ.สงขลา เขต 3, จ.พิจิตร เขต 1 เป็นต้น 
    วันเดียวกัน นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเรื่อง ความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ : ไทยทั้งผองต้องปกป้อง ว่า 70 ปีของรัชกาลที่ 9 ที่จบลงเมื่อ 13 ตุลาคม 2559 นั้น คืออีกหนึ่ง “ยุคทอง” ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ประชาชนล้วนเทิดทูนบูชาพระองค์ท่านดั่ง "พ่อ" ของแผ่นดิน อย่างไรก็ดี สถานะของพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะนับตั้งแต่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 นั้น มีที่ถูกโยกคลอน จนไหวเอน จะล้มมิล้มแหล่ก็หลายครั้ง ในทุกวันนี้เองสถานะของพระมหากษัตริย์ก็ใช่ว่าจะมิถูกสั่นคลอน ยังมีคนจำนวนหนึ่งท้าทายสงสัย กังขาหรือกระทั่งนินทาใส่ร้าย วิพากษ์โจมตี บางพวกกระทำการอยู่ใต้ดินบางพวกกระทำการในต่างประเทศ ยังมีที่เคลื่อนไหวเชื่อมโยงเข้ากับพรรคหรือกลุ่มฝ่ายบนดิน 
    "จึงเป็นหน้าที่ของทุกกลุ่มทุกพรรครวมทั้ง “รวมพลังประชาชาติไทย” ที่จะช่วยกันทำความเข้าใจกับประชาชน ร่วมกันต่อต้านพวก “ชังเจ้า” หรือ พวก “ล้มเจ้า” แต่ในขณะเดียวกัน ก็มิยอมให้ผู้ใดนำสถาบันเข้าไปเป็นฝักฝ่าย สถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ย่อมมิเป็นของพรรคใดฝ่ายใด หากเป็น “ของ” พวกเราทั้งมวล ซึ่งหมายถึงทุกพรรคทุกฝ่ายที่จงรักภักดีและศรัทธาบูชาต่อแผ่นดิน” นายเอนกระบุ
    นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการร่วมงานกับพรรค ทษช. ว่า หลักการของเรา เมื่อผลการเลือกตั้งปรากฏแล้วก็ต้องนำไปสู่การหารือกันอย่างแน่นอน ระหว่างพรรคการเมือง พปชร.มีอุดมการณ์ชัดเจนว่า เราทำเพื่อแผ่นดิน ประชาธิปไตย เรายืนอยู่ข้างประชาธิปไตย ที่เป็นของแท้ของคนไทย เพราะฉะนั้น ถ้าอุดมการณ์ไม่ตรงกัน เราก็คงไม่ร่วมงาน พรรคการเมืองที่เราจะร่วมงานด้วย ต้องเหมือนตัวเรา ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย กฎกติกาของการเลือกตั้ง เคารพธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติของคนไทย ในสิ่งที่คนไทยถือปฏิบัติมา ยึดถือในสิ่งที่คนไทยไม่ทำ ส่วน พปชร.จะยื่นร้องเรียน ทษช.ต่อ กกต.หรือไม่นั้น เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับเรา เรามุ่งมั่นทำงานในส่วนของเรา ไม่ไปวอกแวกว่าพรรคอื่นจะมีอะไรเกิดขึ้น
คสช.โต้ข่าวลือปฏิวัติ
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ในส่วนของพรรค ปชป.ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ทษช.ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ได้กระทำลงไป อีกทั้งเป็นหน้าที่ของ กกต. จะพิจารณาว่าต้องดำเนินการอย่างไรหรือไม่ และหลังจากที่มีพระราชโองการออกมาแล้วนั้น ต้องเป็นเรื่องที่ให้ทางผู้ที่เกี่ยวข้องพิจารณาว่าแต่ละฝ่ายสมควรจะทำอย่างไร ยืนยันว่า ปชป.ไม่มีการไปยื่นให้ยุบ ทษช.
    เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ของพรรคจะจับมือกับทษช. นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เดิมทางพรรคไม่ได้คิดถึงเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว และบอกแล้วว่าขอเดินหน้าที่จะเป็นแกนนำรัฐบาล และยึดภารกิจหลักของเรา คือ การแก้จน สร้างคน สร้างชาติ โดยเสนอตัวเป็นทางหลักที่จะออกจากการเมืองที่สับสนวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม ใครที่คิดว่าจะทำงานตามแนวของเราได้ถึงจะมาคุยกัน ฉะนั้นวันนี้หน้าที่ของเราคือ เดินหน้าขอคะแนนเสียงจากประชาชน
    พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยโดยท่านหัวหน้าพรรคยืนยันมาตลอดว่า เราเทิดทูนสถาบันเหนือสิ่งอื่นใดมาโดยตลอด ซึ่งเรื่องการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองอื่นนั้น ตนคงให้ความเห็นอะไรไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องกิจการภายในของแต่ละพรรคการเมือง เราเคารพการตัดสินใจของแต่ละพรรค เราเป็นเพียงผู้ชมเท่านั้น 
    ส่วนที่สำนักเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ (พช.) ได้ส่งข้อความถึงสมาชิกพรรค พช.ทุกท่าน ระบุว่า ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้มีความอ่อนไหว ขอให้สมาชิกทุกท่านระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นในทุกรูปแบบ และขอให้เดินหน้าทำหน้าที่ของตนเองตามที่ได้รับอาสาพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ต่อไป      
    ยังมีความเคลื่อนไหวของมวลชนเสื้อแดง โดยนายอานนท์ แสนน่าน ประธานหมู่บ้านเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย, นายศักดิ์ชาย พรหมโท ประธานผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) แห่งประเทศไทย, นายสมชัย แสงทอง ประธานหมู่บ้านเพื่อประชาธิปไตยภาคเหนือ, นางนิตยา นาโล ประธานหมู่บ้านเพื่อประชาธิปไตยภาคอีสาน และนางธนภัทร พันธวาส ประธานเครือข่ายฯ ร่วมประชุมวางแผนรับสถานการณ์เกี่ยวกับการเมืองปัจจุบันว่า “หมู่บ้านเพื่อประชาธิปไตย” และ “สื่ออาสาหมู่บ้านเพื่อประชาธิปไตย” เพราะมีกระแส “เลื่อนการเลือกตั้ง” และอาจจะมีการ “ปฏิวัติ-รัฐประหาร” เพื่อจะได้ส่งสัญญาณให้สมาชิกและมวลชนได้รับทราบ       
    พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล ร.2 รอ.) ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีคลิปวิดีโอที่มีประชาชนนำมาเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลมีเดีย เป็นภาพยานเกราะล้อยางวิ่งอยู่บนถนนหลวง มุ่งหน้ากรุงเทพฯ ว่า ยานพาหนะดังกล่าวเป็นของ พล ร.2 รอ. ที่จะเดินทางไปทำการฝึกหน่วยทหารรักษาพระองค์ที่ จ.ลพบุรี ซึ่งในห้วงเวลานี้จะมีการฝึก 3 ส่วน โดยส่วนที่ 1 จะมีการขนย้ายยุทโธปกรณ์จาก จ.ปราจีนบุรี เดินทางไปยัง จ.ลพบุรี เป็นรถยานเกาะล้อยาง (BTR) ซึ่งสามารถวิ่งไปเองได้ และส่วนที่ 2 จาก จ.ชลบุรีไป จ.ลพบุรี  จะเป็นยานเกาะล้อยาง (BTR) ที่สามารถวิ่งไปเองได้เช่นเดียวกัน และส่วนที่ 3 จาก จ.สระแก้ว ไป จ.ลพบุรี ยานเกาะสายพาน (APC) ซึ่งหากระยะทางเกิน 100 กิโลเมตร จะต้องใส่รถบรรทุกชานต่ำ เพื่อขนย้าย ไปร่วมการฝึก ทั้งนี้ เมื่อจบภารกิจช่วงปลายเดือน ก.พ. จะมีการเคลื่อนย้ายกลับที่ตั้ง ด้วยวิธีเดิมที่เคลื่อนย้ายมา ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"