'ผลจากเหตุ' ที่มัน 'อยู่ไม่สุข'


เพิ่มเพื่อน    

    "เมื่อผมไม่เป็นสุข ใครก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่เป็นสุข"!
    นำประโยคนี้มาย้อนคิด.........
    ผนวกกับเหตุการณ์ ๘ กุมภา ๖๒ ที่ "ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช" หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ
    นำ "บุคคลชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์"
    มาเสนอเป็น "นายกฯ ของพรรค" ต่อ กกต.ในการเลือกตั้ง ส.ส. ๒๔ มีนา ทำให้อดสงสัยไม่ได้ ว่า 
    "เป็นไปได้หรือ?"
    ที่พรรคไทยรักษาชาติ จะไม่ทราบว่า การนำบุคคลในสถาบันพระมหากษัติย์ มาเกี่ยวข้องทางการเมือง
    "ขัดต่อกฎหมาย" มีผลถึงขั้น "ยุบพรรค"?
    อีกอย่างหนึ่ง การทำเช่นนั้น พรรคไทยรักษาชาติ จะไม่ตระหนักเชียวหรือว่า
    ขัดต่อโบราณราชประเพณี ต่อขนบธรรมเนียม ต่อวัฒนธรรมของชาติ เป็นการกระทำมิบังควร ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง!
    ผมพิเคราะห์แล้ว......
    เป็นไปไม่ได้ ที่พรรคไทยรักษาชาติ จะไม่ทราบทั้ง ๒ กรณีนั้น คือ ทั้งด้านกฎหมาย และด้านสำนึกในความเป็นคนไทย
    ในด้านกฎหมาย..........
    "ไทยรักษาชาติ" เป็นพรรคส่วนต่อขยายจากพรรค "เพื่อไทย" อย่างที่เรียกกันว่า "พรรคตระกูลเพื่อ"
    ใน "ตระกูลเพื่อ" ได้ชื่อว่า ศูนย์รวม "มือกฎหมาย"
    มีตั้งแต่ระดับอดีตรัฐมนตรียุติธรรม อดีตอธิบดีศาล อดีตตุลาการ อดีตอัยการสูงสุด อดีตอธิการบดีมหา'ลัย และทนาย     
    รับใช้ "ระบอบทักษิณ" อยู่ที่นั่น ยุ่บยั่บ ฉะนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ ที่จะไม่ทราบ ถึง......
    ระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๖๑ หมวด ๔ 
    "ลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง" ในข้อ ๑๗ ที่ว่า
    "ห้ามผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใดนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับ การหาเสียงเลือกตั้ง"  
    และยิ่งเป็นไปไม่ได้........
    ที่จะไม่ทราบถึงผลแห่งการกระทำ นั้น ตามกฎหมายลูก ว่าด้วย "พรรคการเมือง" พ.ศ.๒๕๖๐  มาตรา ๙๒ (๑)(๒) ที่ว่า
    เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น
    (๑) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
    (๒) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    เมื่อศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการไต่สวนแล้ว มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองกระทำการตามวรรคหนึ่ง 
    ให้ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น
    ในด้านสำนึกความเป็นคนไทย.........
    ร.ท.ปรีชาพล "หัวหน้าพรรค" ยศนำหน้าชื่อก็บอกชัด เคยรับราชการเป็นทหาร
    ฉะนั้น ด้านสำนึกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ย่อมต้องสูงกว่าชาวบ้านทั่วไป
    ยิ่งกว่านั้น ร.ท.ปรีชาพล เป็นบุคคลในครอบครัว "ข้า-ราชะ-การ" โดยตรง
    คือบิดา "นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช" รับราชการมาตั้งแต่ระดับปลัดอำเภอ จนถึงระดับปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นรัฐมนตรีถึง ๒ กระทรวง ยุคทักษิณและยิ่งลักษณ์
    ผลงานโดดเด่น ร่วมขบวนการ "นปช." เมื่อปี ๕๓ และเรื่อยมา
    อีกทั้งมารดา "นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช" ก็เคยรับราชการ คลุกคลีอยู่ในระบบราชการ มีตำแหน่งเป็น "ยอดหญิง" และ "แม่ดีเด่น"
    ด้วยคุณสมบัติ ด้วยข้าวแดง-แกงร้อนรดหัว ในความเป็น "ข้า-ราชะ-การ" เลี้ยง จนมีชีวิตวันนี้  
    จึงยากที่จะพูดว่า........
    ร.ท.ปรีชาพล จะไร้ซึ่งจิตสำนึก จนแยกแยะไม่ออกว่า
    อะไรควร-ไม่ควร, ใช่-ไม่ใช่, ผิดหรือถูก ต่อการนำบุคคลชั้นสูงใน "พระบรมราชวงศ์" เสนอ กกต.เป็นนายกฯ พรรค ด้วยหวังใช้เป็นประโยชน์ทางการเมือง
    อย่างน้อยที่สุด........
    ร.ท.ปรีชาพล เคยเป็น ส.ส.มาแล้ว ต้องรู้ ใครก็ตาม เมื่อเข้าสู่การเมือง ไม่ว่าตำแหน่งไหน
    ที่จะไม่ถูกด่าว่า ไม่ถูกใส่ร้าย ไม่ถูกหยามประณาม ไม่ถูกลบหลู่ ลามถึงขั้นวงศ์ตระกูล
    ไม่มีเลย!
    ในเมื่อ รู้-ทั้งรู้ แล้ว ร.ท.ปรีชาพล และคณะบริหารพรรคไทยรักษาชาติ ทำอย่างที่ทำไป ด้วยเจตนาใด
    หรือมีใคร "บงการ" ให้ทำ?
    และดูจากแถลงการณ์พรรคไทยรักษาชาติ ที่ออกเมื่อ ๙ ก.พ.๖๒ 
    ไม่มีข้อความใด บ่งบอกถึง "ความสำนึกผิด" ต่อสิ่งที่ทำและมีเจตนาขอพระราชทานอภัยโทษ
    มีเพียงข้อความ ว่า.....
    "พรรคไทยรักษาชาติ ขอน้อมรับพระราชโองการข้างต้นไว้ด้วยความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ทุกพระองค์"
    ก็แปลก แถลงการณ์ "ขอน้อมรับพระราชโองการ"..........
    แต่ในย่อหน้าของบรรทัดต่อมา 
    ทำประหนึ่งแถลงการณ์ซ้อนแถลงการณ์ ด้วยข้อความว่า
    "พรรคไทยรักษาชาติซาบซึ้งในพระเมตตาของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล ที่ได้ให้ความเมตตาต่อพรรคฯ พรรคไทยรักษาชาติ......."
    มันเป็นเรื่องอันผู้มีการศึกษาและกตัญญูชนพึงรู้กาลอันควรแต่ละกรณีมิใช่หรือ?
    จากที่ลำดับความมา พรรคไทยรักษาชาติ "ผิด-ถูก" เป็นเรื่อง กกต.จะพิจารณา มีกฎหมายเป็น "กรอบ-กฎ" ชัดเจนแล้ว
    สิ่งเหล่านี้    ทำให้ต้อง "ย้อนคิด" อย่างว่า นั่นแหละ
    "เมื่อผมไม่เป็นสุข ใครก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่เป็นสุข"!
    ทุกคนรู้ อะไรผิด-อะไรถูก แต่ก็ทำกัน
    แล้วใครล่ะ อยู่เบื้องหลัง?
    ผมรู้แต่ว่า นายทักษิณ ชินวัตร ทวีตข้อความวันต่อมา
    "Chin up and keep moving forward! We learn from past experiences but live for today and  the future. Cheer up! Life must go on!"
    มันเชื่อมโยงถึงบทบาทไทยรักษาชาติครั้งนี้ได้ลงตัว
    เราเรียนประวัติศาสตร์กันทั้งนั้น 
    ทราบใช่มั้ย ก่อนพวกฝรั่งจะยึด "ลาว-เขมร-พม่า-ญวน" เป็นเมืองขึ้นได้ เขาทำกับอะไรก่อน?
    ล้ม "สถาบันกษัตริย์" ก่อน!
    เมื่อล้มสถาบันกษัตริย์ได้ เท่ากับล้มและยึดประเทศได้
    เหลือแต่ไทยเราเท่านั้น ฝรั่งหรือใครก็ล้ม "สถาบันพระมหากษัตริย์" เราไม่ได้
    ในภูมิภาคนี้ จึงมี "ไทย" ประเทศเดียว ที่ดำรงเอกราช!
    เพราะเช่นนี้แหละ 
    ระบบราชการ มันก็เจาะ พุทธศาสนา มันก็เจาะ สถาบันศาล มันก็เจาะ ระบบรัฐสภา มันก็เจาะ
    หวังล้มให้กับมัน แต่ประเทศไทย ก็ไม่ล้ม
    เพราะอะไร? 
    เพราะ "รากแก้ว" ที่เป็น "แกนหลัก" ในความเป็นชาติ-เป็นประเทศไทย อยู่ที่
    "สถาบันพระมหากษัตริย์"!
    โดยนัยนี้ เมื่อมันเจาะทุกทางก็แล้ว ชักน้ำเข้าลึก-ชักศึกเข้าบ้านก็แล้ว ก็ยังเปลี่ยนระบอบ-ล้มสถาบันไม่ได้
    มันอยู่ไม่เป็นสุข  
    มันจึงทำ เพื่อให้สถาบันไม่เป็นสุขด้วย!
    ครั้งนี้ ถ้าสำเร็จ ได้ทั้ง "ล้มสถาบัน"
    ได้ทั้ง "กลับบ้าน" ครองอำนาจ เป็นสุข
    แต่ถ้าไม่สำเร็จ อย่างที่เป็นตอนนี้ พวกสมุน-ลูกน้อง-ขี้ข้ารับใช้ ก็ตายไป เข้าคุกไป ยุบพรรคไป 
    พวกโคตรเหง้ากู มุดช่องทางธรรมชาติ ไปใช้เงินโกงอยู่เมืองนอกสบาย!
    ฉะนั้น มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม.........
    แค่ ร.ท.ปรีชาพล ชูกระดาษที่มีพระรูป "ทูลกระหม่อมหญิงฯ" ให้นักข่าว-ช่างภาพดู เมื่อเช้า ๘ ก.พ.
    มันได้ทำลาย "สถาบันพระมหากษัตริย์" สมใจปรารถนามันแล้ว!
    เพราะพลัน-ข่าว/ภาพ พรึ่บทั่วโลก
    สังคมโลก เกิดทัศนคติหักเหต่อสถาบันทันที ด้วย "เข้าใจผิด" ต่อข่าวสารที่ "ฝรั่งสื่อออกไปผิดๆ"
    CNN ระบุในข่าว เหมือนที่ "พรรคตระกูลเพื่อ" เจตนาสื่อให้คนไทยเข้าใจ
    "สถาบันส่งลงไป" เนื้อหาหลักเป็นเช่นนี้ 
    ซึ่งไม่เป็นความจริง และต่อมาวันเดียวกัน ก็มี "พระราชโองการ" ดังประจักษ์แล้ว ความสำคัญว่า
    "การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมืองไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของชาติ ถือเป็นการกระทำที่มิบังควรไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง"
    แต่ก็นั่นแหละ.....
    การได้กัดเซาะ เจาะช่อง ให้เป็นร่องน้ำซึม มันคนนั้น ได้ทำกับสถาบัน "สะใจมัน" แล้ว 
    "ความจริง" ที่มาทีหลัง พลังแรงย่อมสู้ "ความเท็จ" เหมือนน้ำหลากที่มาก่อนไม่ได้
    ผิดต่อสถาบันครั้งนี้ เท่า "อนันตริยกรรม"
    สถาบันกษัตริย์ คือ "ความมั่นคง" ประเทศ ถ้าไม่เด็ดขาด เท่ากับประเทศ "เริ่มไม่มั่นคง"
    ใน "ภาคธุรกิจ" เขาเริ่มถามกันแล้ว ต่อจากนี้ มั่นใจต่อการ "ลงทุน" ได้แค่ไหน?
    บอกให้แก้ ไม่ใช่บอกให้กลัว!     


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"