ออสเตรเลียส่งสัญญาณพร้อมขยายอิทธิพลในภูมิภาคแปซิฟิก ด้วยการจรดปากกาลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับฝรั่งเศสมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.1 ล้านล้านบาท) เพื่อสร้างเรือดำน้ำล้ำสมัย 12 ลำ

นายกฯ สกอต มอร์ริสัน (กลาง) จับมือกับคริสโตเฟอร์ ไพน์ รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย (ซ้าย) และฟลอรองซ์ แปร์ลี รัฐมนตรีกลาโหมของฝรั่งเศส (ขวา) หลังพิธีลงนาม เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562 / AUSTRALIA DEPARTMENT OF DEFENCE / AFP

    นายกฯ สกอต มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย กล่าวถึงข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ทั้งสองฝ่ายลงนามกันอย่างเป็นทางการที่กรุงแคนเบอร์รา เมื่อวันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ ว่า เป็นแผนการที่กล้าหาญมาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนด้านกลาโหมในช่วงเวลาสันติครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของออสเตรเลีย

    สัญญาหลักของความตกลงหุ้นส่วนนี้คือการให้ นาวาลกรุ๊ป บริษัทต่อเรือของฝรั่งเศส สร้างเรือดำน้ำโจมตี 12 ลำ ซึ่งมีมูลค่าราว 50,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1,112,000 ล้านบาท) ถือเป็นโครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มูลค่ามหาศาลที่สุดของออสเตรเลีย และจะเป็นข้อตกลงขายให้ต่างชาติมูลค่ามากที่สุดของนาวาลกรุ๊ปเช่นกัน

    คาดว่าเรือดำน้ำลำแรกจะสร้างเสร็จช่วงต้นทศวรรษ 2030 และน่าจะเริ่มทดสอบในทะเลได้ช่วงไตรมาสแรกของปี 2574 และทดสอบเชิงยุทธการภายในปลายปี 2575

    กรอบเวลาดังกล่าวถูกวิจารณ์ว่าช้าเกินไป ปัจจุบันน่านน้ำทางเหนือและตะวันออกของออสเตรเลียกำลังเป็นสังเวียนของการขับเคี่ยวช่วงชิงอิทธิพลกันระหว่างสหรัฐ, จีน และมหาอำนาจในภูมิภาคนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ทางทหารในออสเตรเลียหวังว่า เรือดำน้ำเหล่านี้จะช่วยให้ออสเตรเลียสามารถธำรงการป้องปรามที่น่าเชื่อถือไว้ได้ต่อไป

    ฟลอรองซ์ แปร์ลี รัฐมนตรีกลาโหมของฝรั่งเศส ซึ่งลงนามความตกลงที่เจรจาและร่างเป็นภาษาอังกฤษฉบับนี้ด้วย กล่าวว่า ความตกลงฉบับนี้แสดงถึงความเป็นหุ้นส่วนระยะยาวระหว่างออสเตรเลียและฝรั่งเศส เธอยังปกป้องการเจรจาที่ใช้เวลายาวนานด้วยว่า สิ่งที่อยู่เบื้องหลังคือมิตรภาพและความยึดโยงร่วมกันต่อระบบพหุภาคีและความเป็นระเบียบที่อิงกฎกติกา

    ตามความตกลงนี้ การสร้างเรือดำน้ำพลังงานตามแบบ 12 ลำที่ดัดแปลงจากเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ บาร์ราคูดา ของนาวาลกรุ๊ป จะทำที่อู่ต่อเรือแห่งใหม่ในภาคใต้ของออสเตรเลีย

    ด้านแอร์เว กิลลู ประธานนาวาลกรุ๊ป กล่าวว่า ออสเตรเลียเลือกเรือดำน้ำของฝรั่งเศสเพราะมีความทนทาน, ปฏิบัติการได้ในระยะไกล และความเหนือกว่าด้านเสียง.