ฮาคีมกลับถึงออสเตรเลีย แอมเนสตี้ฯชมรัฐบาลไทย


เพิ่มเพื่อน    


    "ฮาคีม" เดินทางถึงออสเตรเลียแล้ว ผอ.แอมเนสตี้ฯ ชมรัฐบาลไทยทำในสิ่งที่ถูกต้อง นายกฯ วอนหยุดวิจารณ์ ทุกอย่างจบด้วยดี ด้วยความสัมพันธ์พิเศษระหว่างไทย-บาห์เรน ขอกราบสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยท่านทรงห่วงใยในเรื่องนี้ "ดอน" เผย “บาห์เรน” ไม่อยากให้ไทยเสียหาย เป็นเครื่องมือการเมือง รู้ว่าปีนี้เป็นปีสำคัญ 
    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 กุมภาพันธ์ นายฮาคีม อัล อาไรบี อดีตนักฟุตบอลชาวบาห์เรน เดินทางถึงสนามบินในประเทศออสเตรเลียแล้ว โดยมีผู้สนับสนุนเขารอต้อนรับและให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก หลังอัยการของไทยถอนฟ้องเขาในคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน เมื่อเช้าวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา 
    โดยอัยการได้รับการประสานงานจากกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งให้ทราบว่าทางการประเทศบาห์เรนแสดงความประสงค์ไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนกรณีนี้อีกต่อไป ต่อมาศาลพิจารณาคำร้องของอัยการเเล้วอนุญาตให้ถอนคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามเเดนฮาคีมได้ หลังจากนั้นศาลอาญาออกหมายปล่อยไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อให้ดำเนินการปล่อยตัวฮาคีม โดยประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ส่งตัวฮาคีมเดินทางไปประเทศออสเตรเลียทันที
    ด้านมินาร์ พิมเพิล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการระดับโลกของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยหลังมีรายงานข่าวว่าจะไม่มีการส่งตัวนายฮาคีมให้กับบาห์เรนตามกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนว่า คำขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนของบาห์เรนเป็นคำขอที่ปราศจากมูลความจริง และมีความประสงค์ร้ายที่จะต้องการลงโทษฮาคีม จากการที่เขาแสดงความเห็นทางการเมืองอย่างสงบ
    “ฮาคีมถูกควบคุมตัวกว่าสองเดือนในประเทศไทย ทั้งๆ ที่เขาไม่ควรถูกควบคุมตัวเลยแม้แต่วินาทีเดียว เป็นเรื่องถูกต้องที่สุดแล้วที่เขาควรสามารถเดินทางกลับไปออสเตรเลีย กลับไปหาครอบครัว สโมสรฟุตบอลของเขา และประเทศที่ให้ที่พักพิงกับเขา" 
     ผอ.แอมเนสตี้ฯ กล่าวว่า คำสั่งของศาลเป็นผลมาจากการร่วมมือในการสนับสนุนผู้ลี้ภัยและเป็นชัยชนะของพลังประชาชน ผู้สนับสนุนของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กว่า 135,000 คนทั่วโลก ที่ต่างเรียกร้องให้ปล่อยตัวฮาคีม ในวันนี้ รัฐบาลไทยแสดงให้เห็นถึงความจริงใจที่จะเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ และทำในสิ่งที่ถูกต้องโดยการปล่อยฮาคีมกลับไปสู่สถานที่ที่ปลอดภัย แทนที่จะส่งตัวไปถูกทรมานที่ผ่านมา รัฐบาลไทยยังสัญญาที่จะคุ้มครองผู้ลี้ภัยให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นก้าวย่างที่จำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากที่ผ่านมาหลายครั้งในอดีต ประเทศไทยได้บังคับส่งกลับบุคคลไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงอันตรายอย่างร้ายแรงต่อชีวิตและสวัสดิภาพของพวกเขา 
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม.กรณีการปล่อยตัวนายฮาคีมว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอให้หยุดคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมด  เพราะการแก้ปัญหาครั้งนี้แก้ด้วยหลายหน่วยงาน ตนไม่อาจไปก้าวล่วงอำนาจของอัยการและศาลได้ ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ ก็ทำหน้าที่ประสานงานกับทั้งสองประเทศปลายทาง ทุกอย่างแก้ปัญหาได้ด้วยดี
    “ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลต้องขอกราบสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยท่านทรงห่วงใยในเรื่องนี้ ได้ให้ทุกหน่วยงานทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ภายใต้กฎหมายไทย”
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของบาห์เรนนั้นเราถือว่ามีความสัมพันธ์พิเศษ และมีความสัมพันธ์ในทุกระดับ ทั้งระดับราชวงศ์ ระดับราชการ ทั้งรัฐบาล  และในส่วนของประชาชนก็มีความใกล้ชิดสนิทสนมกัน ทำให้การแก้ปัญหานี้เป็นไปได้ด้วยดี ขอขอบคุณทางบาห์เรนด้วย ที่เห็นถึงความสัมพันธ์พิเศษกับไทย และไม่ต้องการให้ไทยซึ่งไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย ต้องมาเจอกับการกดดันเหล่านี้ และจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นการแก้ปัญหาระหว่างบาห์เรนกับออสเตรเลียต่อไป ก็เป็นสิทธิ์ของทั้งสองประเทศที่จะดำเนินการอย่างไร รัฐบาลไทยไม่ได้อะไรจากตรงนี้ ยืนยันรัฐบาลแก้ปัญหาด้วยความรอบคอบ ไม่ได้นิ่งนอนใจในทุกๆเรื่อง
    ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ กล่าวภายหลังเดินทางไปประเทศบาห์เรน เพื่อเข้าเฝ้าเจ้าชายซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่ง บาห์เรน เพื่อหารือกรณีนายฮาคีม อัล อาไรบี ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี  เรื่องนี้ต้องใช้การทูตในการแก้ปัญหา โดยรัฐบาลบาห์เรนเขามองในแง่ความสัมพันธ์พิเศษกับเรา เขาเห็นว่าประเทศไทยไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย เขาเข้าใจดี ไม่อยากเห็นประเทศไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์ถูกกดดัน ถูกสารพัดอย่างโดยไม่ชอบธรรม รวมทั้งไม่อยากให้เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองเล่นงานรัฐบาลได้ พร้อมระบุว่าหากไทยอยากจะส่งให้ใครหรือส่งให้ออสเตรเลียสามารถส่งได้ แต่ประเทศบาห์เรนของสงวนสิทธิ์เรื่องคดีของนายฮาคีมกับออสเตรเลียต่อ นอกจากนี้ ระหว่างอยู่ประเทศบาห์เรน เจ้าชายเคาะลีฟะฮ์ บิน ซัลมาน อัล เคาะลีฟะฮ์ นายก รัฐมนตรีบาห์เรน ยังให้เกียรติมาเยี่ยมคณะเราที่โรงแรมด้วย
    “บาห์เรนรับรู้เรื่องที่ประเทศไทยถูกกดดัน และรู้ว่าปีนี้เป็นปีที่สำคัญของประเทศไทย เขาไม่อยากให้เรื่องยืดเยื้อ ไม่อยากให้ประเทศไทยลำบากใจ บาห์เรนเป็นเพื่อนที่ดี และยืนยันว่าที่เดินทางไปไม่ใช่เพราะไทยถูกกดดันจากหลายประเทศ แต่เพราะบาห์เรนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องหาทางออกเขาช่วยอย่างเต็มที่” นายดอนกล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าชายเคาะลีฟะฮ์ บิน ซัลมาน อัล เคาะลีฟะฮ์ ได้ฝากอะไรถึง พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ นายดอนกล่าวว่า นายกฯ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ใช่ท่านนายกฯ เป็นเพื่อนดี เขาคงไม่อะไรก็ได้
    ขณะที่เพจไทยคู่ฟ้า ของรัฐบาลไทย ชี้แจงกรณีการควบคุมตัวอดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน ที่ถูกพันธนาการบริเวณข้อเท้าโดยใช้โซ่ตรวน ขณะเดินทางไปขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน จนทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการกระทำที่ไม่สอดคล้องกับหลักสากล และมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์เรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แท้ที่จริงสิ่งที่ผู้ต้องขังสวมใส่นั้นเป็น “กุญแจเท้า” ไม่ใช่ตรวน และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และกระทำได้ก็ต่อเมื่อจำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้กระทำผิดหลบหนี แต่ก็ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วย เป็นไปตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 และยืนยันว่าการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังของเจ้าหน้าที่เป็นการทำตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และสอดคล้องกับหลักสากลที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนอีกด้วย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"