คณะบัญชีฯมธ.แจงผลสอบ"ตึกตู้ปลา"ไม่มีทุจริต ใช้เวลา2ปี ทำตามขั้นตอนถูกต้อง              


เพิ่มเพื่อน    

 

 

คณะพาณิชฯ มธ. แจงปรับปรุงตึกตู้ปลา  ทำถูกต้องทุกขั้นตอน ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง11ก.พ. ได้คำตอบเร็วทันใจ ไม่มีใครรับเงินรับทองจากเอกชน  คณบดีย้ำหวังใช้พื้นที่เพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้อย่างเต็มที่  และรับฟังความเห็นทุกฝ่าย ใช้เวลากว่า 2 ปี   เตรียมนัดประชาคมทำความเข้าใจอีกรอบ 25ก.พ. ด้าน“ผช.อธิการบดีฝ่ายกฎหมาย ” ชี้มหาวิทยาลัยสามารถใช้พื้นที่ได้ ไม่ต้องขออนุญาตกรมธนารักษ์ 

 

ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ - คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีตึกตู้ปลา ตามที่มีกลุ่มคณาจารย์ มธ. จำนวน48 คนได้ออกมาแถลงข่าวคัดค้านการปรับปรุงตึกตู้ปลาของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มธ. ท่าพระจันทร์ เนื่องจากการรื้อถอนพื้นที่ส่วนสำนักงานในชั้น 1 ของ ‘ตึกตู้ปลา’ ของมหาวิทยาลัย โดยผู้บริหารให้ธนาคารไทยพาณิชย์และร้านกาแฟชื่อดังเข้ามาใช้พื้นที่ โดยไม่ได้ชี้แจงถึงรายละเอียด 

 

โดยมีนายพิภพ อุดร คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มธ.กล่าวว่า การปรับปรุงตึกตู้ปลาที่ท่าพระจันทร์เป็นไปตามนโยบายของคณะ ในการสร้าง TBS Startup Ecosystems โดยจะเป็นการปรับปรุงพื้นที่ส่วนล่างของตึกให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ เพราะขณะนี้ นักศึกษาต้องไปอาศัยการทำงานในสถานที่ต่างๆ เช่นร้านกาแฟนอกมหาวิทยาลัย หรือต้องทำตามระเบียง ริมทางเดิน ต้องประสบกับปัญหาไม่มีพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทำงานร่วมกัน ทั้งที่การเรียนรูปแบบใหม่ต้องให้นักศึกษาเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ และตามแนวทางการสร้างผู้ประกอบการ ดังนั้น การที่คณะได้ปรับปรุงพื้นที่ชั้นล่างตึกตู้ปลาในครั้งนี้จะเป็นการคืนพื้นที่ให้นักศึกษา ด้วยการสร้าง iLab และ iSpac เป็นพื้นที่ต่อเนื่องกันประมาณ 1,120 ตารางเมตร (ตร.ม.) ให้นักศึกษาได้ใช้พื้นที่เพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้อย่างเต็มที่ สำหรับการอนุมัติงบประมาณ และโครงการดังกล่าวนั้น ที่ผ่านมาได้มีการทำประชาพิจารณา เป็นเวลา 2ปี เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาคมชาวธรรมศาสตร์ตลอดเวลา เพื่อทำความเข้าใจถึงการดำเนินการและชี้แจงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้เข้ากับการเปลี่ยนการสอนสมัยใหม่ และเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อประโยชน์ของนักศึกษา อีกทั้งได้ชี้แจงถึงกระบวนการในแต่ละขั้นตอน แต่ยอมรับว่าการรับฟังแต่ละครั้งมีข้อคิดเห็นที่หลากหลาย  

 

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สำหรับการปรับปรุงพื้นที่ข้างล่างตึกตู้ปลานั้น จะปรับพื้นที่กว่า 800 ตร.ม. เป็นที่นั่ง 300 ที่นั่ง มีห้องประชุม 5 ห้องใหญ่ รองรับคนได้ 12 คน และห้องประชุมย่อย 9ห้องรองรับได้ 6คน มีพื้นที่กิจกรรมให้นักศึกษาได้ทำงานกลุ่ม งานเดี่ยวโดยที่ยุงไม่กัด ไฟไม่ปิดอย่างที่ผ่านมา หรือจะซ้อมพรีเซนท์ด้วยอุปกรณ์ที่ครบครัน และพื้นที่ติวหนังสือ อ่านหนังสือ ไม่ต้องระเห็จไปไกล โดยการใช้งานในพื้นที่ดังกล่าวจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และเปิดให้บริการถึงเที่ยงคืน หรือ 24 ชั่วโมง ภายใต้ระบบความปลอดภัยสแกนคนเข้าออก และมีกล้องวงจรปิดทุกตารางนิ้ว เพื่อความปลอดภัยของนักศึกษา ฉะนั้น พื้นที่ที่ปรับปรุงเป็นพื้นที่สำหรับการเรียนรู้ ทำกิจกรรมของนักศึกษา พื้นที่ทำธุรกิจมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

“เรายืนยันว่าไม่มีการรับเงินรับทอง ไม่มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกการปรับปรุงเปลี่ยนพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของนักศึกษาเป็นหลัก เมื่อมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ ก็มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาทันที โดยตั้งเมื่อประมาณวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิคณะนิติศาสตร์เป็นกรรมการตรวจสอบ ซึ่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะออกมาในรูปแบบใด ก็คงไม่กระทบต่อโครงการดังกล่าว เพราะทุกอย่างมีการดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง ตั้งแต่การขออนุมัติการปรับปรุงจากคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องทุกชุด ทั้งในระดับคณะ และมหาวิทยาลัย เมื่อได้รับอนุมัติก็มีการประชุมกับประชาคมมากกว่า 8 ครั้ง รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย หากมีการทุจริตคนที่ทำผิดก็ต้องรับโทษ  ซึ่งทางคณะจะนัดประชาคมทำความเข้าใจอีกครั้งวันที่ 25ก.พ.นี้ ” คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มธ.กล่าว

 

นายพิภพ กล่าวอีกว่า พันธมิตรของคณะในโครงการนี้ คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB และToo fast to sleep โดยทั้งสององค์กรเข้ามาช่วยปรับปรุงพื้นที่ให้กว่า 1,000 ตร.ม. โดยคณะให้ SCB เช่าพื้นที่ประมาณ 30 ตร.ม. เพื่อให้บริการนักศึกษาและบุคลากร และอีก 20 ตร.ม. สำหรับ Too fast to sleep เพื่อให้บริการธุรกิจธรรมศาสตร์ ซึ่งมหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็มีการดำเนินการในเรื่องเช่นนี้ เป็นความร่วมมือเพื่อประโยชน์ของนักศึกษาและมหาวิทยาลัย สำหรับกรณีที่มีการกล่าวอ้างเรื่องการนำที่ราชพัสดุมายกให้เอกชนนั้น ก็ไม่มีมูลทั้งสิ้น เรื่องนี้เป็นการปรับปรุงจัดการพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา ซึ่งมหาวิทยาลัยมีอำนาจดำเนินการตามมาตรา 14 (10) ของพ.ร.บ. ซึ่งมีข้อบังคับกำหนดวิธีดำเนินการชัดเจน และมีคณะกรรมการที่ราชพัสดุรับผิดชอบเป็นการเฉพาะ เรื่องนี้ไม่มีประเด็นผิดกฎหมายใดๆ โดยเด็ดขาด โครงการนี้ที่ทำให้เกิดกระแส เนื่องจากเป็นการมองคนละมุม ซึ่งอาจารย์ที่ออกมาร้องเรียนมองเรื่องตึก เรื่องทรัพย์สินเป็นสำคัญ แต่ผู้บริหารเน้นการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษใหม่มากกว่า ซึ่งก็ทำให้เกิดความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่ทีมบริหารก็จะเดินหน้าทำเพื่อประโยชน์ของนักศึกษาต่อไป

 

ด้าน นายอานนท์ มาเม้า ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกฎหมาย มธ. กล่าวว่า ที่ดินใน มธ.ท่าพระจันทร์ ถือเป็นที่ราชพัสดุอยู่ในการดูแลของกรมธนารักษ์ แต่ก็มีข้อยกเว้นว่ากฎหมายอาจกำหนดให้หน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐอื่นๆสามารถจัดการดูแลได้ ซึ่งในพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ.2558 มาตรา 14 (10) ระบุว่าให้มหาวิทยาลัยมีอำนาจปกครอง ดูแล บำรุงรักษา จัดการ ใช้และจัดหาประโยชน์จากทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยและที่ราชพัสดุตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ เพราะฉะนั้น มธ.จึงสามารถใช้สอยพื้นที่ราชพัสุดได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตกรมธนารักษ์ก่อนเป็นคราวๆไป ภายในกรอบการบริการต่อการศึกษาหรือเรื่องเกี่ยวเนื่อง เช่น เพื่อประโยชน์ต่อนักศึกษา บุคลากร เป็นต้น ทั้งนี้ กรณีของคณะพาณิชย์ฯที่ตกลงกับภาคเอกชนมาใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของคณะนั้นก็เป็นอำนาจของมหาวิทยาลัย ผ่านการกลั่นกรองให้ความเห็นชอบโดยคณะกรรมการจัดหารายได้และผลประโยชน์ในพื้นที่ราชพัสดุของ มธ.แล้วตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2561

 

"ในฐานะส่วนกลางรับผิดชอบกฎหมายและข้อร้องเรียนต่างๆ ปัจจุบันการปรับปรุงตึกของคณะพาณิชย์ก็ได้รับข้อร้องเรียนทั้งจากผู้บริหารและคณาจารย์คณะพาณิชย์ ปัจจุบันมหาวิทยาลัยได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์ความจริง และรักษาธรรมาภิบาลของมหาวิทยาลัย โดยกรรมการเป็นผู้คุณวุฒิและเป็นผู้ที่ไม่มีส่วนได้เสียแต่อย่างใด"ผช.อธิการบดีฝ่ายกฎหมาย มธ.” กล่าว

 

นายอานนท์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ในส่วนของพันธมิตร มธ.ในโครงการดังกล่าว อย่าง ธนาคารไทยพาณิชย์ได้นำหนังสือชี้แจงว่า ธนาคารและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ทำความตกลงร่วมกันทางวิชาการเพื่อการเรียนรู้ ซึ่งมีส่วนหนึ่งของโครงการเป็นการเปิดศูนย์ Business Center เพื่อให้ความรู้แก่ SME ในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ร่วมกับทางคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี เพื่อพัฒนาศักยภาพของ SME ไทยร่วมกัน และเป็นกิจกรรมเพื่อสังคม โดยไม่ได้มุ่งค้ากำไร โดยทางธนาคารไทยพาณิชย์ได้ปฏิบัติตามระเบียบของทางมหาวิทยาลัยอย่างเคร่งครัด และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรื้ออาคารดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากได้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นตามที่ปรากฏเป็นข่าว และทำให้เกิดความสับสนและเข้าใจเจตนารมณ์ของธนาคารคลาดเคลื่อนไป ธนาคารจึงได้ยื่นจดหมายขอชะลอโครงการนี้ไปก่อน จนกว่าทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ข้อยุติในเรื่องการปรับปรุงพื้นที่ และจะขอพิจารณาในเรื่องความร่วมมือดังกล่าวใหม่อีกครั้งหนึ่งเมื่อมีข้อสรุปจากทางมหาวิทยาลัยแล้ว

 

ด้านนายวิทยา ด่านธำรงกูล รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มธ. กล่าวว่า การจะดำเนินการใดๆ ของฝ่ายบริหาร นั้น จะไม่ให้ประชาคมรับรู้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งกว่าจะได้ข้อสรุป มีการปรับแก้ตลอดเวลา เพราะถ้าประชาคมไม่เห็นด้วยก็ต้องปรับแก้ แต่การประชุมอาจารย์แต่ละครั้งจะหาข้อสรุปไม่ได้และมีการนำแบบเข้าสู่ประชุมคณะกรรมการบริหารของคณะและคณะกรรมการประจำคณะที่เป็นคณะกรรมการใหญ่ของคณะเพื่อขออนุมัติ ก่อนส่งเรื่องให้มหาวิทยาลัย ซึ่งมหาวิทยาลัยก็ได้ตั้งคณะกรรมการกำกับปรับปรุงพื้นที่เข้ามาดูแล ดังนั้น ทุกกระบวนการยืนยันในเรื่องของความโปร่งใสและถูกต้อง

ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่าประชาคมไม่รับทราบนั้น คงเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งการดำเนินการสร้างได้คำนึงไม่ให้กระทบต่อการเรียนการสอนของนักศึกษา ทั้งเรื่องของเสียง ฝุ่น การเข้าออกของรถที่ต้องขนวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ส่วนกรณีที่ไม่ได้เปิดให้มีการประมูลนั้น ต้องขอชี้แจงว่า พื้นที่ของคณะไม่ใช่พื้นที่พาณิชย์ แต่ก่อนจะตัดสินใจเลือกพันธมิตรได้มีการพูดคุยหารือกับหลายๆ แห่ง เพื่อให้ได้พันธมิตรที่เข้าใจตรงกันว่าพื้นที่ดังกล่าว ไม่ใช่พื้นที่การค้า แต่เป็นพื้นที่การเรียนรู้ ต้องเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม พร้อมถ่ายทอดให้นักศึกษา ซึ่งพันธมิตรทั้ง 2 แห่งก็มีเจตนาที่ดี ทำประโยชน์เพื่อนักศึกษา


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"