ประยุทธ์พร้อมดีเบต พปชร.เผยรอกกต.ไฟเขียว/'เต้นทษช.'แก้ต่างแทน'ปูพท.'


เพิ่มเพื่อน    

    แกนนำ พปชร.รอ กกต.แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร "บิ๊กตู่" ร่วมดีเบตได้หรือไม่ เชื่อ ปชช.ให้การต้อนรับจนคนท้าคิดผิด เพราะเป็นคนพูดจริงทำจริงไม่ใช่ดีแต่พูด หยันต้องพูดสร้างสรรค์ไม่ใช่ตอบโต้หรือขี้โม้รายวัน "ช่อ" เชื่อ ปชช.อยากฟังคำอธิบาย 250 ส.ว.ที่ไปนั่งรอเลือกนายกฯ "อ๋อย" ซัดนายกฯ พูดออกทีวีฝ่ายเดียว หากไม่ดีเบตถือว่าเอาเปรียบ "ณัฐวุฒิ" อ้าง "ปู" ไม่ร่วมดีเบตมีเวลาหาเสียงแค่ 49 วันต้องเน้นสัมผัส ปชช. "มาร์ค" ชี้ใช้รูปนายกฯ หาเสียงได้ก็ต้องดีเบตได้ "องอาจ" เตือน 250 ส.ว.ต้องฟังประชาชน หากฟังประยุทธ์วงจรอุบาทว์หมุนกลับมาอีก
    เมื่อวันอาทิตย์ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่หลายพรรคการเมืองออกมาเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรค พปชร. ขึ้นเวทีดีเบตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อประชันวิสัยทัศน์และนโยบายว่า  ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบถามความชัดเจนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รวมถึงได้ศึกษาข้อกฎหมายอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดข้อร้องเรียนในภายหลังหากจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์มาประชันนโยบาย และเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้มีโอกาสในการขึ้นเวทีเพื่อประชันนโยบายอย่างแน่นอน แต่ต้องรอให้ กกต.ดูข้อกฎหมายและบอกทางพรรคก่อนว่าจะสามารถทำได้หรือไม่
    มีรายงานด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์พร้อมที่จะร่วมเวทีดีเบต แต่ต้องรอให้ กกต.พิจารณาข้อกฎหมายก่อน
     นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า กรณีที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์มาดีเบตด้วยนั้น หาก กกต.แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรมา พรรคก็พร้อมเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะให้การต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ จนคนที่ท้าให้ท่านออกมาดีเบตจะรู้สึกตัวว่าตัวเองคิดผิดมาตลอด เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนพูดจริง ทำจริง ไม่ใช่ดีแต่พูด การดีเบตจะต้องสร้างสรรค์ โชว์วิสัยทัศน์และนโยบาย ไม่ใช่การตอบโต้ไปมาในลักษณะไม่สร้างสรรค์ หรือขี้โม้รายวัน เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร
     นายธนาธรกล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ผลโพลหลายสำนักออกมาว่า ประชาชนส่วนใหญ่อยากให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ผลโพลว่าประชาชนสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐก็ดีขึ้นมาไล่ๆ กับพรรคเพื่อไทย สาเหตุที่ประชาชนสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์มีผลงานเป็นที่ชัดเจน ที่สำคัญประชาชนอยากให้ประเทศมีความสงบ ส่วนความนิยมพรรคพลังประชารัฐดีขึ้นมาก เพราะนโยบายของพรรคนั้นประชาชนจับต้องได้ และทำได้จริง แม้ว่าผลโพลจะออกมาดี แต่พรรคก็ยังกำชับให้ผู้สมัครลงพื้นที่หาเสียงให้หนักกว่าเดิม เพื่อให้เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด นำเสนอนโยบายให้ประชาชนพิจารณา 
    ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วาณิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึงกรณีที่ กกต.ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พปชร.สามารถร่วมวงดีเบตโดยไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย ว่า สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ตอนนี้มีความได้เปรียบกว่านักการเมืองคนอื่นทั้งหมด ทั้งในฐานะหัวหน้าคสช. ที่มี ม.44 อยู่ในมือ ฐานะนายกฯ ที่อยู่ในรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มช่วงก่อนการเลือกตั้ง การไปออกมาร่วมดีเบตกับนักการเมืองคนอื่นๆ อาจทำให้ประชาชนยังไม่เห็นความชัดเจน และยากต่อการตัดสินใจ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ เลย หากร่วมเวทีดีเบต นอกจากจะทำให้ประชาชนเข้าใจวิสัยทัศน์มากขึ้น และทำให้ประชาชนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เจ้าตัวมีโอกาสพูดเปรียบเทียบวิสัยทัศน์กับพรรคการเมืองอื่นโดยตรง
รอคำตอบกรณี 250 สว.
    “ตอนนี้แม้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนจะเป็นเรื่องที่ทุกคนอยากเห็นความหวังมากที่สุด แต่ส่วนตัวเชื่อว่าในกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ประชาชนต้องการคำอธิบาย กรณีความชัดเจนของ ส.ว. 250 คน ที่เข้าไปนั่งรอเลือกนายกฯ อยู่ในสภาแล้วมากที่สุด เพราะ ส.ว.ที่เข้ามาทั้งหมดนั้นมาจากอำนาจ คสช.ทั้งสิ้น และยิ่งเป็นโค้งสุดท้ายช่วงก่อนการเลือกตั้ง เชื่อว่าเสียงเรียกร้องเหล่านี้จะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง” น.ส.พรรณิการ์กล่าว
    นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทุกพรรคควรส่งคนที่เกี่ยวข้อง และมีความเชี่ยวชาญกับประเด็นดีเบตนั้นๆ ไปแสดงวิสัยทัศน์ แต่เรื่องสำคัญแคนดิเดตนายกฯ ควรมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเก่ง ความน่าเชื่อถือให้ประชาชนเกิดความไว้ใจประกอบการตัดสินใจ หากไม่มาร่วมเวทีดีเบต ก็ควรออกมาชี้แจงเรื่องต่างๆ ให้ประชาชนรับทราบ หากจะอ้างว่าไม่ใช่สมาชิกพรรคตนมองว่าแคนดิเดตนายกฯ ก็พูดได้ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะเลือกทั้ง ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายกฯ ส่วนการแสดงทัศนะของ พล.อ.ประยุทธ์ ในปัจจุบันมองว่าเป็นคนละบริบทกับการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้ง เพราะปัจจุบันรัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อำนาจต่างๆ ที่มีอยู่จึงไม่เหมือนรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย จะอ้างผลงานของรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติเทียบกับรัฐบาลในอนาคตไม่ได้ เพราะท่านมีทั้งกฎหมายพิเศษและสภาพิเศษ
    เมื่อถามว่า การที่นายกฯ ออกรายการทุกคืนวันศุกร์ ถือว่าเป็นการสร้างความได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า การจะได้เปรียบหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าประชาชนดูมากแค่ไหน การออกรายการทุกคืนวันศุกร์อาจจะไม่เป็นประโยชน์ต่อพล.อ.ประยุทธ์มากนัก ถ้าท่านไม่มาดีเบตอาจจะทำให้ท่านเสียเปรียบด้วยซ้ำ เพราะหากท่านเก่ง และมีความสามารถ ก็น่าจะมาแสดงให้คนเห็นรายการคืนวันศุกร์ ไม่รู้ว่ามีคนดูมากหรือน้อย เพราะตนไม่เคยดู เนื่องจากอาจจะออกบ่อยเกินไป หากออกมาพูดเฉพาะประเด็นคนอาจสนใจมากขึ้นก็ได้ การดีเบตก็ไม่ต้องกลัว ทุกคนไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นการแข่งขันเพื่อสร้างอนาคต ซึ่งหากนโยบายของใครดี ในอนาคตคนอื่นก็อาจนำมาปรับใช้ก็ได้ 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้พรรค พท.ได้รับผลกระทบจากการให้ผู้นำและสมาชิกท้องถิ่นมาช่วยหาเสียงหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้สอบถามผู้สมัครในพื้นที่ของพรรค คงต้องรอดูอีกทีว่าจะมีผลกระทบอย่างไร แต่ส่วนตัวมองว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐหากยังมีอำนาจอยู่ก็ไม่ควรมาเกี่ยวข้องกับการหาเสียง 
    นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวถึงกรณี กกต.เปิดให้พรรคการเมืองจับฉลากเลือกหัวข้อในการดีเบตที่ กกต.จัดขึ้น ว่าเวทีที่ กกต.จัดไม่เป็นประโยชน์และที่สนใจของประชาชน เพราะที่ผ่านการจัดดีเบตจะเป็นผู้ที่สนับสนุนและสนใจในหัวข้อนั้นๆ เข้าไปฟัง ขาดความน่าสนใจ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เข้าร่วมดีเบต ถือเป็นการเอาเปรียบคู่แข่ง เนื่องจากสามารถพูดคนเดียวในทีวี และทำให้ประชาชนไม่รู้ว่าเวลามีคู่แข่งจริงๆ พล.อ.ประยุทธ์จะสามารถพูดได้หรือไม่  
อ้างปูมีเวลาหาเสียง 49 วัน
     นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า หลายคนเรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเวทีดีเบต แล้วมีกองเชียร์ถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่เห็นมาดีเบตเลย นักการเมืองจะขึ้นเวทีดีเบตหรือไม่ ถือเป็นสิทธิ์ พล.อ.ประยุทธ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมถึงคนอื่นๆ ย่อมเท่าเทียมกันในแง่นี้ แต่การเทียบเคียงทั้ง 2 คนมีความแตกต่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์เพิ่งเปิดตัวทำงานการเมืองเวลาหาเสียงมีเพียง 49 วัน ทีมงานเห็นตรงกันว่าต้องทุ่มเทเวลาลงพื้นที่สัมผัสประชาชนจะเกิดประโยชน์สูงสุด ตนปราศรัยร่วมคณะบางวัน 14 เวที กินข้าวในรถเป็นเรื่องปกติ ในที่สุดก็สำเร็จ ได้คะแนนเสียงเกินครึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจมาเป็นนายกฯ มาเกือบ 5 ปี มีอำนาจรัฐจัดการคนเห็นต่าง เขียนกติกาเอง ตั้งพรรคเพื่อสืบทอดอำนาจ กุมความได้เปรียบทุกรูปแบบ การขึ้นเวทีดีเบตจึงหมายถึงการสร้างความชอบธรรมให้พอมีอยู่บ้างในการเลือกตั้งครั้งนี้ 
    "คนอื่นจะออกทีวีต้องเฉลี่ยเวลากัน สถานีเชิญใครเฉพาะบุคคลต้องระวังผิดกฎ กกต. จะขึ้นเวทีพรรคก็ต้องแจงบัญชีค่าใช้จ่าย พล.อ.ประยุทธ์ออกทีวีคืนวันศุกร์ ยึดเวลาออกทุกช่อง พูดคนเดียวไม่มีใครถามใครแย้ง ไม่ต้องแสดงค่าใช้จ่าย ใช้งบหลวงสบายๆ ไม่เรียกว่าเอาเปรียบแล้วจะเรียกว่าอะไร ถ้านั่งดีเบตกับนักการเมืองไม่ได้จะให้ประชาชนมั่นใจได้อย่างไรว่าพร้อมเป็นนายกฯ ในวิถีทางประชาธิปไตย ที่เรียกร้องคงไม่มีใครอยากฟังนโยบาย วิสัยทัศน์อะไรหรอก เพราะฟังมา 5 ปีแล้ว มันเบื่อ แต่เป็นการเรียกร้องสำนึกประชาธิปไตยในตัวผู้มีอำนาจต่างหาก" นายณัฐวุฒิกล่าว    
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณี กกต.ไฟเขียวให้นายกฯ ร่วมเวทีดีเบต  ว่า ตนสนับสนุน ถือว่า กกต.มีความยุติธรรม เปิดโอกาสให้ทุกท่านได้หาเสียง และเมื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็ต้องมีโอกาสได้แสดงวิชั่น ทุกท่านจะได้ใช้เวทีนี้สร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าเราไม่กังวล เพราะเราพูดแต่เรื่องนโยบาย การโต้ไปมาไม่สร้างประโยชน์กับประชาชน ยกตัวอย่างกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ถ้าตนโต้กลับ ถามว่าตนจะมีเวลาคิดนโยบาย มีเวลาลงพื้นที่หาเสียงหรือไม่ แล้วประชาชนจะได้อะไร หากตนเลือกใช้วาทกรรมสู้กัน
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงข้อกฎหมายว่า พล.อ.ประยุทธ์จะสามารถมาร่วมเวทีแสดงวิสัยทัศน์ได้หรือไม่ ว่ารับทราบเบื้องต้นจาก กกต.ว่าทำได้ และส่วนตัวก็ไม่เห็นเหตุผลที่นายกฯ จะมาร่วมเวทีดีเบตไม่ได้ เพราะยังสามารถใช้รูปช่วยพรรคพลังประชารัฐหาเสียงได้ ดังนั้นหากนายกฯ จะอาสาทำงานเพื่อประชาชน ก็ต้องมีความพร้อม และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งก็มีสิทธิ์จะรู้ว่าแนวคิดของผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ เป็นอย่างไร ส่วนกรณีที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเปิดนโยบายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับการช่วยเหลือราคาข้าว ว่าเป็นนโยบายที่เหมือนกับจำนำข้าว จึงแปลกใจว่าพรรคพลังประชารัฐที่ผู้บริหาอยู่ทำงานอยู่ในรัฐบาลมาหลายปีน่าจะทราบอยู่แล้วว่าโครงการรับจำนำข้าวสร้างความเสียหายอย่างไร หาก พล.อ.ประยุทธ์ตอบรับแสดงวิสัยทัศน์ เรื่องนี้ก็น่าจะเป็นประเด็นที่ต้องมาดีเบตกัน
    นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด ให้ทัศนะผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า....สรุปเลยแล้วกัน พวกที่อยากให้ประยุทธ์ออกทีวีดีเบตนั้นไม่ได้อยากฟังประยุทธ์พูดหรอก ปกติคืนวันศุกร์ก็ปิดทีวีใส่ แต่พวกเขาอยากเห็นประยุทธ์ถูกเชือดกลางทีวีต่างหาก #จิตใจทำด้วยอะไร
      น.ส.ภคอร จันทรคณา โฆษกพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงผลการจับสลากของ กกต. ที่ให้พรรคไทยศรีวิไลย์ประชันวิสัยทัศน์หรือดีเบตกับพรรคเพื่อไทยในด้านเศรษฐกิจว่า ทางพรรคยินดีมากที่ได้ประชันวิสัยทัศน์กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งถือว่าเป็นพรรคที่ประชาชนเห็นว่ามีความสามารถที่โดดเด่นในด้านเศรษฐกิจ และมีกูรูผู้รู้เป็นจำนวนมาก แต่พรรคไทยศรีวิไลย์เองก็มีบุคลากรที่มีความสามารถในด้านดังกล่าว รวมถึงมีความมั่นใจในตัวนโยบายว่าจะสามารถแก้ปัญหาความยากจนและสร้างความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจได้ ทางพรรคต้องเตรียมเนื้อหาที่จะอธิบายให้กับประชาชนได้รับทราบ และเตรียมบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญไปร่วมตามกำหนด กกต.
250สว.เลือกบิ๊กตู่วิกฤติอีก
    นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการที่ กกต.ได้ประกาศรับรองให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นบุคคลที่พรรคพลังประชารัฐเสนอให้อยู่ในบัญชีของพรรคการเมืองที่จะเสนอต่อสภาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 และมาตรา 89 ต่อมามีผู้ยื่นคำร้องคัดค้านและขอให้ กกต.พิจารณาทบทวนชื่อดังกล่าว โดยอ้างว่าขาดคุณสมบัติที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้นั้น ตนเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีประเด็นทางกฎหมายที่แหลมคม กกต.ควรหาข้อยุติไม่ควรปล่อยให้เป็นปัญหาเลยเถิดไปจนถึงการประชุมสภา ถ้าเป็นเช่นนั้น กกต.ต้องตระหนักว่าตนเองได้รับรู้ว่ามีปัญหาดังกล่าวแล้วตั้งแต่ขั้นตอนการเสนอชื่อ
    "ผมอ่านรัฐธรรมนูญโดยละเอียด เข้าใจว่าคนที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องมีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรีได้ โดยไม่ได้เขียนข้อยกเว้นอะไรไว้เลย จึงต้องดูคุณสมบัติบุคคลนั้น ขณะที่พรรคการเมืองเสนอชื่อ มิใช่ว่าพอจะแต่งตั้งอะไรกันค่อยไปทำให้มีคุณสมบัติ การดำรงตำแหน่งหัวหน้า คสช.ได้มาตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว และถูกรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มีเงินประจำตำแหน่ง มีอำนาจหน้าที่ จึงชัดเจนว่ามีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(15) ตนเองเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ฝากถึง กกต.ด้วยว่าควรหาข้อยุติเสียโดยเร็ว ไม่ควรปล่อยให้เป็นปัญหาไปจนถึงการประชุมสภา ถึงเวลานั้นก็ต้องบอกว่าตัวใครตัวมัน" นายชูศักดิ์กล่าว
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์เตรียมตั้ง ส.ว.ที่มีอำนาจเลือกนายกฯ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ก็มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐด้วยว่า เป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างชัดเจน เป็นการใช้อำนาจที่ก่อให้เกิดความไม่ชอบธรรม เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. แต่งตั้ง ส.ว. และ ส.ว.มีสิทธิ์เลือกนายกฯ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ ส.ว.จะเลือกคนที่แต่งตั้งตนเองให้ได้เป็น ส.ว. คือเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรคการเมือง
    โดยเฉพาะในกรณีพรรคการเมืองที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ รวมเสียง ส.ส.ได้ไม่ถึงครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งก็ไม่ควรสนับสนุนบุคคลที่ได้เสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรให้จัดตั้งรัฐบาล แต่ ส.ว.ควรสนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่มีพรรคการเมืองสนับสนุนเกินกว่าครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเท่ากับ ส.ว.เคารพเสียงของประชาชนข้างมากของประเทศที่ออกมาแสดงเจตนารมณ์ผ่านการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
     "จึงอยากเรียกร้องให้ ส.ว.ที่กำลังได้รับการแต่งตั้งจากหัวหน้า คสช. ฟังเสียงข้างมากของประชาชนมากกว่าฟัง พล.อ.ประยุทธ์ ที่แต่งตั้งตนเองมาเป็น ส.ว.เท่านั้น เพราะหาก ส.ว.เคารพการตัดสินใจของประชาชน จะก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศชาติโดยรวม แต่ถ้า ส.ว.ฟัง พล.อ.ประยุทธ์เป็นหลัก ก็จะเท่ากับผลักประเทศไทยให้เข้าสู่วังวนของปัญหาไม่รู้จบ อันอาจทำให้วงจรอุบาทว์หมุนวนเวียนกลับมาเกิดขึ้นกับประเทศไทยอีกวาระหนึ่ง ซึ่งไม่เกิดผลดีกับประเทศชาติแต่อย่างใด" นายองอาจกล่าว
    นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุเนื้อหาว่า การออกเสียงลงประชามติว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันและคำถามพ่วงหรือไม่ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 มีผลดังนี้ ประเด็นว่ารับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่เห็นชอบ 16,820,402 = 61.35% ไม่เห็นชอบ 10,598,037 = 38.65%, ประเด็นคำถามพ่วงให้ ส.ว.เลือกนายกฯ ได้ในเวลา 5 ปี เห็นชอบ 15,132,050 = 58.07% ไม่เห็นชอบ 10,926,648 = 41.93% ถ้าระบอบประชาธิปไตย หมายถึงการต้องยอมรับฟังเสียงของประชาชน นักการเมืองที่อ้างว่าเป็นนักประชาธิปไตย ก็ควรยอมรับผลการออกเสียงของประชาชน 
    "แต่หัวหน้าพรรคบางพรรคที่ประกาศไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ขอให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศว่าจะไม่ให้ ส.ว.มามีส่วนร่วมในการออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคที่โกหกเรื่องประวัติตนเองประกาศว่าจะฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้หนักที่สุดคือขี้ข้าปลายแถวของนายทักษิณ ชินวัตร อ้างว่า ประชาชนที่ลงมติเห็นชอบเป็นคนโง่ที่ถูกรัฐบาลนี้หลอก สรุปแล้วประชาธิปไตยของบุคคลเหล่านี้ก็คือต้องเป็นไปตามที่เขาต้องการเท่านั้นเอง" นายชูชาติ กล่าว. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"