ยกฟ้อง21พธม.ชี้ป่วนจากตร.ยิงแก๊ส


เพิ่มเพื่อน    

    ศาลยกฟ้อง 21 พันธมิตรฯ ชุมนุมหน้ารัฐสภา 7 ตุลา 51 ทุกข้อหา ระบุการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ แต่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเพราะตำรวจยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม ไม่ใช่เกิดจากกรณีปลุกปั่นหรือยุยง
    เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ห้องพิจารณา 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพิพากษาคดี อ.4924/2555  ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 70 ปีเศษ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) พร้อมอดีตแกนนำ พธม.และแนวร่วมรวม 21 คน เป็นจำเลยที่ 1-21 กรณีเคลื่อนการชุมนุมจากทำเนียบรัฐบาลไปปิดล้อมรอบอาคารรัฐภาช่วงวันที่ 7 ต.ค. 51 ไม่ให้รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ประชุมแถลงนโยบาย (จำเลยกลุ่มแกนนำถูกขังในเรือนจำ ส่วนแนวร่วมได้ประกันตัว)
    ในความผิด 5 ข้อหา ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีการอื่นใดอันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, เป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้กระทำมีอาวุธ 
    และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิกมั่วสุม, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย"  อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216, 309, 310
    ตามฟ้องโจทก์เมื่อเดือน ธ.ค.55 บรรยายความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 5-7 ต.ค.51 จำเลยและกลุ่มพันธมิตรฯ จำนวนหลายพันคนร่วมมั่วสุมภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตั้งเวทีปราศรัยและได้ยุยงปลุกปั่นให้กลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งประเทศไปรวมตัวปิดล้อมรัฐสภาไม่ให้ ส.ส., ส.ว.และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าร่วมประชุมสภา โดยวันที่ 7 ต.ค.51 กลางวัน จำเลยกับพวกใช้รถยนต์บรรทุก 6 ล้อติดเครื่องขยายเสียงเคลื่อนพร้อมนำลวดหนามชนิดหีบเพลง และแผงกั้นเหล็กยางรถยนต์ผ่านไปลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อขวางบริเวณรอบรัฐสภา ทำให้ประชาชนไม่สามารถผ่านไปได้ และปราศรัยปลุกระดมให้ล้อมรัฐสภา เป็นเหตุให้ ส.ส.และ ส.ว.บางส่วนเดินทางเข้าไปประชุมสภาไม่ได้ 
    และจำเลยกับพวกยังร่วมกันข่มขืนใจนายสุริยา ปันจอร์ ส.ว.สตูล, นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคเพื่อไทย, นายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย และข้าราชการฝ่ายการเมืองหลายคน โดยไล่ให้กลับบ้านและขู่ให้กลัวว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต  และยังมีการโห่ร้อง ด่าทอ ใช้หนังสติ๊ก อาวุธปืนยิง มีดฟันใช้ปลายธงทำด้วยเหล็กปลายแหลมแทงเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน แถมยังมีการนำโซ่ไปล็อกกุญแจทางเข้าออกสภาทุกด้าน พร้อมประกาศขู่ว่าหากไม่ยุบสภาในเวลา 18.00 น.จะจับตัวประธานสภาและประธานวุฒิสภา รวมทั้งสมาชิกทั้งหมดซึ่งสมาชิกรัฐสภาบางส่วนได้ปีนกำแพงหนีออกทางด้านพระที่นั่งวิมานเมฆ ขณะที่เจ้าหน้าที่หลายคนถูกขังอยู่เป็นเวลาหลายชั่วโมง 
    ต่อมาเวลากลางคืน จำเลยกับพวกยังได้ปราศรัยยุยงให้กลุ่มพันธมิตรฯ จำนวนหลายพันคน โดยมีอาวุธ มีด ปืน ไม้กระบอง ธง หนังสติ๊ก ฯลฯ เคลื่อนไปหน้าอาคารรัฐสภาและปิดล้อมทางเข้าออก และได้นำน้ำมันราดบนถนนหน้ารัฐสภาและขู่ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ส.ส.และ ส.ว. รวมทั้งใช้รถกระบะ ทะเบียน วพ 1968 กทม. ที่ขับขี่โดยนายปรีชา ตรีจรูญ ขับรถพุ่งไล่ชนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ได้รับบาดเจ็บหลายราย ซึ่งอัยการได้แยกฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาไปแล้ว ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ โดยโจทก์ได้ขอให้ศาลพิพากษานับโทษนายสนธิ จำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีหมิ่นประมาท 4 สำนวน และ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 อีก 1 สำนวนด้วย
    จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขณะที่จำเลยบางส่วนได้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดีคนละ 200,000  บาท วันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยที่ถูกคุมขังมาศาล ส่วนจำเลยที่ได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาล
    ศาลพิจารณาพยานหลักฐานโจทก์-จำเลย นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่าระหว่างการชุมนุม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และจำเลยที่ 1-21 ได้ประกาศตลอดเวลาห้ามผู้ชุมนุมนำอาวุธ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาในพื้นที่การชุมนุม ขณะที่พยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 ราย ซึ่งได้รับมอบหมายหน้าที่ให้มาสืบสวนหาข่าว ดูแลความปลอดภัยบริเวณชุมนุม ได้เบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยไปในทิศทางเดียวกันว่า ระหว่างการชุมนุมบริเวณสภาตั้งแต่ 5 ต.ค. จนถึงช่วงเช้า 7 ต.ค.  ไม่พบว่ามีผู้ชุมนุมรายใดเข้าไปในอาคารรัฐสภาและทำลายทรัพย์สิน แต่การชุมนุมนั้นเป็นไปโดยสงบภายใต้เจตนาการคัดค้านการแถลงนโยบายรัฐบาล
    ซึ่งการนำสืบยังฟังได้ว่าการชุมนุมของ พธม.ในครั้งนี้ การปราศรัยเป็นเพียงการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อว่ารัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นหุ่นเชิดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และยุคของนายสมัครยังได้เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237, 309 เพื่อช่วยเหลือให้นายทักษิณพ้นจากการตรวจสอบคดีทุจริต 13 โครงการโดย คตส. และเพื่อช่วยเหลือให้พรรคพลังประชาชนพ้นจากคดียุบพรรค 
    จึงฟังได้ว่าการชุมนุมดังกล่าวของกลุ่ม พธม.เป็นไปโดยสงบตามสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ซึ่งประชาชนในฐานะเจ้าของประชาธิปไตยได้ร่วมตรวจสอบนักการเมือง โดยแกนนำได้นำข้อมูลข้อเท็จจริงนั้นมาสื่อสารให้ประชาชนรับทราบ ซึ่งคดีเหล่านั้นมีบทพิสูจน์แล้วจากคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น คดีซื้อที่ดินรัชดาฯ ของนายทักษิณ, คดียุบพรรคโดยศาลรัฐธรรมนูญ 
    สำหรับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนั้น ก็เป็นภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมที่เป็นไปอย่างทันด่วน โดยที่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่คาดหมายและเตรียมตัวได้ทัน ซึ่งเป็นปกติธรรมดาที่เมื่อผู้ชุมนุมอยู่ในสถานการณ์ตรงหน้าที่มีความกดดันและเห็นมีเพื่อนผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ จึงได้วิ่งหลบหนี และบางส่วนก็ตอบโต้ด้วยความโกรธ ซึ่งเป็นกรณีเฉพาะรายบุคคล ไม่ใช่เกิดจากกรณีที่จำเลยได้ปลุกปั่นหรือยุยง การกระทำของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมดทั้ง 5 ข้อหา
    สำหรับจำเลยทั้ง 21 คน มีอาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์,   นางมาลีรัตน์ แก้วก่า, นายประพันธ์ คูณมี, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายอมร อมรรัตนานนท์, นายสำราญ รอดเพชร, นายศิริชัย ไม้งาม, นายสาวิทย์ แก้วหวาน, น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายพิเชฐ พัฒนโชติ และนายวีระ สมความคิด  เป็นต้น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"