ใช้สติป้องกันสตางค์


เพิ่มเพื่อน    

                 ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้ไซเบอร์กล้าเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตประจำวันของคนไปโดยปริยาย และสุดท้ายก็กลายเป็นภัยใกล้ตัวอย่างที่ไม่คาดคิด ซึ่งในปี 2561 ประเทศไทย มีคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิด ซึ่งมีระบบคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือจำนวน 973 คดี คิดเป็น 35% ของคดีที่มีการแจ้งความทั้งหมดกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 500 ล้านบาท

                โดยรูปแบบครอบคลุมตั้งแต่การหลอกขายสินค้า หลอกโอนเงินผ่านอีเมล หลอกโอนเงินผ่านโทรศัพท์ ปลอมเป็นบุคคลอื่นเพื่อหลอกโอนเงิน ด้วยวิถีชีวิตที่มีเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่ง ทำให้มิจฉาชีพใช้กลโกงหาช่องทางและสร้างสถานการณ์ต่างๆ  ทำให้คนหลงเชื่อ และคิดว่าตนเองจะได้รับผลประโยชน์มากมายได้โดยง่าย ดังนั้น การที่ใช้สติป้องกันสตางค์ จึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันกลโกงจากภัยไซเบอร์ที่จำเป็นสำหรับทุกคน

                ทั้งนี้ พิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ระบุชัดว่า ในยุคที่โลกเชื่อมโยงด้วยเทคโนโลยีและระบบคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ ยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงของภัยไซเบอร์ โดยมิจฉาชีพหรือแฮกเกอร์มีวิธีการหลอกลวงหลากหลายรูปแบบและซับซ้อนมากขึ้น ทั้งการโจรกรรมข้อมูล หลอกลวงหรือการยักยอกเงิน โดยในรายงานความเสี่ยงระดับโลกประจำปี 2019 ของสภาเศรษฐกิจโลก ระบุว่าการโจมตีทางไซเบอร์ขนาดใหญ่ ถือเป็น 1 ใน 10 ความเสี่ยงที่สำคัญระดับโลก

                และเป็นความเสี่ยงสำคัญของระบบการเงินของโลกและไทย นอกจากนี้ ปัจจุบันประชาชนนิยมใช้งานสื่อโซเชียลในการติดต่อสื่อสาร ทำธุรกรรมทางการเงิน โอนเงินชำระค่าสินค้าหรือซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งมิจฉาชีพเองก็อาศัยช่องทางเหล่านี้ในการหลอกลวงหรือฉ้อโกงเงินมากขึ้นตามไปด้วย

                ดังนั้น ธนาคารกสิกรไทยจึงได้พัฒนาทั้งด้านระบบการปฏิบัติงาน เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ตลอดจนศักยภาพของบุคลากร เพื่อรองรับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งรวมถึงการป้องกัน การติดตามตรวจจับ การรับมือ และการเยียวยาฟื้นฟู เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการของธนาคาร นอกจากนี้ยังได้ให้ความสำคัญกับการให้ความรู้แก่ลูกค้าถึงวิธีการใช้บริการการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างปลอดภัยด้วย

                ล่าสุด ได้ออกแคมเปญ “สติ” รณรงค์ให้คนไทยมีสติ ไม่ตื่นตระหนกเมื่อเจอเหตุการณ์ที่อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในโลกออนไลน์ ผ่านแฮชแท็กที่จำได้ง่ายๆ คือ #ใช้สติป้องกันสตางค์ โดยมุ่งเน้น 3 ภัยไซเบอร์ที่มีประชาชนตกเป็นเหยื่อบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็น  ฟิชชิ่ง (Phishing) เทคนิคหลอกลวงทางอีเมล SMS หรือหน้าเว็บไซต์ปลอม โดยสร้างสถานการณ์ให้ลูกค้าที่ตกเป็นเหยื่อเกิดความตื่นตระหนก หรือเข้าใจผิดว่าได้รับผลประโยชน์บางอย่าง จนนำไปสู่การกดลิงก์เพื่อหลอกให้กรอกข้อมูลสำคัญ หรือเปิดไฟล์แนบที่มีโปรแกรมประสงค์ร้ายและนำไปสู่ความเสียหายต่างๆ กับเหยื่อ เช่น นำชื่อบัญชีและรหัสผ่านไปเข้าระบบออนไลน์ แบงกิ้งและโอนเงินออกจากบัญชี หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเหยื่อเพื่อสวมตัวตนสมัครใช้บริการทางการเงิน

                หรือเหล่าฉาชีพชอบ แอบอ้างสวมตัวตนเป็นเหยื่อ แล้วไปทำทุจริต หรือหลอกลวงบุคคลอื่นจนทำให้เกิดความเสียหาย โดยเหยื่อที่ถูกหลอกลวงอาจจะสูญเงินในบัญชี และบุคคลที่ถูกสวมตัวตนอาจตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ากระทำความผิด ซึ่งอาจถูกลงโทษทางกฎหมายได้ และที่มีมาก ก็คือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ชอบหลอกเหยื่อทางโทรศัพท์ โดยสร้างสถานการณ์ให้เหยื่อเกิดความตื่นตระหนก หรือเข้าใจผิดว่าได้รับผลประโยชน์บางอย่าง หากเหยื่อหลงเชื่อและทำตามที่มิจฉาชีพบอก อาจเกิดความเสียหายถึงขั้นถูกหลอกให้โอนเงินจนหมดบัญชี หรือถูกหลอกให้บอกข้อมูลของบัตรเครดิต เพื่อนำไปซื้อสินค้าออนไลน์ จนทำให้เจ้าของบัตรเครดิตเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว

                ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยจะมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร สาระความรู้ด้านการใช้บริการทางการเงินบนโลกออนไลน์อย่างปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่คนไทยผู้ใช้งาน สามารถติดตามได้ที่ https://www.kasikornbank.com/th/personal/Digital-banking/KBankCyberRisk/Pages/index.aspx

                อย่างไรก็ตาม การที่ใช้สติป้องกันสตางค์ จึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันกลโกงจากภัยไซเบอร์ที่จำเป็นสำหรับทุกคน.

 

 บุญช่วย ค้ายาดี

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"