
ศาลพิพากษาประหารผู้กองเหน่งอุ้มฆ่า ผอ.อ้อย ทิ้งศพอำพรางในป่าชายแดน พ่อแม่ผู้ตายชี้สาสมกับความผิดที่ทำกับลูกสาว
เช้าวันที่ 14 มีนาคมนี้ ที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 63 ปี และนางแหลม อุ่นอ่อน อายุ 61 ปี พ่อและแม่ของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย อายุ 37 ปี อดีตผู้อำนวยการ กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกฆาตกรรม พร้อมด้วยญาติพี่น้องได้พากันเดินทางมาที่ศาลเพื่อรับฟังการอ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการกันทรลักษ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง อดีตนายทหาร ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณเขาพระวิหาร ในฐานความผิดต่อชีวิต กรณีตกเป็นจำเลยอุ้มฆ่า น.ส.จุฑาภรณ์ หรือ ผอ.อ้อย นำศพไปทิ้งอำพรางในป่าชายแดน ข้างฐานทหารแห่งหนึ่งที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อปลายปี 2560 โดยพ่อแม่และญาติพี่น้องได้พากันถือรูปภาพของ ผอ.อ้อยมาด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ รวมทั้งชุดสืบสวน กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.ศรีสะเกษ รวมประมาณ 100 นาย ได้มารักษาความสงบเรียบร้อยรอบบริเวณศาล
ต่อมาเจ้าหน้าที่เรือนจำกันทรลักษ์ได้นำตัวผู้กองเหน่งมาที่บริเวณด้านหลังศาล ซึ่งเป็นที่คุมขังผู้ต้องหา ซึ่งผู้กองเหน่งได้ถูกควบคุมตัวไปที่ห้องควบคุมตัวอย่างรวดเร็ว
นายบุญเลิศกล่าวว่า ตนต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับวิญญาณของลูกสาวอย่างเต็มที่ ส่วนผลจะออกมาอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลสถิตยุติธรรม แต่เชื่อว่าจะต้องได้รับความเป็นธรรมจากคดีนี้ ตนต้องการให้ประหารชีวิตผู้กองเหน่ง จึงจะสาสมกับความผิดที่ทำกับลูกสาวของตนอย่างเหี้ยมโหด
ส่วนนางแหลมกล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตนนอนไม่หลับทั้งคืน เนื่องจากกระวนกระวายใจ อยากให้ถึงรุ่งเช้าเร็วๆ เพื่อจะได้มาฟังคำพิพากษา ซึ่งก็หวังว่าผู้กองเหน่งจะถูกประหารชดใช้ความผิดในสิ่งที่กระทำลงไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางฝ่ายผู้กองเหน่ง ได้มีพ่อ แม่ และภรรยา เดินทางมาร่วมรับฟังคำพิพากษาในครั้งนี้ด้วย ซึ่งทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน และพากันเดินไปยังห้องพิจารณาคดีบัลลังก์ 4 อย่างรวดเร็ว
ล่าสุด มีรายงานว่า ศาลมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต ร.อ.ศุภชัย ภาโส เนื่องจากมีพยานหลักฐานแน่นหนา ชี้ชัดว่าเป็นคนลักพาตัวและลงมือฆ่า น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน แล้วนำศพไปทิ้งอำพรางในป่า พร้อมให้ชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท ส่วนนางสุชาวดี ปทุมอินทร์, นายวิทูรย์ ท้าวแก้ว และนายประกรรษวัต คณะพันธ์ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2, 3 และ 4 ซึ่งมีส่วนในการลักทรัพย์ ปลอมแปลงเอกสาร ให้มีคำสั่งยกฟ้อง เนื่องจากไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม
คดีนี้ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย ผอ.กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หายตัวไปเมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ค.60 ในชุดเครื่องแบบข้าราชการสีกากี หลังจากเดินทางไปส่งบุตรสาวที่โรงเรียน ต่อมาวันที่ 20 ก.ค.60 นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83/1 หมู่ที่ 3 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บึงมะลู แจ้งว่าลูกสาวหายตัวไปพร้อมกับรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กษ 8201 เชียงใหม่
กระทั่งวันที่ 9 ส.ค.60 นายวิทยา เกษแก้ว อายุ 37 ปี สามี ผอ.อ้อย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ว่าภรรยาหายตัวไป หลังจากนั้น พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จ.ศรีสะเกษ ได้มีคำสั่งที่ 592/2560 ลงวันที่ 31 ก.ค.2560 แต่งตั้งชุดปฏิบัติการสืบสวน ติดตามบุคคลสูญหาย ซึ่งชุดสืบสวนได้สืบสวนติดตามและแสวงหาพยานหลักฐานต่างๆ เช่น ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ ข้อมูลทางการเงิน ตรวจสอบเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะพาตัวไป ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง จนได้หลักฐานโยงผู้เกี่ยวข้องรวม 4 คน ได้แก่ 1.ร.อ.ศุภชัย หรือเหน่ง ภาโส 2.นางสุชาวดี ปทุมอินทน์ 3.นายวิฑูรย์ ท้าวแก้ว 4.นายประกรรษวัต คณะพันธ์ โดยพนักงานอัยการได้สรุปสำนวน ส่งศาลจังหวัดกันทรลักษ์ และศาลได้ไต่สวนสืบพยานจนครบและนัดฟังคำพิพากษาคดีนี้.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |