หน.วิเชียรข้องใจโทษน้อย อุทธรณ์เอาผิดเจ้าสัวเพิ่ม


เพิ่มเพื่อน    


    "กรมอุทยานฯ" เร่งศึกษาคำพิพากษาคดีล่าเสือดำก่อนยื่นอุทธรณ์สู้ต่อ "หน.วิเชียร" ชี้ "เปรมชัย" ควรได้รับโทษมากกว่านี้ "ศศิน" แนะจับตา "ทนายเจ้าสัว" ใช้เทคนิครู้เท่าไม่ถึงการณ์ขอศาลรอลงอาญา "รองโฆษก อสส." ยันทำทุกอย่างโปร่งใสไม่เลือกปฏิบัติคนรวย-คนจน ผิดต้องรับโทษเสมอกัน
    ที่สมาคมนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย วันที่ 20 มี.ค. ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อมร่วมกับ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร จัดงานเสวนา "1 ปี คดีเสือดำกับคำตัดสินที่รอคอย" มีนายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร, นายวิเชียร ชิณวงศ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมเสวนา
    นายศศินกล่าวว่า ก่อนจะมีคำพิพากษาคาดเดาว่า 1.นายเปรมชัยจะถูกลงโทษในฐานะตัวการ เพราะคณะที่เดินทางเข้าป่านั้นขออนุญาตในนามนายเปรมชัย และค่าใช้จ่ายนายเปรมชัยก็เป็นผู้ออก เรื่องนี้ตนไม่โทษศาล เพราะศาลก็ตัดสินไปตามพยานหลักฐานที่ได้มาจากทั้ง 2 ฝ่าย 2.นายเปรมชัยจะถูกลงโทษทั้งล่าและครอบครองซากสัตว์ป่า แต่ศาลอาจตัดสินโดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา และ 3.นายเปรมชัยอาจหลุดคดีล่าเสือดำไปเลย เพราะเคยให้ข่าวว่าเสือดำมาอย่างไรก็ไม่รู้ อาจถูกดำเนินคดีเพียงครอบครองซากสัตว์ป่า
    ประธานมูลนิธิสืบฯ กล่าวว่า พอตัดสินออกมาแบบนี้ แสดงว่าพยานหลักฐานไปถึงว่านายเปรมชัยสนับสนุนการล่า ก็นึกไปว่าหลุดจากมาตราใน พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ก็มีผู้รู้ทางกฎหมายบอกว่ายังไม่หลุด ยังถือว่าล่าสัตว์ป่า แต่ทีนี้พอมาเปรียบเทียบความผิด ล่ากับสนับสนุนการล่า ศาลตัดสินชัดๆว่านายธานี ทุมมาศ นายพรานที่พานายเปรมชัยเข้าป่าล่า นายเปรมชัยสนับสนุนการล่า อันนี้สำคัญ แสดงว่าโทษนายเปรมชัยน้อยกว่านายธานี แต่ศาลพิพากษาจำคุกไม่รอลงอาญา คาดการณ์ไว้ 3 กรณีก็ยังอยู่ในกรณีที่ 1 ที่ร่วมกันล่าและไม่รอลงอาญา
    "ถ้าไปเจอกันที่อุทธรณ์ โทษ 16 เดือนของนายเปรมชัยก็จะติดไปด้วย ถ้าไม่มีหลักฐานเพิ่มเติมจากกรมอุทยานฯ และจากอัยการ ผู้สันทัดกรณีทางกฎหมายเขากังวล 16 เดือนจะค่อยๆ ลดลงหรือเปล่า ถ้าฝ่ายเทคนิคทางกฎหมายของเขาเก่งมากๆ จนสามารถใส่ข้อมูลไปว่านายเปรมชัยไม่เกี่ยว เป็นความผิดครั้งแรก รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขาดเจตนา และอีกสารพัด ผมเดาว่าถ้าผมเป็นฝ่ายนายปรมชัย ผมจะตั้งธงไว้ที่รอลงอาญา คือมองไปที่การรับโทษ นายเปรมชัยผิดแน่นอน แต่จะรอหรือไม่รอลงอาญาที่อุทธรณ์หรือฎีกาก็ต้องตั้งธงไว้ตรงนั้น" ประธานมูลนิธิสืบฯกล่าว
    ส่วนนายวิเชียรกล่าวว่า เคารพการตัดสินของศาลชั้นต้น แต่มองว่าจากพยานหลักฐานนายเปรมชัยควรได้รับโทษมากกว่านี้ โดยเฉพาะการครอบครองซากสัตว์ป่า (เสือดำ) ที่ถูกยกฟ้องไป เบื้องต้นจากการหารือกับอัยการและนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าชุดพญาเสือ เห็นตรงกันว่าจะยื่นอุทธรณ์ในคดีนี้แน่นอน แต่ต้องรอศึกษารายละเอียดของสำนวนคดีฉบับเต็มที่ศาลชั้นต้นพิพากษาก่อน 
    ด้านนายโกศลวัฒน์กล่าวว่า กระบวนการต่อจากนี้ อัยการจะไปคัดลอกสำเนาคำพิพากษาฉบับเต็มมาศึกษาอย่างละเอียดอีกครั้งว่าศาลชั้นต้นได้รับฟังพยานหลักฐานอย่างไรบ้าง ก่อนจะพิจารณาว่าอัยการจะยื่นอุทธรณ์ต่อหรือไม่ ภายในเวลา 30 วัน ซึ่งเมื่อพิจารณาและวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของพยานหลักฐานแต่ละปากที่ขึ้นเบิกความ 34 ปากเรียบร้อยแล้ว อัยการจะยื่นเสนออัยการศาลสูงสุดจังหวัดกาญจนบุรีพิจารณาจะเสนออุทธรณ์คัดค้านหรือโต้แย้งหรือไม่ โดยดูควบคู่กับพยานหลักฐานต่างๆ อย่างละเอียด 
    "ขอยืนยันระบบอัยการทำงานอย่างยุติธรรม ตรวจสอบสำนวนคดีได้ทำงานอย่างเป็นระบบและโปร่งใส สิ่งสำคัญอัยการทำตามพยานหลักฐานเท่านั้น ไม่สามารถทำตามกระแสสังคมได้ ซึ่งอัยการจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ไม่เลือกปฏิบัติแน่นอนไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือคนรวย ต้องได้รับโทษที่เสมอกันตามความผิดที่กระทำ" รองโฆษก อสส.กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"