'อนุทิน'ร่วม'พปชร.' บิ๊กภูมิใจไทยแบไต๋/พรรคฝ่ายแม้วนัด27มีนา.ตั้งรัฐบาลลม!


เพิ่มเพื่อน    


    "วิษณุ" ชี้ตั้งรัฐบาลอยู่ที่ฝีมือใครรวมเสียงได้ก่อน "พปชร.-พท." ต่างคุยโวอ้างสัญญาณดีทั้งคู่ "สนธิรัตน์" ยันเสนอ "บิ๊กตู่" นั่งนายกฯ เท่านั้น ระบุแมวดำตัดหน้า "ประยุทธ์" เป็นมงคลกำลังจับหนู "ภูมิธรรม" บอกไร้ปัญหายกเก้าอี้นายกฯ ให้พรรคอื่น สะพัด! เพื่อไทยนัดพรรคฝ่ายประชาธิปไตย 27 มี.ค.นี้ แถลงจับมือจัดตั้งรัฐบาล "ภท." เก็บตัวเงียบ "อนุทิน" เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นพริกจินดาแดง บอกแปลว่าร้อนแรงและเผ็ดร้อน 
    การแข่งขันจัดตั้งรัฐบาลของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ ทั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) ยังคงมีความเคลื่อนไหวและมีประเด็นที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันอังคารที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา
    โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการจัดตั้งรัฐบาลจะยึดตามพรรคใดกันแน่ระหว่างพรรคเพื่อไทยที่อ้างตัวเลข ส.ส.ในการจัดตั้งรัฐบาล และพรรคพลังประชารัฐซึ่งอ้างป๊อปปูลาร์โหวต ว่าไม่ทราบ เรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องไปจัดการ
    ถามว่า ขึ้นอยู่กับใครจะรวมเสียงและตั้งรัฐบาลได้ก่อนใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า คุณคิดให้มันมากมันก็เลยสลับซับซ้อน ถ้าคิดให้มันง่ายคือว่าใครจะทำอย่างไรก็ทำไป สุดท้ายมันก็ไปอยู่ที่การเสนอชื่อนายกฯ ต่อสภาฯ เมื่อประธานสภาฯ นัด ตรงนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ พรรคไหนเสียงมากสุดก็เสนอชื่อก่อนก็แล้วกัน จะเอาใครเป็นนายกฯ นอกนั้นก็พูดกันไปต่างคนต่างพูดต่างคนต่างทำ
    ย้ำว่า ใครรวมเสียงได้ก่อนคนนั้นจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เอาเถอะ ในความเป็นจริงมันไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่สงสัย 
    ซักว่า อยู่ที่ฝีมือของแต่ละพรรคว่าใครสามารถรวบรวมเสียงได้มากที่สุดก่อนกันใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ใช่ นั่นแหละอย่างง่ายที่สุด
    ส่วนนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสมาชิก คสช. ปฏิเสธตอบคำถามถึงเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 60 ในการจัดตั้งรัฐบาล ยึดหลักตามที่พรรคเพื่อไทยอ้างจำนวน ส.ส.ที่ได้มากสุด หรือตามที่พรรคพลังประชารัฐอ้างป๊อปปูลาร์โหวตที่ได้มากที่สุด โดยนายมีชัยเพียงแต่ยิ้มพร้อมกับส่ายศีรษะ
    ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ซึ่งเดินทางมาประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล และประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกระแสข่าวมีการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร โดยระบุเพียงสั้นๆ ว่า "ไม่จริงๆ" พร้อมส่ายหน้า
    พอซักว่ามีความพอใจกับคะแนนเสียงของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว แค่ส่งยิ้มให้กับผู้สื่อข่าวเท่านั้น ก่อนที่จะเดินขึ้นห้องประชุม คสช.ไปในทันที
    ที่พรรคประชารัฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลว่า ทุกอย่างมีความคืบหน้าไปพอสมควร แต่ต้องรอดูเรื่องผลการเลือกตั้งที่ต้องให้มีความชัดเจนมากขึ้นด้วย โดยพรรคยังมั่นใจว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นได้ในเวลาไม่นานมากนัก แต่ต้องให้ทุกฝ่ายมีเวลาได้พูดคุยกัน ถือเป็นเรื่องธรรมดา
    นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ในส่วนข่าวที่ว่ามีการจัดตั้งรัฐบาลที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดนั้น ทาง นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้แล้วว่าไม่มีการพูดคุยกัน ส่วนพรรค พปชร.มีการเจรจาเช่นนั้นหรือไม่ ส่วนตัวไม่ทราบ แต่เมื่อมีผู้ปฏิเสธแล้ว แสดงว่าไม่เป็นน่าจะเป็นความจริง โดยส่วนตัวคุยกันข้างนอก ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
พปชร.ฟุ้งสัญญาณดี
    "เราคุยของเราตามที่ได้รับมอบหมายจากพรรค และได้มีการพูดคุยกันแล้ว การหารือมีทิศทางเป็นบวก ขอให้สบายใจ ส่วนเรื่องต่อรองตำแหน่งเวลานี้ถือว่ายังเร็วไปที่จะพูดเรื่องนี้ เอาเป็นว่าพรรคมั่นใจ ไม่ต้องเร่งรีบ เพราะยังมีเวลาอยู่ และต้องรอดูอีกหลายอย่าง เอาเป็นว่าภาพรวมภาพใหญ่เป็นภาพที่เป็นทิศทางบวก ขอยืนยันว่าพรรคมั่นใจที่สามารถดำเนินการได้ตามที่ประสานงานกันไว้" นายสนธิรัตน์กล่าว
    ถามว่า ทุกพรรคการเมืองยอมให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ เลขาฯ พปชร. กล่าวว่า ยังไม่ทั้งหมด ไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่ว่าหลักการของพรรคเวลาจะไปเจรจากับใคร จะไม่เอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปล่อพรรคการเมืองอื่นให้มาร่วมรัฐบาล เพราะเราไม่สามารถรวมรัฐบาลและเอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแลกเปลี่ยน เราไม่ทำแบบนั้น
    ถามอีกว่า ได้ติดต่อกับพรรคภูมิใจไทยแล้วใช่หรือไม่ เลขาฯ พปชร.กล่าวว่า ขอสงวนชื่อไว้ก่อน เพราะเรามีการพูดคุยกันอยู่ตลอดในหลากหลายด้าน ไม่ใช่แค่พรรคใดพรรคหนึ่ง
    เลขาฯ พปชร.กล่าวถึงข่าวพรรคเพื่อไทยอาจยื่นข้อเสนอให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีว่าเป็นสิทธิ์ของทุกพรรคที่จะเสนอกัน แต่เราไม่ใช้วิธีการอย่างนั้น เราเคารพในเสียงประชาชน วันที่เราหาเสียง เรารณรงค์ว่าหากได้รับความไว้วางใจเราจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เรายืนยันเจตนารมณ์เช่นนั้น 
    "หากใครเข้าร่วมกับ พปชร.ต้องเสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เราจะไม่เอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมอบให้กับใคร เราจะไม่ยอมเป็นพรรคที่เป็นผู้นำ แต่ต้องเอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแลกเพื่อให้เป็นรัฐบาล นี่คือจุดยืนของพรรคที่เป็นประชาธิปไตย และเคารพสิ่งที่ได้หาเสียงกับประชาชนไว้" เลขาฯ พปชร.กล่าว         
    เมื่อถามถึงกรณีที่มีแมวดำวิ่งตัดหน้า พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่กำลังเดินขึ้นไปประชุมคณะรัฐมนตรี นายสนธิรัตน์กล่าวอย่างติดตลกว่า “ไม่จริง ผมดูจากภาพแมวอยู่ตั้งห่าง และน่าจะเป็นแมววิ่งไล่จับหนู ผมมองว่าเป็นมงคล แมวอาจจะกำลังจะจับหนูก็ได้”
    ถามว่า แต่หนูเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นรูปพริกแล้ว นายสนธิรัตน์กล่าวว่า อาจเป็นเรื่องของรสชาติ เป็นพริกก็ทำให้อาหารมีรสชาติมากขึ้น เมื่อถามย้ำว่า ถ้ามีงูเห่าด้วย ใครจะได้จับหนู นายสนธิรัตน์กล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดไปไกล เดี๋ยวจะปวดหัวไปกันใหญ่
    มีรายงานว่า สาเหตุการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพปชร.ยังไม่เรียบร้อย เพราะมีปัญหาที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการจัดตั้งรัฐบาล แต่จะรวบกระทรวงเศรษฐกิจไว้กับกลุ่มตัวเองทั้งหมด ทำให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยรับไม่ได้ เพราะ 5 ปีที่ผ่านมาปัญหาเศรษฐกิจเกิดจากการทำงานของนายสมคิดกับทีมเศรษฐกิจเดิมของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา
    ส่วนที่พรรคเพื่อไทย เวลา 14.30 น. พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค, นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย, นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรค และนายสามารถ แก้วมีชัย ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย พรรค พท. ร่วมแถลงข่าว  
    นายภูมิธรรมกล่าวว่า ในวันที่ 27 มี.ค. เวลา 10.00 น. พรรคเชิญผู้สมัคร ส.ส. และว่าที่ ส.ส.ประชุม บอกเล่าถึงสถานการณ์ต่างๆ โดยจะมีตัวอย่างพื้นที่ที่พบปัญหามาชี้แจงต่อสื่อมวลชน ส่วนอุปสรรคในการรวบรวมเสียงในการตั้งรัฐบาล สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือ ใครที่ได้เสียงข้างมากในสภาควรได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน วันนี้ฝ่ายรัฐบาลมีกลไกทุกอย่างในมือ ทั้ง 250 ส.ว.ที่เป็นกลไกที่ถูกวางเอาไว้ แต่สำหรับการได้เสียงข้างมาก รัฐยังต้องการ 251เสียง จึงจะบริหารประเทศได้ เชื่อว่าวันนี้พรรคพลังประชารัฐยังไม่ได้ 251 เสียง ไม่เช่นนั้นคงจะประกาศออกมาแล้ว 
    "พรรคเพื่อไทยได้พบปะพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆ ไปบ้างแล้ว ล้วนเป็นไปในทิศทางที่ดี ส่วนจะถึง 376 เสียงหรือไม่ เรายังมีเวลาถึง 9 พ.ค. ในวันนี้เรายังเชื่อมั่นและมีหวังอย่างเต็มเปี่ยม เชื่อว่าขณะนี้ฝ่ายรัฐบาลยังไม่ได้ 251 เสียง เชื่อว่าอีก 300 กว่าเสียง อยากเห็นเป็นไปตามเจตนารมณ์ในการเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าทุกคน อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน" นายภูมิธรรมกล่าว  
พรรคฝ่าย ปชต.นัดแถลง
    ถามว่าฝ่ายประชาธิปไตยตอบรับกับพรรคเพื่อไทยไปเท่าไหร่แล้ว นายภูมิธรรมกล่าวว่า เร็วๆ นี้จะได้ฟังข่าวดี ขณะนี้มีความคืบหน้าอยู่เรื่อยๆ
    ซักว่า ในการหาเสียงพรรคชูให้คุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกฯ และตอนยื่นแคนดิเดตนายกฯ ก็ส่งแคนดิเดตนายกฯ ถึง 3 คน แล้วจะยกตำแหน่งนี้ให้คนในพรรคอื่น นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตรงนี้คุยกันได้ ไม่มีปัญหา การตั้งรัฐบาลอยู่ที่เราต้องการยืนยันในเจตนารมณ์ประชาชน ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศออกไปจากสถานการณ์เดิมๆ ที่เป็นมาอยู่ 5 ปี เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญสุด ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องรอง
    ก่อนหน้านั้น เวลา 10.30 น. นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคอนาคตใหม่แสดงท่าทีพร้อมร่วมงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทยว่า ทิศทางของพรรคอนาคตใหม่กับพรรคเพื่อไทยไปกันได้ แต่การพิจารณาหรือประกาศร่วมมือทางการเมืองยังประกาศไม่ได้ตอนนี้ เพราะตามเงื่อนไขของกติกาใหม่ต้องพิจารณาในปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเสียงของสมาชิกวุฒิสภา 250 เสียง อีกทั้ง กกต.ยังรอการประกาศรับรองผลการเป็น ส.ส.ที่จะประกาศอย่างเป็นทางการ 9 พ.ค. ดังนั้นพรรคจึงมีเวลาและไม่รีบร้อน 
    "แนวทางพรรคอนาคตใหม่ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ปฏิรูปกองทัพให้เป็นประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยประกาศอย่างต่อเนื่องในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ขณะที่การยกเลิกคำสั่งหรือประกาศ คสช. ที่ออกตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2557 พร้อมจะดำเนินการหากพบว่าเป็นคำสั่งหรือกฎหมายที่ไม่เกิดประโยชน์และเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาของประชาชน" นายภูมิธรรมกล่าว
    มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมด้วยพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ประกอบด้วย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ จะแถลงประกาศจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลในวันที่ 27 มี.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ที่ รร.แลงคาสเตอร์ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ โดยบรรดาแกนนำของแต่ละพรรคจะเดินทางไปร่วมแถลงข่าวจับมือตั้งรัฐบาลด้วยตัวเอง เพื่อประกาศว่าฝ่ายประชาธิปไตยมีเสียงเกิน 251 เสียง มีสิทธิ์ชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล 
    "พรรคเพื่อไทย นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค ส่วนพรรคอนาคตใหม่ นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค นอกจากนี้จะยังมีพรรคอื่นๆ ที่ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจและไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มาร่วมผนึกกำลังในครั้งนี้ด้วย" แหล่งข่าวระบุ
    ทั้งนี้ หากรวมเสียงพรรคฝ่ายประชาธิปไตย พรรคหลัก อาทิ พรรคเพื่อไทย 137 เสียง, พรรคอนาคตใหม่ 87 เสียง, พรรคเสรีรวมไทย 11 เสียง, พรรคประชาชาติ 6 เสียง, พรรคเพื่อชาติ 5 เสียง จะทำให้มีเสียงรวมกันประมาณ 246 เสียง ขาดเพียง 5 เสียง 251เสียง จะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากทันที
    วันเดียวกัน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค และ ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม รองหัวหน้าพรรค แถลงท่าทีของพรรคถึงแนวทางจัดตั้งรัฐบาล โดยนายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า สำหรับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. 7 ที่นั่ง ได้มอบเลขาธิการพรรคพูดคุยเรื่องการร่วมจัดตั้งรัฐบาล 
    "จุดยืนของพรรคประชาชาติในการจัดตั้งรัฐบาล มติในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค มีมติชัดเจนว่าพรรคประชาชาติจะยืนเคียงข้างฝ่ายประชาธิปไตย และเคียงข้างความต้องการของประชาชน เราไม่สามารถเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองที่ต้องการสืบทอดอำนาจเผด็จการได้ ซึ่งขณะนี้มี 2 พรรคใหญ่พร้อมที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาชาติเราพร้อมสนับสนุนฝ่ายที่มีจุดยืนประชาธิปไตยในการจัดตั้งรัฐบาล" หัวหน้าพรรคประชาชาติกล่าว
เสี่ยหนูเปลี่ยนรูปโปรไฟล์
    ที่พรรคภูมิใจไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในพรรคไม่ได้คึกคักอย่างที่คาดหมาย เนื่องจากนายอนุทินยังคงเก็บตัวเงียบ และไม่ได้เดินทางเข้าพรรควันนี้ อย่างไรก็ดี เฟซบุ๊กส่วนตัวของนายอนุทิน "Anutin Charnvirakul" ได้เปลี่ยนรูปโปรไฟล์จากเดิมเป็นรูปถ่ายนายอนุทินพร้อมโลโก้พรรค ซึ่งใช้มาตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ. เปลี่ยนเป็นรูปพริกจินดาแดงจำนวนหลายเม็ด โดยนายอนุทินได้ตอบกลับผู้มาคอมเมนต์คนหนึ่งว่า "Hot n spicy" ซึ่งแปลว่า ร้อนแรงและเผ็ดร้อน อย่างไรก็ตาม นายอนุทินได้เปลี่ยนรูปดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. เวลา 17.52 น. ก่อนเส้นตายหาเสียงของพรรคการเมืองในเวลา 18.00 น.
    ด้านนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย ปฏิเสธไม่ทราบเรื่องการจับมือตั้งรัฐบาลในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด โดยระบุว่าพรรคมีมติชัดเจนให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเป็นผู้ประสานการจัดตั้งรัฐบาลทั้งหมด ส่วนแนวโน้มจุดยืนของพรรค ภท.ว่าจะร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคใดนั้น ยังไม่มีความคืบหน้า อยู่ระหว่างการหารือกัน ซึ่งขณะนี้เรามีการพูดคุยระหว่างกรรมการบริหารพรรคอยู่เป็นระยะ แต่ยังไม่ได้กำหนดท่าทีชัดเจน
    นายสรอรรถกล่าวถึงเงื่อนไขให้นายอนุทินเป็นนายกฯ ว่า ขออนุญาตไม่ออกความเห็น เพราะพรรคเคารพในมติของพรรคที่ให้หัวหน้าพรรคและเลขาฯพรรคเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งที่ผ่านมาช่วงหาเสียงพรรคก็ประกาศว่านายอนุทินมีความพร้อมเป็นนายกฯ แต่ความเป็นจริงก็ต้องดูสถานการณ์ความเหมาะสม ความมั่นคงและเสถียรภาพในการบริหารจัดการ ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้คะแนนค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก แต่ที่ผ่านมาก็เคยมีรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำมาแล้ว ประเด็นสำคัญคือคนที่เป็น ส.ส.ซีกรัฐบาลต้องมีวินัยในการทำหน้าที่ โดยเฉพาะเวลามีการประชุมสภา ก็จะต้องอยู่ประชุมให้ครบองค์ประชุม ซึ่งก็เชื่อว่าจะบริหารจัดการได้  
    ถามถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐชูคะแนนนิยมมาเป็นอันดับ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่พรรคเพื่อไทยชูจำนวน ส.ส.เขต ใครเหมาะสมตั้งรัฐบาลมากกว่ากัน นายสรอรรถกล่าวว่า ตัวเลขยังไม่นิ่ง ทุกฝ่ายก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ประเด็นสำคัญคือใครสามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ 
    "ก่อนการเลือกตั้ง ผมเข้าใจว่าเคยมีการหยิบยกเรื่องนี้มาพูดในพิธีลงสัตยาบันระหว่างพรรคการเมือง ที่นายโคทม อารียา ที่ปรึกษาสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล จัดขึ้น ซึ่งตนได้ถามย้ำในที่ประชุมแล้วว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นพรรคที่ได้จำนวน ส.ส.มากเป็นอันดับ 1 ถึงจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้ใช่หรือไม่ ซึ่งทุกพรรคก็เห็นพ้องว่าใช่ รวมถึงพรรค พท.แต่ในวันนั้นไม่มีพรรค พปชร.เข้าร่วม" นายสรอรรถกล่าว
    ถามว่า หากเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำ มีการมองว่าพรรค ภท.จะเป็นจุดคลายล็อก นายสรอรรถกล่าวว่า ตัวเลขก็เป็นแบบนั้น แต่การตัดสินใจมีปัจจัยหลายอย่าง คงต้องรอดูการตัดสินของหัวหน้าพรรค 
    "เป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง ถ้าเรื่องแค่นี้รู้สึกกดดัน ก็คงไม่เล่นการเมือง ขอให้ใจเย็นๆ การตัดสินใจทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักการและเหตุผล โดยเฉพาะรัฐบาลต้องมีความมั่นคง และประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้" นายสรอรรถกล่าว  
    ในส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายพรรค ก็ปฏิเสธข่าวไปหารือจัดตั้งรัฐบาลที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดเช่นกัน โดยยืนยันว่า ล่าสุดยังไม่มีตัวแทนจากพรรคการเมืองใดทาบทามให้ร่วมรัฐบาล และหากได้รับการทาบทามต้องพิจารณาในรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง อาทิ พรรคพลังประชารัฐจะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ตามบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคหรือไม่ หรือพรรคเพื่อไทยจะเสนอบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี 
    "พรรคชาติไทยพัฒนามีผู้ที่คาดว่าจะถูกรับรองเป็น ส.ส.ประมาณ 11-12 คน ถือเป็นพรรคเล็ก ที่ผมยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดทาบทาม และพวกผมยังรอได้" นายวราวุธกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"