เตือนพายุฤดูร้อนยังมีต่อไปถึง 3 เม.ย. ส่งผลกระทบตั้งแต่ภาคเหนือตอนล่าง อีสาน ภาคกลาง รวมทั้ง กทม.จนถึงตะวันออก อาจมีลูกเห็บตกบางพื้นที่และมีฟ้าผ่า บ้านไผ่บ้านเรือนราษฎรเสียหายกว่าร้อยหลัง ส่วนที่ตรังกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชังเดือดร้อนหนัก พายุพัดกระชังลอย เสียหายรายละ 8 พันถึง 5 หมื่น
    กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเรื่อง "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 3 เมษายน 2562)" ฉบับที่ 10 ลงวันที่ 1 เมษายน 2562 ความว่า บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงมีฟ้าผ่า จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่า สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย โดยผลกระทบตามภาคต่างๆ มีดังนี้
    ในช่วงวันที่ 2-3 เมษายน 2562 ภาคเหนือ จังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์, ภาคกลาง จังหวัดอุทัยธานี นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี และพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล, ภาคตะวันออก จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และชลบุรี
    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 เมษายน นายรุจน์ รังสี นายอำเภอบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายหลังเกิดเหตุพายุฤดูร้อน และพายุลูกเห็บตกในพื้นที่ อ.บ้ายไผ่ ตลอดทั้งช่วงกลางดึกของเมื่อคืนที่ผ่านมา เบื้องต้นพบบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายรวมกว่า 100 หลังคาเรือน ขณะเดียวกันมีป้ายของทางราชการถูกแรงลมพัดได้รับความเสียหายหลายป้ายเช่นกัน 
    นางลาวัณย์ คำโส อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 139 บ้านแก่นคำ หมู่ 10 ต.หินตั้ง อ.บ้านไผ่ กล่าวว่า แรงลมจากพายุฤดูร้อนได้ทำให้ไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ ได้เข้ามาแก้ไขจนสามารถใช้งานได้ตามปกติเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ขณะเดียวกันแรงลมได้พัดหลังคาบ้านปลิวหายไป ทำให้ทรัพย์สินและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมดจากถูกฝนสาด
    ขณะที่นายรุจน์ นายอำเภอบ้านไผ่ กล่าวว่า พายุฤดูร้อนและพายุลูกเห็บได้ทำให้บ้านเรือนของประชาชนเสียหายไปแล้วกว่า 100 หลังคาเรือน พืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะต้นอ้อยล้มเสียหายหลายร้อยไร่ ป้ายบอกทางของทางราชการได้รับความเสียหาย ต้นไม้หักโค่นกีดขวางการจราจรเป็นจำนวนมาก ดังนั้นตลอดทั้งวัน ทางอำเภอและผู้นำชุมชนจะได้เร่งสำรวจความเสียหายในทุกพื้นที่ และจะสรุปรายงานส่งไปยังทางจังหวัดเพื่อเข้าช่วยเหลือตามขั้นตอน เบื้องต้นได้ประสานกิ่งกาชาดอำเภอบ้านไผ่ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพช่วยบรรเทาความเดือดร้อนไปก่อน
    จันทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โป่งน้ำร้อน ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนท้ายกันได้รับความเสียหาย และกีดขวางทางจราจรทั้ง 2 เลน ทำให้รถติดยาวกว่า 5 กิโลเมตร บนถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ช่วงบริเวณบ้านทุ่งกร่าง ตำบลทับไทร อำเภอโป่งน้ำร้อน จึงไปตรวจสอบ พบว่าสาเหตุมาจากเกิดพายุฝนทำให้ต้นไม้ขนาด 1 คนโอบล้มขวางถนน รถคันหน้าไปไม่ได้จึงจอดเปิดไฟฉุกเฉิน แต่รถคันหลังเบรกไม่ทันพุ่งชนท้าย มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ตำรวจจึงประสานหน่วยกู้ภัยเร่งตัดต้นไม้และยกออกให้พ้นการกีดขวางถนน ก่อนที่การจราจรจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
    ตรัง เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังหมู่ที่ 3 บ้านแหลม ต.วังวน อ.กันตัง หลายราย ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักหลังจากถูกพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ ส่งผลให้กระชังปลาของชาวบ้านหลุดลอยไปกับสายน้ำ ปลาเก๋าและปลากะพงขาวที่เลี้ยงไว้นับหมื่นตัว ลอยหายไปกับน้ำทะเล สร้างความเสียหายรายละไม่ต่ำกว่า 8,000-50,000 บาท
    หลังเกิดเหตุเกษตรกรเร่งสำรวจความเสียหาย และพบว่ายังมีพายุพัดเข้ามาเป็นระลอก ทำให้เกิดเกลียวคลื่นจนกระชังเสียหายเพิ่ม แม้จะรุนแรงน้อยกว่าปีที่ผ่านมา แต่เกษตรกรยังต้องเฝ้าระวังต่อไปอีกระยะ ซึ่งปลาที่ลอยหายไปกับสายน้ำส่วนใหญ่เลี้ยงมาดว่า 4 เดือนแล้ว โดยกำหนดจับขายในอีก 2 เดือนข้างหน้า เนื่องจากหน้าแล้ง ปลาในกระชังจะมีราคาแพงกว่าหน้าฝน เกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้วอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือ.