จัดหนักซี9DSIข่มขืนนักธุรกิจ


เพิ่มเพื่อน    

นายธวัชชัย ไทยเขียว 

กองปราบฯ จ่อสอบบิ๊กดีเอสไอแบล็กเมล์นักธุรกิจสาว ครอบครัวส่งหลักฐานข้อความไลน์นัดเจอข่มขู่ พร้อมยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา รองปลัดกระทรวงยุติธรรมเผยตั้งสอบวินัยร้ายแรง โทษหนักไล่ออก ขีดเส้นทำงาน 180 วัน

เมื่อวันศุกร์ ที่กองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนักธุรกิจสาวอสังหาริมทรัพย์พร้อมทนายความเดินทางเข้าพบ  พ.ต.ต.สมเดช สาระบรรณ์ สว.กก.1 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีถูกเจ้าหน้าที่ระดับซี 9 สังกัดกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ข่มขืนกระทำชำเราพร้อมทั้งข่มขู่จะนำภาพลับไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียว่า ได้รับรายงานจาก พ.ต.ต.สมเดช สาระบรรณ์ สารวัตรกองกำกับการ 1 กองปราบปราม เจ้าของคดี ว่าจะสรุปสำนวนในส่วนคดีที่ผู้เสียหายมาแจ้งความทั้งหมด ก่อนส่งให้พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี ดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ ญาติผู้เสียหายกล่าวว่า หลังหลานสาวซึ่งเป็นผู้เสียหายให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม พร้อมมอบหลักฐานที่เป็นทั้งข้อความแช้ตผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ในลักษณะที่นัดเจอและข่มขู่ พร้อมทั้งรูปถ่ายที่ทางฝ่ายตรงข้ามนำไปแบล็กเมล์แล้ว ทราบว่าทางพนักงานสอบสวนจะเรียกคู่กรณีมาให้ปากคำต่อไป

ญาติคนดังกล่าวกล่าวต่อว่า ครอบครัวขอยืนยันว่าเรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นจริง มีการข่มขู่และบังคับขืนใจจริง และที่ผ่านมาหลานสาวเครียดและเกรงกลัวมาก เพราะคู่กรณีมีอำนาจและเป็นที่รู้จัก ทั้งยังคอยตามก่อกวน รังควาน กระทั่งล่าสุดมีการร้องศาลเพื่อดำเนินคดีกับพวกเราในข้อหาชู้สาวทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงอีก โดยก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าหลานสาวตนเองมีความผิดจริง ซึ่งทางคู่กรณีได้นำหลักฐานที่เป็นภาพจากกล้องมือถือที่บังคับให้หลานสาวถ่ายคู่ด้วย ประกอบกับหลักฐานในที่เกิดเหตุอื่นๆ ที่ได้มาโดยมิชอบ ทางครอบครัวจึงกำลังเร่งรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องต่อศาลในชั้นฎีกาเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ทางผู้เสียหายได้แจ้งความดำเนินคดีกับคู่กรณีไว้ที่ สภ.พัทยา จ.ชลบุรี ในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวและบังคับขู่เข็ญข่มขืนใจ โดยเบื้องต้นพนักงานสอบสวนทำสำนวนสรุปสั่งไม่ฟ้องส่งให้อัยการ ศาลจังหวัดพัทยาแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ

วันเดียวกัน นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้เสียหายนำเรื่องร้องเรียนกับอธิบดีดีเอสไอต้นสังกัด และได้มีการตั้งกรรมการสอบสวน แต่เรื่องก็เงียบไป โดยทราบว่าผลสอบสรุปมีความผิดเล็กน้อยลงโทษแค่ตัดเงินเดือน ซึ่งไม่เป็นธรรม จึงให้ทนายฟ้องศาลจังหวัดพัทยาในคดีข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

รองปลัดกระทรวงยุติธรรมกล่าวอีกว่า ตามผู้บังคับบัญชาที่มีอํานาจแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือสอบสวนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญระดับสูง จึงเป็นอำนาจของปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รายงานมายังปลัดกระทรวงยุติธรรมได้ออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงไปแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.61 และได้แจ้งคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาลงนามรับทราบคำสั่งแล้วตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.61

"ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐานจากผู้ถูกกล่าวหา และวางแนวทางการกำหนดประเด็นการสอบสวน ซึ่งดูตามตารางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการฯ แล้ว จะเริ่มประชุมนัดแรกในสัปดาห์หน้า และถ้าหากมีพยานหลักฐานชัดเจน ไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อนหรือประเด็นข้อกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง กระบวนการสอบสวนทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายใน 180 วันตามที่กฎหมายกำหนด" รองปลัดกระทรวงยุติธรรมระบุ 

นายธวัชชัยกล่าวต่อว่า ตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรม ถ้าหากข้อกล่าวหาของข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมนั้นเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่หรือเป็นอุปสรรคในการสอบสวน กระทรวงก็สามารถมีคำสั่งให้พักราชการข้าราชการดังกล่าวไว้ก่อนก็ได้ ซึ่งจากพิจารณาเบื้องต้น กรณีดังกล่าวมิได้เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่ทางราชการ และยังไม่พบว่าเป็นอุปสรรคในการสอบสวนทางวินัยแต่ประการใด อย่างไรก็ตาม ถ้ามีประเด็นดังกล่าวข้างต้นเกิดขึ้นมาในระหว่างการสอบสวน ก็สามารถมีคำสั่งพักราชการไว้ก่อนได้เช่นเดียวกัน

รองปลัดกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า การดำเนินการสอบวินัยร้ายแรงดังกล่าว มิได้เกี่ยวข้องกับการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด แต่เป็นการดำเนินการทำคู่ขนานกันไป ซึ่งถ้าหากผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงเป็นการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาจริง โทษวินัยร้ายแรงจะมี 2 สถาน คือ ปลดออก ซึ่งเป็นการลงโทษให้พ้นจากราชการ โดยได้รับบําเหน็จบํานาญเสมือนผู้นั้นลาออกจากราชการ หรือไล่ออก ซึ่งเป็นการลงโทษให้พ้นจากราชการ โดยไม่ได้รับบําเหน็จบํานาญ 

"แต่ถ้าหากผู้ถูกกล่าวหาต้องคำพิพากษาให้จำคุกก็จะต้องไล่ออกสถานเดียว การลงโทษเพียงแค่ตัดเงินเดือนตามประเด็นข่าว จึงไม่ใช่เป็นข้อเท็จจริง กระทรวงยุติธรรมก็จำเป็นต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกร้องด้วยเช่นกัน และขอยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการภายใต้กรอบเวลาของกฎหมาย" รองปลัดกระทรวงยุติธรรมระบุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"