สั่งเลือกตั้งใหม่6หน่วย5จังหวัด


เพิ่มเพื่อน    


       “กกต.” สั่งนับคะแนนใหม่ใน 2 หน่วยเลือกตั้งขอนแก่น พร้อมให้จัดเลือกตั้งอีกรอบใน 6 หน่วย 5 จังหวัด “เขตบางกะปิ” ติดโผด้วย คาดจัดหลังสงกรานต์ “พปชร.-ปชป.” พร้อมลุย ส่วน อนค.งอแง “10 พรรคเล็ก” รวมตัวยื่นห้ามเทคะแนนลงน้ำ “ธนาธร-จตุพร” ข้องใจ 7 อรหันต์ไม่รู้สูตรก่อนจัดหย่อนบัตร “ภูมิธรรม” ยัวะข่าวดัน “ชัยเกษม” แทน “หญิงหน่อย” ชี้เป็นข่าวเต้าสร้างความขัดแย้งในพรรค “เนวิน” คุมเข้มเสี่ยหนูหวั่นหลุดสัมภาษณ์อยู่ซีกไหน
       เมื่อวันที่ 4 เม.ย. เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. แถลงว่า ที่ประชุม กกต.เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ได้พิจารณากรณีผลการนับคะแนนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และกรณีจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ตรงกับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ออกเสียงลงคะแนน โดยมีมติสั่งให้นับคะแนนใหม่ใน 2 หน่วยเลือกตั้งของเขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดขอนแก่น คือหน่วยเลือกตั้งที่ 1 หมู่ที่ 1 ต.บัวใหญ่ อ.น้ำพอง และหน่วยเลือกตั้งที่ 5 หมู่ที่ 5 ต.ม่วงหวาน อ.น้ำพอง โดย กกต.จะแจ้งมติไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขต (กกต.เขต) ซึ่งจะไปพิจารณากำหนดวันในการนับคะแนนใหม่    
       นายแสวงแถลงอีกว่า กกต.ยังสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.ใหม่ 6 หน่วยเลือกตั้งใน 5 จังหวัด ประกอบด้วย 1.จ.ลำปาง เขตเลือกตั้งที่ 4 จำนวน 2 หน่วย ได้แก่ หน่วยเลือกตั้งที่ 6 หมู่ที่ 5 ต.ปางหลวง อ.เกาะคา และหน่วยเลือกตั้งที่ 3 หมู่ที่ 2 ต.ศาลา อ.เกาะคา 2.จ.ยโสธร เขตเลือกตั้งที่ 2 หน่วยเลือกตั้งที่ 6 หมู่ที่ 6 ต.หัวเมือง อ.มหาชนะชัย 3.จ.เพชรบูรณ์ เขตเลือกตั้งที่ 1 หน่วยเลือกตั้งที่ 12 หมู่ที่ 12 ต.เข็กน้อย ต.เขาค้อ 4.จ.พิษณุโลก เขตเลือกตั้งที่ 2 หน่วยเลือกตั้งที่ 6 หมู่ที่ 6 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม และ 5.กรุงเทพมหานครเขตเลือกตั้งที่ 13 หน่วยเลือกตั้งที่ 32 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ เนื่องจากพบว่าผลการนับคะแนนที่มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิไม่ตรงกับจำนวนผู้มาแสดงตน และไม่ตรงกับลายเซ็นที่ต้นขั้วบัตร จำนวนบัตรที่ถูกใช้ไปคือ บัตรดี บัตรเสีย บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน ไม่ตรงกับผลการนับคะแนน ซึ่งวันเลือกตั้งใหม่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ กกต. แต่คาดว่าจะเป็นหลังเทศกาลสงกรานต์ โดยผู้สมัครยังคงเป็นชุดเดิมทั้งหมด สามารถหาเสียงได้ แต่ค่าใช้จ่ายต้องลดจำนวนลงตามที่กฎหมายกำหนด 
       “กรณีนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเริ่มพิจารณาของ กกต.เท่านั้น เขตเลือกตั้งเหล่านี้ยังไม่ได้พิจารณาในเรื่องร้องเรียนหรือการกระทำไม่สุจริตที่อาจนำไปสู่การสั่งเลือกตั้งใหม่ทั้งเขต รวมทั้งยังมีกรณีของเขตเลือกตั้งหรือหน่วยเลือกตั้งอื่นๆ ที่มีปัญหาและยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ กกต. โดย กกต.จะพิจารณาสั่งเลือกตั้งใหม่ไปพร้อมกันทั้งหมดในวันเดียวกัน” นายแสวงกล่าว
       ทั้งนี้ ในกรณีปัญหาเรื่องการนับคะแนนที่ กกต.สั่งยุติเรื่อง เพราะทราบสาเหตุและเห็นว่าเหตุนั้นไม่มีผลทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม 4 หน่วยเลือกตั้ง คือ 1.จ.เชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 4 หน่วยเลือกตั้งที่ 1 หมู่ที่ 1 บ้านกลางเวียง ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย 2.จ.ประจวบคีรีขันธ์ เขตเลือกตั้งที่ 2 หน่วยเลือกตั้งที่ 7 หมู่ที่ 2 ต.บางน้ำปราณ (เขตเทศบาล) อ.ปราณบุรี  3.จ.สระแก้ว เขตเลือกตั้งที่ 2 หน่วยเลือกตั้งที่ 6 หมู่ 4 ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร และ 4.จ.พิษณุโลก เขตเลือกตั้งที่ 3 หน่วยเลือกตั้งที่ 18 หมู่ที่ 17 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง 
       “การสั่งนับคะแนนใหม่ และการสั่งเลือกตั้งใหม่ดังกล่าวจะมีผลต่อการคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ ซึ่ง กกต.ยังไม่ได้มีการคำนวณ เพราะต้องรอผลการนับคะแนนและการสั่งเลือกตั้งใหม่ก่อน ส่วนเรื่องสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น กกต.ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ยังไม่ข้อยุติ” นายแสวงระบุ
พร้อมจัดเลือกตั้งใหม่
ด้านนายอภินันทน์ จันทร์อุปละ ผู้อำนวยการ กกต.ขอนแก่น กล่าวว่า กกต.ขอนแก่นยังคงรอคำสั่งในการดำเนินการอยู่ ซึ่งเมื่อการสั่งการจาก กกต.กลางมาถึง ก็พร้อมปฏิบัติการตามระเบียบที่กำหนดทันที
       น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ว่าที่ ส.ส.กทม.เขต 13 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่า ไม่กังวล เพราะเชื่อว่าคะแนนที่ได้รับเป็นคะแนนบริสุทธิ์ หาก กกต.เห็นว่าควรเลือกตั้งใหม่ หรือมีข้อผิดพลาดอะไร ก็เคารพในดุลยพินิจ และพร้อมจะดำเนินการตามที่ กกต.กำหนดทุกอย่าง และมองว่าเป็นเรื่องดีหากจะทำให้หมดข้อสงสัยและหมดข้อคาใจ
    นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง กทม. พรรค พปชร. กล่าวว่า สาเหตุที่ให้เลือกตั้งใหม่น่าจะมาจากบัตรเขย่ง ไม่เกี่ยวกับการทุจริต ซึ่งในหน่วยเลือกตั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 700 คน และได้มาใช้สิทธิ์กว่า 600 คน และแม้เลือกตั้งใหม่ก็ไม่มีผลอะไร เพราะคะแนนภาพรวมของผู้สมัครพรรคนำกว่า 3,000 คะแนน
       ขณะที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า แม้เป็นการเลือกตั้งใหม่เพียงหน่วยเดียวก็ให้ความสำคัญเทียบเท่ากับการเลือกตั้งใหญ่ เพราะทุกคะแนนเสียงมีค่าต่อการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยการหาเสียงยังคงยึดแนวทางประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต แก้จน สร้างคน สร้างชาติ และจุดยืนทางการเมืองไม่หนุนการสืบทอดอำนาจ ไม่เอาคนโกง เหมือนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ได้วางแนวทางไว้ 
       น.ส.ณิชชา บุญลือ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 13 บางกะปิ กล่าวว่า การจัดการเลือกตั้งใหม่เฉพาะหน่วยเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้องต่อข้อกล่าวหาว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้ดำเนินไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม โดยขอยืนยันตามคำเรียกร้องที่ได้ยื่นไว้เมื่อวันที่ 29 มี.ค. คือให้เปิดเผยคะแนนทุกหน่วยให้สาธารณชนรับทราบ เพื่อเป็นการตรวจสอบโดยภาคประชาชน และเพื่อเป็นการยืนยันความโปร่งใสของ กกต.ด้วย
       ขณะเดียวกัน นายฉัตรชัย ณ บางช้าง สมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เขต 7 จ.สมุทรปราการ เข้ายื่นหนังสือถึง กกต. ขอคัดค้านผลการนับคะแนน และเรียกร้องให้ กกต.สั่งนับคะแนนใหม่ รวมถึงตั้งกรรมการสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง 
       สำหรับกรณีการคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น นายอุดม รัฐอมฤต กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงปัญหาการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อกรณีโอเวอร์แฮงก์ ว่ากฎหมายที่มีอยู่ได้พยายามอธิบายว่าต้องแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งต้องคิดอัตราส่วนโอเวอร์แฮงก์ออกมา แต่ต้องดูว่าจะคิดเฉพาะพรรคที่ได้ ส.ส.เขตไปแล้วเท่านั้นหรือไม่ ถ้าคิดแบบนี้มันก็จะมีพรรคอยู่แค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งก็คิดได้ หรือจะคิดแบบนับคะแนนจากทุกพรรค มันมีวิธีคิดอยู่แค่สองวิธี แต่ของ กรธ.เรายืนยันว่าต้องคิดคะแนนจากทุกพรรค ไม่ได้คิดเฉพาะพรรคที่ได้แต่ ส.ส.เขต ซึ่งแนวคิดนี้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ว่าทุกคะแนนมีความหมายไม่ทิ้งน้ำ ซึ่งสามารถถกเถียงกันได้ 
       “กกต.มาพิจารณาเรื่องนี้ช้าไป ทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่ยืนยันว่าในส่วนของ กรธ.คิดตรงกันหมด เพราะเคยถกเถียงกันมาแล้ว ดังนั้นต้องใช้คะแนนจากทุกพรรคมาเฉลี่ยแก้ปัญหาโอเวอร์แฮงก์ ไม่เฉพาะพรรคที่ได้ ส.ส.เขตเท่านั้น แต่ทั้งหมดอยู่ที่คนใช้กฎหมายที่เป็นผู้ถือเจตนารมณ์ ถ้ามีข้อโต้แย้งก็อาจต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ กกต.ไม่ต้องยึดตามความเห็นของ กรธ. ตอนนี้อยู่ที่ว่า กกต.คิดอย่างไรเท่านั้น ต้องเป็นผู้ยืนยันว่าสูตรไหนถูกต้อง เพราะไม่มีว่าเลือกสูตรไหนก็ได้ ต้องเลือกสูตรเดียว” นายอุดมกล่าว 
10 พรรคเล็กอ้อนห้ามทิ้งน้ำ
       ส่วนที่หน้าสำนักงาน กกต. กลุ่มสามัคคีสร้างชาติ ซึ่งประกอบด้วยพรรคการเมืองขนาดเล็ก 10 พรรค ได้ เดินทางมายื่นแถลงการณ์ต่อ กกต. เรื่องคะแนนเสียงที่บริสุทธิ์ของประชาชนทุกคนมีคุณค่าอย่าทอดทิ้ง  โดยระบุว่า ขณะนี้ยังมีความไม่ชัดเจนในผลการเลือกตั้งและการคิดสูตรคำนวณเพื่อให้ได้มาซึ่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน จนทำให้ประชาชนสับสนและไม่สบายใจ โดยกลุ่มได้เน้นในกรณีการเกิดโอเวอร์แฮงก์ ควรนำหลักคิดที่ว่าคะแนนเสียงอันบริสุทธิ์ของประชาชนทุกคนจะไม่ถูกทิ้งน้ำ มาเป็นหลักคิดใช้เป็นสูตรคำนวณ และขอเรียกร้องให้ กกต.ร้องขอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกประกาศคำสั่งรองรับเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา 
       คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. กล่าวในเรื่องนี้ว่า การคิดคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ควรไปมองว่าจะเป็นการนำคำนวณเพื่อพยายามให้ฝั่งหนึ่งฝั่งใดได้คะแนน ควรตีความตามรัฐธรรมนูญเคร่งครัด ถ้าไปช่วยจะผิดกฎหมายเอง จึงขอให้ กกต.เคร่งครัดตามรัฐธรรมนูญ
       นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่า ถ้าเรายึดความเป็นธรรมจะตีความได้เพียงสูตรเดียว คือเอาผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมดหารด้วยจำนวน ส.ส. ทำให้ได้ 71,000 คะแนน ต่อ ส.ส.หนึ่งคน ดังนั้นถ้าเรายึดตามสูตรนี้ ก็จะรู้ว่าใครจะได้ ส.ส.เท่าไหร่ ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ที่เป็นเรื่องน่าห่วงมาก เพราะ กกต.เองยังไม่รู้วิธีคำนวณที่ถูกต้องคืออะไร ทั้งที่ กกต.ควรรู้วิธีการที่ถูกต้องก่อนการเลือกตั้งเสียด้วยซ้ำ 
       นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในฐานะผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า กกต.มั่วมาตั้งแต่ต้น ความจริงต้องศึกษาข้อกฎหมายให้เสร็จสิ้นกระบวนความก่อนจัดการเลือกตั้ง ไม่ใช่ว่าเลือกตั้งเสร็จมาควานหาว่าวิธีการคิด ทุกอย่างจึงนำไปสู่ความไม่น่าเชื่อถือ 
       นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์คลิปวิดีโอตอนหนึ่งระบุว่า ตอนนี้มีการสร้างกระแสในโลกโซเชียลมีเดียและผ่านสื่อต่างๆ อย่างเป็นกระบวนการเพื่อทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย เช่น ตั้งข้อกล่าวหาว่า กกต.จัดการเลือกตั้งแล้ว ไม่ใช่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ มีการทุจริตการเลือกตั้ง ทำให้คนพวกหนึ่งไขว้เขวไปได้ และมีกระบวนการล่ารายชื่อถอดถอน กกต. ซึ่งเชื่อว่าคงวุ่นวายสับสนไปเป็นเดือนๆ หรืออาจ 2-3 เดือน 
“ขณะนี้เขาเล่นงาน กกต.ก่อน ถ้าตรงนี้ทรุดลง ก็อาจลามไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. เพื่อทำลายความชอบธรรมที่ พล.อ.ประยุทธ์จะตั้งรัฐบาล ตรงนี้น่าเป็นห่วง” นายสุเทพกล่าว
       ที่หน้าสำนักงาน กกต. นายสรวิชญ์ สุวรรณนึก ประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เดินทางมายื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. และขอให้ กกต.ออกมาแสดงความรับผิดชอบ เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ ว่าการทำงานนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนและอยู่บนหลักของความสุจริตและเที่ยงธรรม 
       ส่วนความเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. กล่าวในช่วงท้ายในพิธีมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ครั้งที่ 5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ว่าขอพูดอีกครั้งในเรื่องการสืบทอดอำนาจนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ นี่คือการเป็นประชาธิปไตยที่ทุกคนต้องการ ที่ต้องการให้มีการเลือกตั้งก็ว่ากันไป ไม่ได้ต้องการไปเกี่ยวข้อง ไปเกี่ยวข้องได้ที่ไหน ไปสั่งเขาได้ที่ไหน เมื่อเลือกตั้งกันมาแล้ว ทุกคนเป็นคนเลือก ก็จบกันตรงนั้น แล้วก็ไปแก้ปัญหากันมาให้ได้
       “อย่างวันนี้หนังสือพิมพ์รายใหญ่ฉบับหนึ่งพาดหัวข่าวสองชั้น ตัวเท่าหม้อแกง ถามว่าท่านต้องการความขัดแย้งอีกหรืออย่างไร รับผิดชอบกันด้วยนะ ไม่อยากเอ่ยชื่อ ไปหากันเอาเองเป็นประจำ” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
เนวินประกอบเสี่ยหนู
       ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวคุณหญิงสุดารัตน์จะลดบทบาทในพรรค ว่าเป็นข่าวที่เห็นบนหน้าหนังสือพิมพ์บางฉบับ ซึ่งยังไม่มีอะไร ยังเป็นปกติ ส่วนเรื่องแคนดิเดตนายกฯ นั้น พรรคมี 3 คน คือ คุณหญิงสุดารัตน์, นายชัชชาติ และนายชัยเกษม ทั้งหมดยังทำหน้าที่ตามที่พรรคมอบหมาย วันนี้ยังไม่ใช่เวลาของการมาเลือกนายกฯ อีกทั้งวันนี้ผลคะแนนดิบเลือกตั้งก็ยังไม่เห็นว่าเป็นอย่างไร จึงคิดว่าไม่ควรมีการทำให้เกิดประเด็นใหม่ๆ เพื่อก่อให้เกิดความขัดแย้งภายใน 
       เมื่อถามถึงกระแสข่าว ส.ส.บางส่วนไม่ลงนามในสัตยาบันของพรรค นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้มีกระบวนการสร้างให้เกิดความแตกแยกภายในพรรคการเมือง คิดว่าไม่เป็นประโยชน์ ไม่ควรทำ และสัตยาบันเป็นเรื่องที่ 7 พรรคการเมืองพูดคุยกัน ไม่ได้มีอะไรมาก หรือไปบังคับข่มขู่ใคร เป็นเพียงการยืนยันว่าจะรักษาระบอบประชาาธิปไตยให้เดินไปข้างหน้า ส่วนที่ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นข่าวลือของหนังสือพิมพ์บางฉบับเท่านั้น และขออย่าสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนเลย
      วันเดียวกัน ที่บ้านพักภายในโรงโม่หินศิลาชัย ต.อิสาณ อ.เมืองฯ จ.บุรีรัมย์ ของนายชัย ชิดชอบ อดีตประธานรัฐสภา, นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาล ว่าขณะนี้มีแต่เพียงการคาดการณ์ ต้องรอวันที่ 9 พ.ค. ที่ กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เพราะตอนนี้การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เรายังไม่ทราบเลยว่าพรรคได้เท่าไหร่ 
       เมื่อถามถึงกรณีที่ไปร่วมงานฉลองมงคลสมรสของบุตรชายนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ว่าได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้พบ เพราะมีคนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก จึงไม่ได้เจอกับใคร เพียงนำของขวัญแต่งงานไปให้บ่าวสาว และดื่มน้ำเพียง 2-3 แก้วเท่านั้น
นายอนุทินให้สัมภาษณ์อีกว่า ยืนยันไม่เคยพบ พล.อ.ประยุทธ์ในงานแต่งงานลูกนายวิษณุ และถ้าพบกันก็ไม่จำเป็นต้องปิดบัง เพราะผ่านการเลือกตั้งแล้ว 
เมื่อถามว่า ไม่คุยการเมืองกับใครเลย นายอนุทินกล่าวว่า คุยไม่ได้ จะเห็นว่ามีการเลือกตั้งใหม่ นับคะแนนใหม่ในหลายเขต ระบบบัญชีรายชื่อจะคำนวณแบบไหนยังไม่ทราบ และเมื่อถามว่ามีใครโทร.มาจีบหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี ว่าจะไปจีบเขาอยู่ และไม่ได้เนื้อหอมอย่างที่พูดกัน เนื้อเหม็นอีกต่างหาก ขณะนี้ยังไม่รู้อะไรเป็นอะไร รอวันที่ 9 พ.ค.อย่างที่ กกต.บอก   
       ทั้งนี้ ตลอดการให้สัมภาษณ์ของนายอนุทิน อยู่ในสายตาของนายเนวิน ชิดชอบ ตลอด เพราะนายเนวินไม่อยากให้สัมภาษณ์ประเด็นการเมืองกับสื่อมวลชน เพราะยังไม่มีความชัดเจน พร้อมกับเดินเข้ามาดึงนายอนุทินออกจากวงสัมภาษณ์เพื่อรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"