'บิ๊กแดง'เมินล่าชื่อถอดถอน ทบ.ดึงสติเลิกปลุกแตกแยก


เพิ่มเพื่อน    


    "บิ๊กแดง" ลั่นโดนมาเยอะ ไม่ให้ค่า ชาวเน็ตล่าชื่อถอดถอนไม่ได้เพราะไม่ใช่นักการเมือง ขณะทีมโฆษก ทบ.ชี้ไม่ได้เหนือในสิ่งที่ได้ประเมินไว้ ดึงสติสังคม เลิกปลุกกระแส ทำแตกแยก ไร้ประโยชน์-ไม่สร้างสรรค์ "ปิยบุตร" เจอดี "อุ๊" หอบหลักฐานแจ้งความเป็นภัยความมั่นคง
    เมื่อวันที่ 4 เม.ย.2562 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ถึงกรณีการล่ารายชื่อผ่านเว็บไซต์ Change.org ถอดถอน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก
    พ.อ.วินธัยกล่าวว่า เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งทางโซเชียลมีเดีย แสดงออกถึงความไม่พอใจ หรือบางคนอาจจะเรียกว่าเป็นความขัดแย้งก็ได้ สังคมต้องพิจารณา เพราะปกติแล้วเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะเป็นประเด็นใดขึ้นมา จะพูดคุยกันด้วยเนื้อหาสาระเป็นหลัก ไม่ใช่ไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์อย่างเดียว คิดว่าสังคมคงเข้าใจ
    "เป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในแง่ของความรู้สึกเช่นเดียวกับการล่ารายชื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะเกิดข้อกังวลสงสัย ไม่มั่นใจสิ่งใดหรือเรื่องที่คิดว่าไม่ดีต่อส่วนรวม ทั้งนี้ ประเทศมีช่องทางดำเนินการอยู่แล้ว หากคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือมีการทุจริต ก็ไปยื่นร้องเรียนตามกลไก จากนั้นเป็นขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานและไปพิสูจน์หากมีมูล ก็ลงโทษทางคดีอาญา ซึ่งเป็นช่องทางที่จับต้องได้จริง"
    เมื่อถามว่า ฝ่ายกฎหมายติดตามเว็บไซต์มีการล่ารายชื่อถอดถอนผู้บัญชาการทหารบกหรือไม่ พ.อ.วินธัยตอบว่า ยังมีรายละเอียดไม่เพียงพอ ถ้าการพาดพิง หมิ่นประมาท ไม่ว่าบุคคลหรือองค์กร ที่มีพยานหลักฐานก็เข้าสู่กระบวนการ ยืนยันว่าการนำเรื่องต่างๆ เข้าสู่กระบวนการเป็นสากลจะตอบโจทย์สังคมได้ดีกว่า และผู้ถูกกล่าวหาสามารถใช้ช่องทางนี้ ยืนยันความบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นกระบวนการหลักสากลอยู่แล้ว
    "เราให้ความสำคัญเรื่องเป็นข้อเท็จจริง แต่การใช้โซเชียลมีเดียโฆษณาชวนเชื่อ เนื้อหาไม่สามารถพิสูจย์ได้ ยืนยันกองทัพให้ความสำคัญ 2 กรณี คือ หากถูกพาดพิงไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับบัญชา กำลังพล องค์กร จะต้องทำความเข้าใจให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เรายึดหลักหนักแน่นกับข้อเท็จจริงและข้อพิสูจน์ที่พิสูจน์ได้ และใช้ช่องทางกระบวนการตามกฎหมาย"
    ถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้น กองทัพหวั่นไหวหรือไม่ที่มีการล่ารายชื่อถอดถอน ผบ.ทบ. โฆษกกองทัพบกตอบว่า ไม่ได้เหนือในสิ่งที่ได้ประเมินไว้ ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ปี 2557 เราผ่านเรื่องราวในลักษณะเช่นนี้ บางกลุ่มยังมีพฤติกรรมไม่ต่างจากอดีตจนถึงปัจจุบัน สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่ต้องทำความเข้าใจ ขอความร่วมมือ
    เขายืนยันว่า สิ่งที่ ผบ.ทบ.แถลงนั้น เป็นการบอกกล่าวกับสังคมว่าทหารไม่ได้ทำงานการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ท่านยืนยันในฐานะที่เป็นผู้นำหน่วย หากมีจิตใจเป็นธรรมจะมองเห็น และท่านยังระบุอีกว่าประเทศเพื่อนบ้านเข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทย และยอมรับว่าโซเชียลมีเดียมีพลังในสังคมปัจจุบัน ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง
    พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ผบ.ทบ.ยังอยากให้ลดการใช้วาทกรรม สังคมเองก็เห็นด้วยกับตรงนี้อยู่แล้ว ส่วนที่ ผบ.ทบ.ได้ระบุใช้ช่องทางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว และเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เราสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆ ถือเป็นช่องทางสากล การที่ ผบ.ทบ.ออกมาระบุกลุ่มคนมีความคิดซ้ายจัดนั้น อย่าไปเจาะจง แต่ให้ดูที่เจตนารมณ์ การใช้สำนวน แต่ความมุ่งหมายจะมีอยู่ในตัวตน อยากให้มองในตรงจุดนั้นมากกว่า
    ด้าน พ.อ.หญิงศิริจันทร์กล่าวเสริมว่า กิจกรรมขอชื่อ ขอเสียง ขอโหวตในบ้านเรา มีการใช้โซเชียลมีเดีย ในการดำเนินกิจกรรมในลักษณะดังกล่าว สิ่งหนึ่งเป็นประเด็นที่เกิดตามธรรมชาติ และเป็นเรื่องของการ set up หรือการสร้างกระแส เมื่อมีประเด็นของข้อมูล ซึ่งการตั้งหัวข้อที่เป็นการชี้นำ ไม่ใช่ใช้สื่อโซเชียลเพื่อขอความคิดเห็น ซึ่งการตั้งหัวข้อระบุเลยว่า ถอดถอน เอาหรือไม่เอา จะทำให้เกิดความคิดเห็นที่แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเห็นด้วย ส่วนหนึ่งคัดค้าน สุดท้ายทั้ง 2 ส่วนจะมาแสดงความเห็นในโซเชียลมีเดีย ถามว่าได้อะไรขึ้นมา 
    "สิ่งที่จะได้คือความคิดเห็นที่แตกแยก ได้ใช้วาทกรรม การใช้ความรุนแรง การใช้ความคิดเห็นของตัวเองไปประกอบกับความคิดเห็น อันนั้นจึงทำให้เกิดการแบ่งฝ่าย ความแตกแยกเกิดขึ้น ลักษณะแบบนี้ไม่สร้างสรรค์ ไม่ได้ทำให้สังคมมีการใช้เหตุและผล บางส่วนเป็นการปลุกกระแสที่คาดหวังว่าให้เป็นอย่างโน้น อย่างนั้น ไม่ใช่วิธีที่คนไทยควรจะเป็น แต่เป็นวิธีที่ถูกสร้างขึ้น และไม่ได้ส่งผลอันดีอันใดต่อประเทศไทย และความสงบเรียบร้อย มีแต่จะทำให้คนแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ลักษณะแบบนี้สื่อก็คงไม่สบายใจที่ได้เห็นการร่วมลงรายชื่อสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่ไม่ใช่ประเด็นสาธารณะ" พ.อ.หญิงศิริจันทร์กล่าว
    พ.อ.หญิงศิริจันทร์เผยว่า ในที่ประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ได้ระบุในที่ประชุมถึงกรณีดังกล่าวว่า "ขอให้ปล่อยไปเถอะ เพราะผมโดนมาเยอะแล้ว และผมก็ไม่ใช่นักการเมือง และในทางกฎหมายผมก็ไม่ได้อยู่ในข่ายที่จะถอดถอนได้"
    นายจตุพร หรือตู่ พรหมพันธุ์  ประธาน นปช. กล่าวว่า เรื่องซ้ายขวา ในประเทศไทยมันผ่านกันมายาวนาน ในรั้วมหาวิทยาลัยสมัยก่อน ก็เป็นเรื่องระหว่างฝ่ายซ้ายกับฝ่ายขวา จนมาถึงยุคยุคหนึ่ง ก็มาถึงคำว่า เบื่อซ้าย หน่ายขวา ปัจจุบันนี้สิ่งที่จะต้องคิดคือว่า จะเดินทางอย่างไรให้บ้านเมืองเดินหน้าไปรอดได้ ตนคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะกว่า 5 ปี คนไทยเดือดร้อนกันจริงๆ เรื่องนี้ทุกคนควรจะหาคำตอบ เพียงแต่การเลือกตั้งมันไม่ใช่ทางออก แต่มันเป็นปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้นมาแล้ว แม้กระทั่งสามารถเคลียร์ได้ ตอบได้ทุกข้อสงสัย ตัวเลขก็ไปไม่ได้อยู่ดี 
    นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ "ปัญญาชนสยาม" และนักคิด นักประวัติศาสตร์ เเสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก Sulak Sivaraksa ภายใต้หัวข้อ ถึงพรรคอนาคตใหม่ ความเห็นของ ส. ศิวรักษ์ ต่อการที่คนบางจำพวกนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง และสถานการณ์ของพรรคอนาคตใหม่
    เนื้อหาทั้งหมดมีใจความระบุว่า "ผมอยากจะเตือนนะครับ โดยเฉพาะสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ตอนนี้คุณถูกโจมตีเพราะเหตุว่าคุณได้รับที่นั่งมากพอสมควรสำหรับการลงเลือกตั้งครั้งเเรก ทั้งๆ ที่พรรคใหญ่มันโกงกินกันสารพัด เเต่อย่างน้อยพรรคของคุณเป็นคนรุ่นใหม่ ใช้ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นบรรทัดฐาน
    การล้มเจ้านั้น คนหัวก้าวหน้าที่ฉลาดไม่ต้องการล้มเจ้า ไอ้พวกล้มเจ้าคือพวกที่อ้างว่าจงรักภักดี พวกนี้อันตรายมาก เพราะพวกนี้ไม่ใช้สัจจะเป็นพื้นฐาน ไม่ใช้ความถูกต้องเป็นพื้นฐาน พวกนี้คือพวกล้มเจ้าที่แท้  เราไม่ต้องไปทำอะไรเขา สงสารเขา สมเพชเวทนา 
    ที่ สน.ลุมพินี น.ส.หฤทัย ม่วงบุญศรี หรืออุ๊ นักร้องชื่อดัง พร้อมทนายความ นำหลักฐานหนังสือราชมัล ลงทัณฑ์ บัลลังก์ ปฏิรูป และหนังสือรัฐธรรมนูญ ประวัติการข้อความคิด อำนาจสถาปนาและการเปลี่ยนผ่าน ที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาฯ พรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้เขียน มาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนให้ตรวจสอบข้อความในหนังสือทั้ง 2 เล่ม เนื่องจากพบว่ามีเนื้อหาที่อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 116 เป็นภัยต่อความมั่นคง 
    ซึ่งก่อนการเลือกตั้ง 2 วัน ตนเองได้เห็นคลิปแล้วรู้สึกตกใจ จึงเริ่มค้นหาข้อมูลในหนังสือเพิ่มเติม พบว่า มีเนื้อหาที่ไม่ควรเผยแพร่ แม้ว่าจะเขียนในเชิงวิชาการ แต่ต้องยอมรับว่า ในเชิงวิชาการอาจส่งผลกระทบต่อระบอบการปกครองของไทยหรือไม่ เพราะการปกครองของไทยคือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นแนวความคิดที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ในส่วนของใจความไหนที่ยอมไม่ได้นั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะมีความผิด เป็นอันตรายต่อความมั่นคง จึงอยากให้ตำรวจตรวจสอบว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ 
    การร้องทุกข์ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของการเมือง ไม่ได้กลั่นแกล้งกัน เพราะตนเองก็ชื่นชมแนวคิดของพรรคอนาคตใหม่ที่เหมาะสมกับยุคสมัย แต่เรื่องของชาติบ้านเมืองถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด นอกจากนี้มองว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ผู้ที่ไม่ประสงค์ดีต่อชาติบ้านเมืองจากต่างประเทศมีอยู่จริง และยังเป็นโอกาสดีให้ทางนายปิยบุตรออกมาพิสูจน์ความจริง หากไม่ได้กระทำผิด
    ด้าน พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผู้กำกับการ สน.ลุมพินี กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำน.ส.หฤทัยแล้ว ส่วนประเด็นเนื้อหาในหนังสือทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ มาลงความเห็นว่าหนังสือ 2 เล่มดังกล่าวมีเนื้อหาเข้าข่ายมาตรา 116 หรือไม่ หากพบว่าเข้าข่าย ก็จะมีการเรียกนายปิยบุตรเข้ามาสอบปากคำ ขณะเดียวกันหากมีข้อมูลที่ยังขาดอยู่ ก็จะเรียก น.ส.หฤทัยมาสอบปากคำเพิ่มเติมเช่นกัน
    ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายมหัศจักร โสดี ตัวแทนกลุ่ม “คนไทยหัวใจตรงกัน” พร้อมสมาชิกประมาณ 50 คน เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ในฐานะรองศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ให้ตรวจสอบคลิปคำพูดของนายปิยบุตร ที่กล่าวในงานเสวนาเรื่อง "การเมืองความยุติธรรมและกษัตริย์" ซึ่งจัดขึ้นที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เมื่อวันที่ 17 ก.พ.2556 ว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่ โดยมี พ.ต.อ.นิติพัฒน์ กิตติรักษกุล รองผู้บังคับการ 1 กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน นายตำรวจเวรอำนวยการ เป็นผู้รับเรื่อง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"