ตามคาดดึงฝรั่งฟอก'ธนาธร'


เพิ่มเพื่อน    

    "ธนาธร" ลั่นบริสุทธิ์ ไม่หวั่นไหวขึ้นศาลทหาร "คารม" อ้าง 12 ผู้แทนโลกข้องใจ คสช.ฟ้อง ม.116 แนะรื้อ กม.มั่นคงสอดรับสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี้ฯ บี้ทางการไทยยกเลิกดำเนินคดีอาญา ปิดปากฝ่ายตรงข้ามการเมือง เพื่อไทยโหนชี้หวังสกัดเสียงตั้งรัฐบาล สะท้อนสืบทอดอำนาจ
    เมื่อวันที่ 7 เมษายน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค และอดีตผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม ประกอบไปด้วย น.ส.สาวิกา ลิมปะสุวัณณะ, นายภาคิน สวนแก้ว, น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา, นายสาโรจน์ จุ้ยเจริญ และ น.ส.จุมพิตา จันทรขจร ร่วมขึ้นรถแห่ขอบคุณประชาชนในจังหวัดนครปฐม ที่ลงคะแนนให้กับพรรคอนาคตใหม่ โดยในจังหวัดนครปฐมนี้ พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเสียงกว่า 160,000 เสียง และได้ว่าที่ ส.ส. 2 เขต คือ น.ส.สุทธวรรณ ที่เขต 3 และ น.ส.จุมพิตา ที่เขต 5
    โดยเริ่มต้นขบวนที่หน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน มุ่งสู่ชุมชนรอบตลาดสดตรีสุข มุ่งหน้าต่อไปยังชุมชนตลาดบนและตลาดล่าง ใกล้สถานีรถไฟนครปฐม จากนั้นออกเดินทางต่อไปยังตลาดท่านา นครชัยศรี พุทธมณฑล ก่อนสิ้นสุดที่ตลาดน้ำดอนหวาย โดยมีประชาชนชูสามนิ้วให้กำลังใจตลอดเส้นทางที่แห่ผ่าน และขณะที่ลงพบปะประชาชนที่บริเวณตลาดน้ำดอนหวาย ก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจและขอถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมากตั้งแต่หน้าทางเข้าตลาด จนไม่สามารถเดินเข้าไปในตลาดตามที่วางกำหนดการไว้ตั้งแต่ตอนแรกได้
    หลังจากนั้น นายธนาธรและคณะได้เดินทางต่อไปยังจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมกับอดีตผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 3 เขต คือ นายทองแดง เบ็ญจะปัก, นายสมัคร ป้องวงษ์ และนายไพฑูรย์ หิรัญการ ขอบคุณประชาชนที่ร่วมกันลงคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่กว่า 88,000 คะแนน จนได้ ส.ส. 2 ที่นั่งในจังหวัดสมุทรสาคร คือนายทองแดง ที่เขต 1 และนายสมัคร ที่เขต 2 
    โดยร่วมพบปะขอบคุณประชาชนที่บริเวณหน้าทางเข้าหมู่บ้านสินสมบูรณ์ ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน ก่อนเดินทางต่อไปยังตลาดชุมพล อ.เมืองฯ, ศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ ถ.ท่าปรง, วงเวียนน้ำพุ ต.มหาชัย และตลาดนัดวัดบ้านไร่ ต.พันท้ายนรสิงห์ ซึ่งแต่ละจุดมีผู้สนับสนุนและแฟนคลับมารอพบปะและขอถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก
    จากนั้นนายธนาธรให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเตรียมขึ้นศาลทหาร ภายหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาฐานยุยงปลุกปั่นทำให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ช่วยเหลือหรือให้ที่พำนักผู้ต้องหาและมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองว่า ในระดับสากลศาลทหารมีไว้ว่าความเฉพาะคดีความของทหารกับทหาร ไม่มีการนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร จึงแปลกใจว่าเหตุใดภายใต้การบริหารงานยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงนำผู้เห็นต่างขึ้นศาลทหาร พร้อมยืนยันจะไม่มีการเรียกร้องขอความเป็นธรรมใดๆ เพื่อไปต่อสู้ในศาลพลเรือนปกติ
ธนาธรลั่นไม่หวั่นไหว
    "คดีความต่างๆ ที่เกิดกับพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้ทำให้พรรคหวั่นไหวหรือตื่นตระหนก และพรรคยังมั่นใจว่าคดีต่างๆ ที่พยายามทำให้พรรคได้รับความเสียหาย หรือพยายามทำให้แกนนำพรรคมีคดีความ ทุกคนจะสามารถต่อสู้ได้ตามบทกฎหมาย เพราะมั่นใจในบริสุทธิ์ที่จะไม่มีใครเอาผิดได้ และขอให้ประชาชนที่สนับสนุนพรรควางใจได้ ส่วนจะเป็นการกลั่นแกล้งใดๆ หรือไม่ ก็ขอให้ประชาชนคงใช้วิจารณญาณ" นายธนาธรระบุ
    ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบคุณสมบัติการถือหุ้นในสื่อมวลชนของนายธนาธร ก่อนรับสมัครเลือกตั้งนั้น ขณะนี้ กกต.ยังไม่มีการติดต่อมาเพื่อให้ไปชี้แจงข้อกล่าวหาใดๆ และยอมรับว่าขณะนี้มีหลายคนยื่นเรื่องให้หน่วยงานต่างๆ ตรวจสอบตนและพรรคอนาคตใหม่ ดังนั้นหากหน่วยงานใดต้องการให้ตนและพรรคไปรับทราบข้อกล่าวหา สามารถทำหนังสือมาได้ เพราะมั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงได้ทั้งหมด สำหรับรายละเอียดต่างๆ จะขอไปชี้แจงในชั้นกระบวนการยุติธรรม
    เมื่อถามว่า ข้อกล่าวหาต่างๆ จะกระทบกับสถานะว่าที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 หรือไม่ นายธนาธรมั่นใจว่า จะไม่มีคดีความใดๆ มากระทบกับสถานะได้ เพราะข้อกล่าวหาต่างๆ ไม่ได้มีพื้นฐานความผิด และไม่มีกฎหมายรองรับ
    ด้านนายคารม พลพรกลาง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ และแกนนำกลุ่มนักกฎหมายอนาคตใหม่เพื่อสังคมไทยที่เท่าเทียม (นอสท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนและทนายความที่รวมตัวกันกว่า 10 คน ได้ไปร่วมให้กำลังใจนายธนาธรที่ สน.ปทุมวัน และร่วมรับฟังการซักถามจาก 12 ตัวแทนของนานาชาติที่ร่วมสังเกตการณ์กับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พบว่าจากประสบการณ์การทำคดีการเมืองตลอด 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคดีสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นั้น ครั้งนี้ถือว่ามีตัวแทนจากนานาชาติให้ความสนใจมากที่สุด 
    "โดยประเด็นที่ตัวแทนจากนานาชาติให้ความสนใจซักถามมากที่สุดคือการฟ้องคดีนายธนาธร ซึ่งได้รับการชี้แจงว่า เป็นการดำเนินคดีจากปี 2558 ที่ คสช.มีอำนาจเต็มรูปแบบ โดย คสช.เป็นผู้มอบหมายให้ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมาย คสช. แจ้งความ ประกอบกับคำสั่ง คสช. ที่ให้คดีความมั่นคงต้องขึ้นศาลทหาร ซึ่งตัวแทนจากนานาชาติมองว่าคดีความมั่นคงตามมาตรา 116 ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะถือเป็นอาญาแผ่นดิน การดำเนินคดีต้องปรากฏพฤติกรรมร้ายแรง และมีพยานหลักฐานพร้อมจริงๆ จึงจะดำเนินคดีได้" นายคารมระบุ
    ทั้งนี้ ทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตตามที่นายธนาธรให้สัมภาษณ์กันว่า ทำไมเจ้าหน้าที่จึงเลือกดำเนินคดีในช่วงเวลานี้ ที่ กกต.ยังไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ทั้งที่ยังมีเวลาดำเนินคดีอีกมาก นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากสหประชาชาติมาแนะนำตนว่า ส.ส.ที่จะเข้าสภาควรดำเนินการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากลต่อไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นชุดกฎหมายความมั่นคง กฎหมายคอมพิวเตอร์ ที่ถูกนำมาใช้กับผู้เห็นต่างอย่างกว้างขวาง 
    ส่วนกลุ่ม นอสท.ต่อจากนี้จะร่วมกลุ่มทำกิจกรรมทางการเมืองกันต่อไป โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือนักการเมืองและ ส.ส.ในคดีทางการเมือง และติดตามนโยบายสาธารณะของภาครัฐ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับประชาชน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยการทำงานในลักษณะภาคประชาสังคมร่วมกับ ส.ส.ในสภาต่อไป 
บี้ยุติศาลทหารไต่สวนพลเรือน
    ขณะที่ นางแคทเธอรีน เกอร์สัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์ประเด็นประเทศไทยประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวถึงกรณีที่มีการแจ้งความดำเนินคดีอาญากับ นายธนาธร ในมาตรา 116 และกรณีที่ประชาชนคนอื่นๆ ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการแชร์รณรงค์ลงชื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้งผ่าน Change.org ว่า นี่เป็นการฟ้องร้องคดีอาญาต่อฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองและนักเคลื่อนไหวเป็นจำนวนที่น่าตกใจ 
    แอมเนสตี้ฯ ขอย้ำข้อเรียกร้องให้ทางการไทยปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก การสมาคม และการชุมนุมโดยสงบ และให้งดเว้นจากการใช้กระบวนการยุติธรรมทางอาญาอย่างมิชอบ เพื่อปิดปากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง นอกจากนี้ ขอให้ทางการยกเลิกการดำเนินคดีอาญาใดๆ ต่อบุคคลเพียงเพราะการใช้สิทธิในการเรียกร้องอย่างสันติ พร้อมกับเรียกร้องให้ทางการไทยยุติการใช้ศาลทหารเพื่อไต่สวนคดีต่อพลเรือนไม่ว่ากรณีใดๆ
      นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย  กล่าวว่า การดำเนินคดีกับนายธนาธร สะท้อนถึงความไม่ปกติและเห็นถึงความพยายามในการสกัดกั้นให้ฝ่ายประชาธิปไตยไม่ให้รวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ จึงอยากเรียกร้องให้ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและองค์กรอิสระทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเป็นอิสระ ยึดความถูกต้องยุติธรรม ปราศจากการครอบงำหรือมุ่งช่วยเหลือแก่พรรคการเมืองหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นหลัก ให้ยึดมั่นเอาประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะแทนที่การเลือกตั้งครั้งแรกหลังถูกปกครองโดยเผด็จการมานานเกือบ 5 ปี จะได้รับการยอมรับจากต่างชาติ แต่กลับทำให้ความเชื่อมั่นลดลง ถึงขนาดที่ตัวแทนยูเอ็น อียู และทูตจาก 11 ประเทศ รวมถึงสหรัฐ ต้องเข้าร่วมสังเกตการณ์ที่ตำรวจแจ้งข้อหากับนายธนาธร 
      "หากความไม่ปกติดังกล่าวยังดำเนินอยู่ต่อไป ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือประชาชนทั้งประเทศ เมื่อการเมืองไม่นิ่ง เศรษฐกิจก็จะได้รับผลกระทบ นักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติไม่กล้าลงทุน ไม่เกิดการจ้างงาน รายได้ลดลง ชีวิตความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตคนไทยก็ลดลง สุดท้ายหนี้ก็เพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว สะท้อนได้จากการที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดตัวเลข หนี้ครัวเรือน ปี 2561 พบว่าคนไทยแบกหนี้ 12.83 ล้านล้านบาท ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 78.6% ต่อจีดีพี  สอดคล้องกับการเร่งตัวขึ้นของสินเชื่อรายย่อยหลายๆ ประเภท" โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"