กทม.ร่วมกับสภาวิศวกรเข้าตรวจสอบอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ พบโครงสร้างยังแข็งแรง แต่ยังไม่ชี้สาเหตุเพลิงไหม้ ห้างประกาศเปิดบริการวันศุกร์ เผยจ่ายศพละ 2.3 ล้านพนักงานที่เสียชีวิต เพื่อนพนักงานโพสต์อาลัย ยกเป็นวีรบุรุษ เข้าไปช่วยคนที่สำลักควันจนตัวเองสิ้นทางหนีต้องกระโดดจากชั้น 8 กระทรวงแรงงานจ่ายอีกศพละ 1.4 และ 1.3 ล้านตามลำดับ เผยตรวจสอบแล้ว ระบบดับเพลิงอัตโนมัติและสัญญาณแจ้งเหตุไม่ทำงาน หากจงใจฝ่าฝืนมีโทษจำและปรับ
    เมื่อวันที่ 11 เมษายนนี้ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ได้ตั้งกองอำนวยการที่หน้าอาคาร ดิ ออฟฟิศ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อติดตามความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ห้องเก็บเอกสารชั้น 8 ส่วนเชื่อมติดกับโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ แขวงและเขตปทุมวัน กทม. เมื่อเย็นวันพุธที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ และบาดเจ็บจำนวนมาก ขณะที่พนักงานของห้างนั่งรออยู่ข้างนอกจำนวนมาก เพราะยังไม่ทราบว่าจะเข้าไปทำงานได้เมื่อไหร่
    ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักโยธากรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่จากสภาวิศวกร เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุ โดย พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รองผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จะเข้าตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดย พฐ.จะตรวจสอบแผนผัง-โครงสร้างอาคารบริเวณจุดเกิดเหตุ ระบบป้องกันอัคคีภัย รวมถึงเหตุใดขณะเพลิงไหม้ประชาชนถึงออกจากจุดเกิดเหตุไม่ได้ เพื่อนำมาวิเคราะห์จุดต้นเพลิงและสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้  
    ด้านนายพินิต อารยะศิลปะธร ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กล่าวว่า เหตุเพลิงไหม้สันนิษฐานว่าต้นเพลิงเกิดที่ห้องชาร์ป ชั้นใต้ดิน หรือบี 2 ของอาคารบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นห้องระบบร้อยสายต่างๆ ของอาคาร โดยคาดว่าไฟคุลุกลามจากจุดนี้ และพุ่งขึ้นไปที่ชั้น 8 ทำให้เห็นกลุ่มควันและไฟ ที่เป็นล็อกเกอร์และที่เก็บเอกสาร เบื้องต้นสั่งปิดจุดเกิดเหตุและจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าจะเปิดใช้อาคารได้หรือไม่ ยืนยันขณะเกิดเหตุ สปริงเกลอร์และสัญญานเตือนภัยดังปกติ  
    ภายหลังจากเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบประมาณ 2 ชั่วโมง รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ เลขาธิการวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการร่วมกันตรวจสอบอาคารที่เกิดเหตุ เบื้องต้นโครงสร้างตัวอาคารแข็งแรง ความร้อนจากเพลิงไม่กระทบต่อโครงสร้างโดยตรง เพลิงที่ลุกไหม้มีระยะเวลาเพียงสั้นๆ ที่เหลือจะเป็นคราบเขม่า
    ศ.ดร.อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร เผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าความร้อนไม่ได้ทำให้ผนังปูนได้รับความเสียหาย ส่วนใหญ่จะเป็นเขม่าควันที่เกาะตามผนังไม่เกิดอันตรายต่อตัวโครงสร้างอาคาร หรือคอนกรีต ความร้อนของเพลิงไม่ถึงเหล็กเสริม 
    ส่วนนายธีรยุทธ ภูมิภักดิ์ รองผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ธรรมชาติกลุ่มควันจะลอยจากด้านล่างขึ้นสู่ด้านบน พบว่าต้นเพลิงอยู่ที่ชั้นบี 2 ซึ่งเป็นห้องเครื่องยนต์และเครื่องปั๊มน้ำ เมื่อเกิดความร้อนกลุ่มควันได้ลอยขึ้นไปตามท่อระบายอากาศขนาดใหญ่ จำนวน 3 ท่อ ไปยังชั้น 8 แต่เมื่อถึงชั้น 8 ท่อเป็นแนวนอน ความกดอากาศกลุ่มควันจึงดันลงไปยังชั้นล่าง ทำให้ท่อแนวนอนพังลงมาจนเป็นเหตุเกิดเพลิงลุกไหม้ เพราะท่อระบายดังกล่าวติดตั้งมาเพื่อระบายอากาศจากชั้นใต้ดินและทนความร้อนไม่ไหว ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ยังไม่สามารถทราบได้ ต้องรอผลจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ส่วนที่เสียหายพบว่ามีอยู่ 2 จุด คือชั้นบี 2 ซึ่งเป็นชั้นใต้ดินเสียหาย 80 ตารางเมตร และที่ชั้น 8 เสียหาย 400 ตารางเมตร  
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวครั้งนี้ไม่มีตัวแทนของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ร่วมแถลงข่าวด้วยแต่อย่างใด ซึ่งมีหลายคำถามที่ยังเป็นที่สงสัยของสังคม ส่วนผู้เสียชีวิต 2 คนคือนายศักดิ์ชัย เจริญลาภ และนายอาทิตย์ คำสาย เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง จะได้รับการเยียวยาศพละ 2.3 ล้านบาท ผู้บาดเจ็บจะได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่  
    มีประเด็นที่น่าสนใจในโลกออนไลน์ ซึ่งมีผู้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเสียชีวิตของนายศักดิ์ชัยและนายอาทิตย์ที่ตัดสินใจกระโดดลงมาจากชั้น 8 ทำนองไม่สมควรที่จะทำเช่นนั้น เป็นการตัดสินใจที่แย่ ต่อมาในแฟนเพจของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Mim Kansiran" ได้โพสต์ข้อความระบุว่า รู้สึกไม่โอเคกับเสียงวิจารณ์ในทางลบที่เกิดขึ้นกับทั้งสองโดยที่ส่วนใหญ่ไม่รู้ความจริง
    ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ระบุว่า ระหว่างเกิดเหตุไฟไหม้ ทั้งสองได้กันทุกคนออกมา ขณะที่ตัวเองได้ย้อนกลับไปเพื่อดับไฟ ทว่าเกิดสำลักควัน หนีออกมาไม่ได้ เพราะฉะนั้นทั้ง 2 คนจึงคือผู้เสียสละและผู้กล้าหาญอย่างแท้จริง
    "ขอไว้อาลัยแด่พี่วิลลี่และพี่เจมส์นะคะ น้องจะจดจำพี่ทั้ง 2 คนตลอดไป #เหตุการณ์ในครั้งนี้เห็นบางคนที่ไม่รู้เรื่องราวก็ด่าคนที่กระโดดตึกลงมาเอามันส์ ว่ากระโดดทำไม ขาดสติเหรอ ทำไมไม่มีสติ คุณรู้มั้ยคะ 2 คนนี้เป็นคนดีมาก พี่เค้ามีสติค่ะ พี่ทั้ง 2 เค้าไม่รักตัวกลัวตายค่ะ เค้ากล้าหาญ สัญชาตญาณ LP ทำงาน เลือด Fireman พลุ่งพล่าน ขณะที่กำลังนั่งประชุมกันอยู่ เค้ากันทุกคนออกมา แต่ตัวเองกลับเดินย้อนเพื่อไปดับไฟ และสำลักควัน หนีออกมาไม่ได้ ทั้ง 2 คนคือผู้เสียสละและผู้กล้าหาญอย่างแท้จริง"
    ในส่วนของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้ออกหนังสือชี้แจงเรื่องการทำงานของระบบสัญญาณแจ้งเตือนเหตุอัคคีภัยภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยในวันเกิดเหตุมีสัญญาณเตือนภัยดัง 2 จุด คือ ชั้น B2 และบริเวณชั้น 8 เนื่องจากกลุ่มควันที่ลอยขึ้นไปตามท่อระบายควัน และยังมีเจ้าหน้าที่คอยรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด
    ในช่วงบ่าย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 5 ระบุว่า บริษัทได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่วิศวกรสำนักงานโยธา, วิศวกรรมสถาน, สำนักงานเขต, กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุโดยละเอียดเรียบร้อยแล้ว ได้รับการยืนยันว่ามีความปลอดภัย และมีระบบการจัดการดูแลตามมาตรฐานสากลด้านการป้องกันอัคคีภัย ดังนั้น วันศุกร์ที่ 12 เมษายนนี้ เซ็นทรัลเวิลด์ ทั้งศูนย์การค้า ออฟฟิศ และโรงแรม พร้อมเปิดให้บริการตามปกติ เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป 
    นอกจากนี้ บริษัทได้ดูแลครอบครัวของผู้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อเข้าเยี่ยมและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และจะดูแลรับผิดชอบครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มความสามารถ โดยผู้บาดเจ็บส่วนหนึ่งปลอดภัยและกลับบ้านได้แล้ว
    ทั้งนี้ มีรายงานจากโรงพยาบาลตำรวจว่า รับผู้บาดเจ็บไว้ทั้งหมด 10 ราย เป็นชาย 2 ราย หญิง 8 ราย แพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน 5 ราย ส่วนรายชื่อผู้ป่วยนอนพักรัษาตัวที่โรงพยาบาล ประกอบด้วย น.ส.กชกร นนทพรหม อายุ 45 ปี (สำลักควันไฟ), น.ส.ศศิธร อุ่นดา อายุ 16 ปี (สำลักควันไฟ), นายพงษ์ศักดิ์ กายยาคำ อายุ 38 ปี (สำลักควันไฟ), นายวัชรกุล คำเจี๋ย อายุ 27 ปี (สำลักควันไฟ) และ น.ส.มลธิรา สิทธิชัย อายุ 29 ปี (หายใจเร็ว) ทั้งหมดนอนพักรัษาตัวเพื่อสังเกตอาการผิดปกติและสังเกตการหายใจอย่างใกล้ชิด 
    ที่สถาบัน​นิติเวช รพ.จุฬาลงกรณ์ น.ส.จิตรา คำสิน อายุ 44 ปี และนายจันทรา คำสิน อายุ 47 ปี พี่สาวและพี่ชายต่างบิดา ได้เดินทางไปรับศพนายอาทิตย์ คำสาย อายุ 41 ปี น.ส.จิตรากล่าวว่า จะนำศพน้องไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านคำบาก จ.อุบลราชธานี ส่วนเรื่องเยียวยาขณะนี้ทางบริษัทนายจ้างได้มาพูดคุยแล้ว​ บอกว่ายินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและค่าเยียวยาอื่นๆ ทั้งหมด
    นายจันทราเปิดเผยว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุ​ นายอาทิตย์ได้โทรศัพท์มาหา เมื่อตนกดรับได้ยินแต่เสียงรอบข้างดังมาก​ และได้ยินเสียงน้องชายร้องไห้​ เหมือนพยายามพูดบางอย่าง แต่จับใจความไม่ได้ จึงกดตัดสายไปแล้วโทร.กลับ แต่น้องชายก็กดตัดสายเช่นเดียวกัน​ กระทั่งมาทราบข่าวน้องเสียชีวิต
    นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากเหตุการณ์ไฟไหม้ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เบื้องต้นได้สั่งการให้ดูระบบตรวจสอบอาคาร จากเดิมเป็นการสุ่มตรวจว่าจะต้องปรับวิธีอย่างไรให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด และครอบคลุมมากกว่านี้ เพราะจากเหตุครั้งนี้เป็นตัวอย่างได้ว่า แม้กรุงเทพมหานครจะลงไปสุ่มตรวจ แต่เมื่อเกิดเหตุจริงก็ยังเกิดการสูญเสียขึ้น การจัดการของอาคารอาจจะยังไม่ครอบคลุมทั่วถึง หรือระบบอาจไม่สมบูรณ์ ต้องไปย้อนดูการตรวจสอบอาคารว่าตรวจตามวงรอบของกฎหมายควบคุมอาคารหรือไม่ ต้องยกเครื่องระบบใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้ กรณีมีผู้ที่อยู่ในอาคารรายงานว่าไม่มีสัญญาณเตือน หรือระบบสปริงเกลอร์ไม่ทำงาน ก็จะต้องรอดูผลการตรวจสอบก่อน โดยหลังสงกรานต์จะเรียกสำนักการโยธา สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสำนักงานเขตร่วมหารือแนวทาง เพื่อให้การตรวจสอบมีประสิทธผล ป้องกันการสูญเสียจากเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้
    พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคม และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความช่วยเหลือสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย เบื้องต้นลูกจ้าง 2 รายที่เสียชีวิต ทายาทจะได้สิทธิเงินทดแทนกรณีเสียชีวิต ได้แก่ 1.นายศักดิ์ชัย เจริญลาภ อายุ 37 ปี จะได้ค่าทำศพ 33,000 บาท เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต 1,260,000 บาท และเงินสะสมกรณีชราภาพ 131,631.20 บาท รวมเป็นเงิน 1,424,631.20 บาท 2.นายอาทิตย์ คำสาย อายุ 41 ปี จะได้ค่าทำศพ 33,000 บาท เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต 1,260,000 บาท และเงินสะสมกรณีชราภาพ 98,309.06 บาท รวมเป็นเงิน 1,391,309.06 บาท โดยจะมอบแก่ทายาทผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายในวันที่ 18 เม.ย.นี้ ส่วนลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย ที่ยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าทดแทนการขาดรายได้ให้ตามกฎหมาย
    รมว.แรงงานกล่าวว่า จากการตรวจสอบของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พบว่า ระบบดับเพลิงอัตโนมัติและระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ไม่ทำงาน ซึ่งหากเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย จะมีโทษทั้งจำและปรับ.