เพิ่มช่องจำหน่ายเข็มที่ระลึกฯ


เพิ่มเพื่อน    

       มหาดไทยเชิญ “น้ำอภิเษก-น้ำสรงพระมุรธาภิเษก” เก็บรักษาวัดพระแก้วอย่างสมพระเกียรติ ประชาชนเข้าชมริ้วขบวนคึกคัก เผยเป็นมงคลแห่งชีวิตได้ร่วมพระราชพิธีสำคัญ “วิษณุ” แจงช่องทางจำหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเพิ่มเติม “10 สาขาบิ๊กซี-ไปรษณีย์ทั่วไทย" เริ่ม 25 เม.ย. จำกัดคนละ 2 เข็ม พร้อมระบุขั้นตอนประดับเข็ม
         เมื่อเวลา 06.00 น. วันศุกร์ที่ 19 เม.ย. กระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้จัดขบวนเชิญคนโทน้ำอภิเษกและน้ำสรงพระมุรธาภิเษกในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพุทธศักราช 2562 จากวัดสุทัศนเทพวราราม ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม  
         โดยเวลา 06.45 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นำคณะข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ตั้งแถวบริเวณด้านหน้าพระวิหารวัดสุทัศนเทพวราราม และเชิญคนโทน้ำอภิเษกออกจากพระวิหารหลวงลงมาวางในจุดที่กำหนด ผู้เชิญคนโทน้ำอภิเษกจำนวน 86 คน เชิญคนโทน้ำอภิเษกไปวางบนรถเชิญน้ำอภิเษกตามลำดับ  โดย พล.อ.อนุพงษ์เชิญคนโทน้ำสรงพระมุรธาภิเษกเป็นคนโทสุดท้าย จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์พร้อมคณะเดินจากหน้าพระวิหารหลวงเข้าสู่ขบวน  
         ต่อมาเวลา 07.00 น. เคลื่อนขบวนจากวัดสุทัศน์ไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยใช้เส้นทางถนนดินสอ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ถ.ราชดำเนินกลาง และเข้าสู่ ถ.ราชดำเนินใน แล้วตรงไปยังประตูสวัสดิโสภา โดยรูปแบบขบวนมีรถนำตามด้วยวงดุริยางค์กองทัพเรือ 50 นาย พร้อมเจ้าหน้าที่ควบคุมวง 2 นาย นักเรียนนายร้อยตำรวจเชิญธงชาติ 68 นาย และธงตราสัญลักษณ์ 68 นาย รวมทั้งหมด 136 นาย ตามด้วยผู้เชิญพานกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ 10 คน และคณะของ พล.อ.อนุพงษ์ 10 คน รวมทั้งหมด 20 คน ต่อมาผู้เชิญพานพุ่มทอง-พานพุ่มเงิน 154 คน ผู้ว่าฯ 77 คน รวมทั้งหมด 231 คน ต่อด้วยรถเชิญคนโทน้ำ จากนั้นเป็นผู้เชิญคนโท 86 คน ตามด้วยวงดุริยางค์กองทัพอากาศ 50 นาย พร้อมเจ้าหน้าที่ควบคุมวง 2 นาย ถัดมาเป็นข้าราชการผู้ร่วมพิธี 600 คน ต่อด้วยรถปิดขบวน โดยมีผู้ร่วมขบวนทั้งหมด 1,200 คน ความยาวของขบวนประมาณ 178 เมตร 
          เวลา 07.45 น. ขบวนถึงยังประตูสวัสดิโสภา ผู้ว่าฯ กทม. และผู้ว่าฯ  76 จังหวัด เชิญพานพุ่มทอง-พานพุ่มเงินนำไปวางบนจุดที่กำหนดบริเวณกำแพงพระบรมมหาราชวัง เพื่อถวายราชสักการะหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วเดินไปตั้งแถวบริเวณด้านหน้าปราสาทพระเทพบิดร ตามลำดับ  
       ต่อมาคณะ พล.อ.อนุพงษ์รวม 10 คนเชิญพานกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพถวายราชสักการะหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นเดินไปตั้งแถวบริเวณด้านหน้าปราสาทพระเทพบิดร และต่อมาคณะ พล.อ.อนุพงษ์ และผู้ว่าฯ 77 จังหวัด เชิญคนโทน้ำอภิเษกไปวางในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และเดินกลับมาตั้งแถวหน้าประตูสวัสดิโสภา จากนั้นเคลื่อนขบวนกลับกระทรวง เป็นอันเสร็จพิธี
       ทั้งนี้ ขบวนเชิญน้ำอภิเษกและน้ำสรงพระมุรธาภิเษกไปวัดพระแก้ว เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ โดยตลอดสองข้างทางที่ขบวน ผ่าน มีประชาชนเฝ้ารอชมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าวัดสุทัศน์ และด้านหน้าประตูสวัสดิโสภา หลายคนชูภาพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลายคนยกมือขึ้นไหว้ นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่ได้นำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกภาพเป็นที่ระลึกด้วย
       นางมณีรัตน์ เลาวเลิศ อายุ 61 ปี เดินทางจาก จ.สมุทรสาคร ตั้งแต่ 04.00 น. พร้อมด้วย น.ส.บุษกร กลิ่นน้อย อายุ 52 ปี ชาว จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อมาสมทบกับกลุ่มเพื่อนสนิทที่รู้จักกันระหว่างปฏิบัติงานจิตอาสาเฉพาะกิจ เพื่อชมริ้วขบวนดังกล่าว
นางมณีรัตน์บอกว่า ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ด้วยเป็นพระราชประเพณีที่มีมาแต่โบราณ และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีโอกาสได้ร่วมในพิธีมหามงคลนี้ ต้องมาให้ได้ ซึ่งในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 4-6 พ.ค.นี้ จะมาทุกวัน เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ทั้งอุปกรณ์กันแดด อาหาร ยาดม และน้ำดื่ม เพื่อไม่ให้เป็นภาระผู้อื่นต้องมาดูแล โดยตนเองและเพื่อนเดินทางมาตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. มีโอกาสชื่นชมการซ้อมริ้วขบวนพระราชอิสริยยศพยุหยาตราสถลมารค และพิธีเสกน้ำอภิเษกในวัดสุทัศน์ จนกระทั่งวันเชิญน้ำอภิเษกครั้งนี้
       "รู้สึกตื้นตันใจและปลื้มปีติเป็นอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธี ได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน ติดตามข่าวจากทีวีแล้วจดไว้ว่ามีพิธีวันไหน พยายามเคลียร์งานเพื่อมาร่วมงานให้ได้ แม้อากาศร้อนอบอ้าวก็ไม่หวั่น เพราะมาด้วยใจ ตั้งใจจะสวมชุดไทยจิตรลดาสีเหลืองมาร่วมงานด้วย” นางมณีรัตน์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
         ด้านนายยุทธพิทักษ์ เทวัญวิทย์ อายุ 77 ปี เดินทางมาจากบ้านพักย่านสำโรง กล่าวด้วยความปลื้มปีติว่า ปกติเดินทางมาไหว้พระในพระอุโบสถวัดพระแก้วเป็นประจำทุกวันพระ เมื่อทราบข่าวว่าจะมีขบวนเชิญน้ำอภิเษกและน้ำสรงพระมุรธาภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตั้งใจมารอชมตั้งแต่เช้าตรู่ที่ผ่านมา ติดตามข่าวทางโทรทัศน์ วันนี้ได้เห็นขบวนจริง รู้สึกปลื้มปีติมาก ส่วนวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จะมาชื่นชมพระบารมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิด ในบริเวณที่จัดให้เฝ้าฯ รับเสด็จ
       น.ส.อรอุมา บัวทอง อายุ 40 ปี พนักงานบริษัทเอกชน กล่าวว่า เดินทางจากที่พักย่านบางแค มารอชมขบวนเชิญคนโทน้ำอภิเษกตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตจะได้ร่วมพระราชพิธีสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อนหน้านี้มาร่วมชมขบวนเชิญคนโทน้ำอภิเษกจากกระทรวงมหาดไทยไปวัดสุทัศน์ด้วย 
       "สถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย ในฐานะพสกนิกร อยากเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มากที่สุด แม้ว่าจะเปลี่ยนแผ่นดินแล้ว แต่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นตัวแทนพ่อของแผ่นดิน ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจห่วงใยทุกข์สุขของราษฎรเสมอมา ตนเองยังเป็นจิตอาสาในโครงการประชาชนจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ ในพระราชดำริสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งใจว่าจะมาร่วมพิธีสำคัญตลอดจนช่วงพระราชพิธี 4-6 พ.ค. เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้" น.ส.อรอุมากล่าว
       วันเดียวกัน ที่ตึกนารีสโมสร นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ แถลงว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) จัดทำเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนได้เชิญไปประดับในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยรายได้จากการจำหน่ายเข็มที่ระลึกทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่าย รัฐบาลจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย 
       นายวิษณุแถลงอีกว่า เข็มที่ระลึกพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จัดทำด้วยวัสดุดีบุกผสมทองแดง แข็งแรงทนทาน ขึ้นรูปตามแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีขนาดความสูง 3.8 เซนติเมตร ชุบทองด้านหน้าและหลัง พื้นสีน้ำเงินลงยา ขอบสีทอง พระปรมาภิไธย วปร ลงยาสีขาว มหาเศวตฉัตร 9 ชั้น และฉัตร 7 ชั้น ลงยาสีขาว แพรแถบสีทอง ราชสีห์ลงยาสีขาว และคชสีห์ลงยาสีม่วงอมชมพู ข้อความพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ลงยาสีเขียวสนิม ตัวหนังสือสีทอง ด้านหลังเข็มที่ระลึกจารึกตัวอักษรพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 เข็มกลัดด้านหลังพร้อมหัวล็อกใช้วัสดุทองเหลืองชุบทอง เข็มที่ระลึกบรรจุในกล่องจัดทำด้วยกระดาษอาร์ตอัดลาย ความหนา 120 แกรม เคลือบสีเหลืองทอง หุ้มพลาสติก ขึ้นรูปทรงกล่องขนาด 6.4 x 6.8 x 2.8 เซนติเมตร ฝากล่องด้านบนประดับด้วยตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พิมพ์ด้วยสีทอง ด้านข้างในกล่องเป็นสีขาวงาช้าง จำหน่ายในราคาชุดละ 300 บาท 
       นายวิษณุกล่าวว่า สปน.เป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้จัดทำเข็มที่ระลึกแต่เพียงผู้เดียว ไม่อนุญาตภาคเอกชนรายใดจัดทำ หากพบถือว่ามีความผิดตามกฎหมายต้องดำเนินคดี รวมถึงขายเกินราคาก็ถือว่ามีความผิดเช่นกัน ทั้งนี้ ได้เปิดให้ประชาชนสั่งจองเข็มที่ระลึกฯ ผ่านที่ทำการไปรษณีย์ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสั่งจองผ่านระบบร้านค้าออนไลน์ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และเว็บไซต์ thailandpostmart.com ได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นมา โดยสามารถสั่งจองได้ไม่จำกัดจำนวน และไม่มีค่าใช้จ่ายการสั่งจอง โดยเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ที่มีประสงค์จะให้จัดส่งเข็มที่ระลึกถึงที่อยู่ผู้รับผ่านบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMS ในประเทศ ก็จะมีค่าธรรมเนียมการจัดส่งตั้งแต่ 40 บาทขึ้นไป โดยขึ้นอยู่กับจำนวนของเข็มที่ระลึกที่สั่งจอง 
       นายวิษณุกล่าวอีกว่า การจำหน่ายเข็มที่ระลึกครั้งนี้ นอกจากได้รับการสนับสนุนจากไปรษณีย์ไทยแล้ว ยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ในการนำเข็มที่ระลึกไปจำหน่ายยังสาขาบิ๊กซี 150,000 เข็ม โดยครั้งแรกจะจำหน่ายใน 10 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.เป็นต้นไป จนกว่าเข็มที่ระลึกจะหมด จำหน่ายสาขาละ 5,000 เข็ม รวม 50,000 เข็ม โดยภาคเหนือจำหน่ายที่ จ.เชียงใหม่ และพิษณุโลก, ภาคใต้จำหน่ายที่ จ.สุราษฎร์ธานี และสงขลา (หาดใหญ่), ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำหน่ายที่ จ.นครราชสีมา และอุบลราชธานี, ภาคกลางจำหน่ายที่ จ.นครสวรรค์, ภาคตะวันออกจำหน่ายที่ จ.ระยอง และที่ กทม.จำหน่ายที่สาขาราชดำริ 3 รอบ วันที่ 25, 30 เม.ย. และ 2 พ.ค. และสาขาดาวคะนอง ทั้งนี้ จำกัดจำนวนคนละ 2 เข็ม ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองคลัง สปน. หมายเลขโทรศัพท์ 0-2283-4344 และ 09-2249-2671 
“ขอเชิญชวนข้าราชการทุกหมู่เหล่า ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมประดับเข็มที่ระลึกฯ เพื่อแสดงความจงรักภักดี และร่วมเฉลิมฉลองงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รวมทั้งเก็บรักษาไว้เป็นที่ระลึกแห่งความทรงจำ ทั้งนี้ การประดับเข็มเครื่องแบบข้าราชการสีกากี ประดับที่อกเสื้อด้านขวาเหนือป้ายชื่อ ทั้งบุรุษ สตรี, เครื่องแบบข้าราชการปกติขาว บุรุษให้ประดับที่อกเสื้อเบื้องขวาเหนือปากกระเป๋าเสื้อ สตรีให้ประดับที่อกเสื้อเบื้องขวา, ชุดสุภาพ ชุดผ้าไทย ชุดสากลนิยมให้ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้ายทั้งบุรุษและสตรี และชุดสูทสากล ให้ประดับที่รังดุมคอพับ ของเสื้อชั้นนอกเบื้องซ้าย ทั้งบุรุษและสตรี” นายวิษณุกล่าว. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"