ประยุทธ์นำซ้อมริ้วขบวนฯ


เพิ่มเพื่อน    

    จัดซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพยุหยาตราสถลมารคเสด็จเลียบพระนคร ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พื้นที่จริงครั้งที่สอง "นายกฯ" พร้อม ผบ.เหล่าทัพร่วมฝึกเดิน "คณะอนุกรรมการฯ" เตรียมจัดซ้อมใหญ่อีกครั้ง 28 เม.ย. ก่อนประชุมทบทวนหลังการปฏิบัติ 30 เม.ย.นี้
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เม.ย.62 เวลา 13.14 น. กองอำนวยการจัดริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ พยุหยาตราสถลมารค ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ได้จัดประชุมกองอำนวยการ ที่อาคารสวนเจ้าเชตุ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ถนนสนามไชย กรุงเทพฯ มี พล.อ.ชัยชนะ นาคเกิด เสนาธิการทหารกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ กองทัพภาคที่ 1 กรมศิลปากร กรุงเทพมหานคร เป็นต้น
    ในที่ประชุมได้มีการรายงานผลการปรับปรุงแก้ไขตามข้อสั่งการของผู้บัญชาการทหารบก จากการซักซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพยุหยาตราสถลมารค เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2562 ที่ผ่านมา โดยสรุปว่า จากที่กำหนดต้องใช้เวลา 4 ชั่วโมงครึ่ง ปรากฏว่าใช้เวลาจริง 5 ชั่วโมง 51 นาที แบ่งเป็นการเดินอย่างเดียว 4 ชั่วโมงครึ่ง เวลาพัก 1 ชั่วโมง 23 นาที 
    โดยผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งข้อมูลการปฏิบัติ ในการเดินปรับรูปแบบการเดินยกเท้าสูง 25 เซนติเมตร ด้วยลักษณะการงุ้มปลายเท้า ต้องเพิ่มเส้นสะท้อนแสงตั้งแต่ออกจากวัดบวรนิเวศฯ เป็นต้นไป เพราะเป็นเวลาช่วงพลบค่ำ ส่วนแม่ทัพภาคที่ 1 ได้สั่งการให้ชุดตำรวจ ทหาร กทม. ตรวจเส้นทางล่วงหน้า 1 ชั่วโมง ว่ามีสิ่งกีดขวางเป็นอุปสรรคต่อการเดินหรือไม่ โดยขอให้ปฏิบัติข้อดีด้วยความเคร่งครัด ในส่วนของกรมศิลปากร ได้เสนอแนะให้ติดตั้งเสาชัยทั้งด้านซ้ายและขวาบริเวณเกยทั้ง 3 วัด เพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประคองพระองค์ระหว่างทรงพระดำเนินขึ้นลงเกย 
    ทั้งนี้ เกยบริเวณวัดบวรนิเวศวิหารและวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม มีความกว้าง 1.65 เมตร แต่เกยบริเวณวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม จะแคบกว่าเหลือเพียง 87 เซนติเมตร ดังนั้นควรติดตั้งเสาชัยทีละเสา มีการถอดสอดสลับข้างได้ รวมทั้งที่ระเบียงคดวัดพระแก้วต้องถอดได้ เพราะหน้าแคบ 
    ในวันอาทิตย์ที่ 28 เม.ย. คณะอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราสถลมารคจะจัดซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพยุหยาตราสถลมารคเสด็จเลียบพระนคร ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ในพื้นที่จริงอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะมีการมีการประชุมทบทวนหลังการปฏิบัติในวันที่ 30 เม.ย. เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 3 บก.ทภ.1
    จากนั้นเวลา 16.37 น. คณะอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราสถลมารค ภายใต้คณะกรรมการฝ่ายพิธีการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้จัดการฝึกซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพยุหยาตราสถลมารคเสด็จเลียบพระนคร ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เป็นการฝึกซ้อมในพื้นที่จริงครั้งที่สอง โดยมีบุคคลสำคัญร่วมฝึกซ้อม ในส่วนของผู้อำนวยการริ้ว อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี, นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา, พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทสส., พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.,  พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ. และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. 
    โดยมี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ร่วมฝึกซ้อมในส่วนของแถวแซงเสด็จพระราชยานด้วยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 3 ขบวนพยุหยาตราสถลมารคเลียบพระนคร อันเป็นริ้วขบวนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯ จากพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ในพระบรมมหาราชวัง ไปทรงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร - วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม - วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ด้วยพระราชยานพุดตานทอง ในวันที่ 5 พ.ค. เวลา 16.30 รวมระยะทาง 6.77 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาประมาณ 5 ชั่วโมง 51 นาที โดยริ้วขบวนมีความยาวประมาณ 500 เมตร 
    การซ้อมในวันนี้มีการสมมุติพิธีการในพระบรมมหาราชวังตามจริง เริ่มตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงจากรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ไปยังเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ประทับบนพระราชยานพุดตานทอง แล้วเริ่มตั้งขบวนพระบรมราชอิสริยยศพยุหยาตราสถลมารค รวมทั้งมีการฝึกซ้อมยิงปืนใหญ่สลุตบริเวณท้องสนามหลวง 2 นัด นัดแรกตอนเริ่มเคลื่อนขบวน และนัดที่สองยิงปืดท้ายเสร็จสิ้น โดยในวันพระราชพิธีจริง 5 พ.ค.2562 จะมีการยิงปืนใหญ่สลุตทั้งสิ้น 21 นัด 
    สำหรับเส้นทางที่ใช้ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร เริ่มจากเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท เลี้ยวซ้ายประตูพิมานไชยศรี เลี้ยวขวาประตูวิเศษไชยศรี มุ่งหน้าสู่ถนนหน้าพระลาน เลี้ยวซ้ายแยกศาลหลักเมืองถนนราชดำเนินใน แล้วเลี้ยวขวาแยกผ่านพิภพลีลา ถนนราชดำเนินกลาง จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนตะนาว ตรงไปยังเกยวัดบวรนิเวศวิหาร ระยะทาง 1.9 กิโลเมตร ต่อมาออกจากวัดบวรนิเวศฯ เลี้ยวขวาถนนพระสุเมรุ และเลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนินกลาง ตรงไปยังแยกโรงแรมรัตนโกสินทร์ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบคลองหลอด ตรงไปจนถึงแยกถนนอัษฎางค์ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนเฟื่องนคร ไปตามเส้นทางหลังกระทรวงมหาดไทย จนถึงเกยประตูวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ระยะทาง 3.18 กิโลเมตร
    จากนั้นขบวนออกจากเกยประตูวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ตรงไปเลี้ยวขวาถนนเจริญกรุง มุ่งหน้าสู่แยกท้ายวัง เข้าสู่ถนนท้ายวัง ตรงไปยังเกยวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ระยะทาง 500 เมตร ต่อมาริ้วขบวนออกจากเกยวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามทางถนนท้ายวัง เลี้ยวขวาถนนมหาราช มุ่งหน้าสู่แยกท่าช้าง แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนหน้าพระลาน ตรงไปจนถึงหน้าประตูวิเศษไชยศรี และเลี้ยวขวาเข้าประตู ตรงไปจนถึงประตูพิมานไชยศรี เลี้ยวซ้ายกลับไปยังพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง รวมระยะทาง 6.77 กิโลเมตร สำหรับรูปแบบริ้วขบวนนั้นเป็นการเดินตามเสียงกลองนับก้าว 75 ก้าวต่อนาที ก้าวละ 40 เซนติเมตร ประกอบเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช   บรมนาถบพิตร รวมทั้งสิ้น 6 เพลง ได้แก่ มาร์ชธงชัยเฉลิมพล มาร์ชราชวัลลภ เพลงใกล้รุ่ง เพลงยามเย็น เพลงสรรเสริญเสือป่า และเพลงสรรเสริญพระนารายณ์ ใช้พลแบกหาม 32 นาย และจะมีการสับเปลี่ยนกำลังพลแบกหามทุก 500 เมตร 
    รูปแบบริ้วขบวนเริ่มจากม้านำ 2 ม้าจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดุริยางค์ทหารบกนำขบวน 109 นาย หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 เป็นผู้บัญชาการกองผสม 1 นาย ทส.ผบก.กองผสม 1 นาย นายทหารประจำกองผสม 8 นาย กองพันทหารเกียรติยศนำจาก ร.1.รอ. 166 นาย หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 นำริ้ว 1 นาย ต่อมาเป็นกลองมโหระทึก 16 นาย สารวัตรกลอง 4 นาย กลองชนะลายเงิน 40 นาย กลองเงิน 40 นาย กลองชนะแถวลายทอง 40 นาย กลองชนะลายทอง 40 นาย สารวัตร 2 นาย แตรฝรั่ง 20 นาย แตรงอน 32 นาย สังข์ 8 นาย ถัดมาเป็นตอนผู้อำนวยการริ้ว ซึ่งประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562 ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ประกอบด้วย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวม 13 นาย ตามด้วยเครื่องสูงหน้า ประกอบด้วย ธงสามชาย 4 นาย ฉัตรเครื่องสูงหักทองขวางหน้า 40 นาย จากนั้นเป็นพระราชยานพุดตานทอง ที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับนั่งอยู่ ซึ่งจะมีคู่เคียงพระราชยาน อันเป็นข้าราชบริพารในพระองค์ฯ ฝ่ายพลเรือน และฝ่ายทหารอยู่คู่เคียงพระราชยานทั้ง 2 ฝั่ง ถัดมาเป็นฉัตรเครื่องสูงหักทองขวางหลัง 40 นาย ดุริยางค์กองทัพบก 74 นาย และปิดท้ายด้วยกองพันตามจากทหารกองพันเกียรติยศ ร.11 รอ. จำนวน 166 นาย 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเส้นทางทั้ง 2 ฝั่งที่มีริ้วขบวนพระราชพิธีเคลื่อนผ่าน มีประชาชนและจิตอาสาจำนวนมากพร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองเพื่อร่วมรับชมการซ้อมเสมือนจริงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกกันอย่างเนืองแน่นทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"