โชคดีที่เป็น 'รัฐบาลทหาร'


เพิ่มเพื่อน    

    ฝรั่งตั้ง "รัฐอิสระ" ในน่านน้ำไทย กลายเป็น "ข่าวโลก" ไปแล้ว
    ยิ่ง CNN พาดกระบาล วานซืน.........
    US bitcoin trader and girlfriend could face death penalty over Thai 'seastead'
    มันรับกัน "เป็นปี่-เป็นขลุ่ย" 
    พวกมันกะล่อน สำนักข่าวอย่าง CNN ก็หยิบประเด็นกะล่อนละเลงสีใส่ไทย
    คงจะให้คนทั้งโลกเข้าใจว่า ไทยก็ "ป่าเถื่อน" เหมือนสหรัฐฯ อย่างนั้นกระมัง ที่เอะอะก็ฆ่า?
    แรกๆ ผมก็เข้าใจว่า "นาย เชด แอนดริว เอลวอทอวสกี้" อเมริกันชน กับเมียไทย "นางนาเดีย" สร้างบ้านลอยน้ำเอง
    แต่ CNN บอก เป็นอาสาสมัครของ "บริษัท Ocean Builders" ตามโครงการ Seasteading
    เพจ "คัดข่าว" เขาแปลสรุปไว้ว่า.......
    "Seasteading" เริ่มต้นปี ๒๕๕๑ ที่แคลิฟอร์เนีย มหาเศรษฐี "ปีเตอร์ ธีเอล" เป็นเจ้าของไอเดียและให้ทุนสนับสนุนโครงการ 
    ปัจจุบัน ก่อตั้งเป็นสถาบันและกำลังเจรจากับรัฐบาลเฟรนช์โปลินีเซีย เพื่อสร้างเมืองลอยน้ำ
    ส่วนกรณีในไทย บริษัท Ocean Builders ได้นำแนวคิดนี้มา โดยสร้างนอกชายฝั่งจากเกาะภูเก็ตไป ๑๓ ไมล์ กะให้เป็น Seasteading แห่งแรกของโลก
    ผมอ่านที่ "กองทัพเรือ" แถลงวานซืน บอกว่า บ้านลอยน้ำนี้
    บริษัท Dream Yacht Charter ของ "นายดิพงศ์ บุญสูง" เป็นผู้รับจ้างสร้าง
    โดยบริษัทตั้งอยู่ในพื้นที่เช่าบริษัท Phuket Premier Boatyard Co,Ltd. ที่บ้านหยิด หมู่ ๗ ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
    นี่ถ้าไม่เกิดเป็นข่าวขึ้นมา และกองทัพเรือไม่ออกไปจัดการทันควันละก็ 
    น่านน้ำไทยตรงภูเก็ต พวกนี้ยึด หลั่งทักษิโณผ่านยูตุ๊บ ประกาศเป็น "รัฐอิสระ" อย่างเป็นทางการแน่
    เพราะมีออเดอร์ "สร้างบ้านลอยน้ำ" อีกร่วม ๒๐ หลัง ไปลอยเป็นพลรัฐ Seasteading
    เคราะห์ดีนะ ที่รัฐบาล โดย "กองทัพเรือ" ไหวทัน จัดการทันที ขืนปล่อยไป ๒-๓ เดือน อาจถูกมันฟ้องศาลโลกว่าไทยไปคุกคามอธิปไตยรัฐอิสระของมัน
    ซวย...เหมือนคดีปราสาทพระวิหารอีก!
    ถึงตอนนี้ "เบาใจ" ได้ 
    เพราะกองทัพเรือ "เข้มแข็ง-เอาจริง" ประสานทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง นำเรื่องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย
    นายทหารพระธรรมนูญ แจ้งความดำเนินคดีนาย "เชด แอนดริว เอลวอทอวสกี้" แล้ว
    ในข้อกล่าวหา กระทำการใดๆ เพื่อให้ประเทศชาติ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของประเทศตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ 
    หรือ เพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๙
    สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวของ "นาย เชด" แล้ว 
    ปิดหมายแจ้งคำสั่งปกครองให้คนต่างด้าวทราบแล้ว 
    และบันทึกรายชื่อลงระบบ PIBICS เป็นบุคคลต้องห้ามแล้ว!
    กรณีนี้ เป็นอุทาหรณ์ให้ "ทุกหน่วย" ตระหนัก ตรวจสอบ "ข้อบกพร่อง" ในประเด็น ว่า.....
    ปล่อยให้นายเชดออกไปสร้างบ้านลอยน้ำได้อย่างไร โดยไม่มีหน่วยงานไหนทราบเรื่องหรือประจักษ์เหตุ?
    ทั้งการสร้าง การลากจูงออกไป และการก่อสร้างในทะเล ซึ่งต้องใช้เวลานาน 
    และเป็นวัตถุใหญ่ แต่ไม่เห็น-ไม่ทราบกันเลย ซึ่งมันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ในระบบรัฐ?
    ทำให้ตัวอย่างของคำว่า "ช่องทางธรรมชาติ" เกิดขึ้นอีกช่องทางหนึ่ง สำหรับพวกจ้องหาทางหลบหนี หลีกเลี่ยง
    รวมถึงปรากฏการณ์ใหม่......
    เลาะตะเข็บทะเลแนวแดนประเทศ "ภาคพื้นน้ำ" สร้างรัฐอิสระของตนเอง
    เจาะจง-ชิมลาง "น่านน้ำไทย"!
    สมมุติตั้งสำเร็จ ถามว่า นายเชดออกนอกประเทศไปทาง "ช่องทางไหน"?
    ผ่านด่าน ตม. "ในทะเลตรงนั้น" ออกไปงั้นหรือ?
    ก็ไม่ใช่.....
    เพราะทะเลตรงนั้นอยู่ในเขตไทย เป็นทะเลไทย ดันทึกทักเป็นน่านน้ำสากล
    สมมุติ พ้นจากเขตไทยจริงๆ ก็แสดงว่า "หลบหนีออกนอกประเทศ" ทางช่องทางธรรมชาติ
    การเข้ามา ก็เป็นการ "ลักลอบเข้าประเทศ" ทางช่องทางธรรมชาติ
    ต้องถูกจับ ส่งตัวกลับสหรัฐฯ สถานเดียว!
    คิดเล่นๆ นะ ถ้ามันสร้างซัก ๒๐-๓๐ หลัง แล้วจะรู้ได้ไง ว่าไม่ใช่ฐานก่อการร้าย ซ่องสุม เป็นแหล่งบัญชาการมุ่งร้าย เป้าหมายทรัพยากรทางทะเล?
    อยากทำ seasteading ทำไมเจาะจงใช้ช่องทางทะเลไทย ทำไมไม่ไปทางทะเลสิงคโปร์ มาเลย์ หรือพม่าล่ะ?
    "ทางการไทย" น่าตั้งสมมุติฐานเป็นโจทย์ เพื่อตอบบ้างไม่งั้น ทั้ง ทางบก-ทางอากาศ-ทางทะเล ของไทย
    จะเป็น "ช่องทางธรรมชาติ" สากลไป?!
    กรณีบ้านในทะเลนี้ "นพ.ชูชัย ศุภวงศ์" รองประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ 
    เขียนเรื่อง "รัฐอิสระในทะเลไทยทําได้หรือ?" มีผู้นำมาโพสต์ เป็นคำตอบในข้อสงสัยได้หลายประเด็น
    ขออนุญาต "เก็บความ" เผยแพร่ต่อ เท่าที่พื้นที่อำนวยนะครับ.......
    จากกรณีสองสามีภรรยาคู่หนึ่งปลูกสร้างที่พักอาศัยลอยนํ้าในพื้นที่ทางทะเลภูเก็ต เมื่อ ๑๓ เม.ย.๖๒
    มีเป้าหมายจะสถาปนาเป็นรัฐอิสระหรือเขตปกครองตนเองขึ้นในอนาคต ใกล้บริเวณอาณาเขตทางทะเลของประเทศไทย 
    จากการตรวจสอบทราบว่า.....
    พิกัดที่สร้างสิ่งปลูกสร้างนั้น คือ ละติจูด ที่ ๙๘ องศา ๓๘.๕๑ ลิปดา E ลองจิจูดที่ ๗ องศา  ๒๙.๓๗ ลิปดา N 
    นับเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตต่อเนื่อง (Contiguous Zone) ของไทย
    เดือนที่แล้ว มีกฎหมายเพื่อการปฏิรูปที่สำคัญฉบับหนึ่งประกาศใช้เมื่อ ๑๒ มี.ค.๖๒ เป็นเครื่องมือรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล 
    ให้อํานาจเจ้าพนักงานสามารถบูรณาการ การดําเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทะเลและยังสามารถดําเนินการเป็นพิเศษในเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย กล่าวคือ     ตั้งแต่น่านนํ้าภายใน (Inner  Waters) ทะเลอาณาเขต จากเส้นฐาน ไม่เกิน ๑๒ ไมล์ทะเล (Territorial Waters) 
    และเขตต่อเนื่อง ออกไปอีก ๑๒ ไมล์ทะเล (Contiguous Zone) 
    รวมทั้ง เขตเศรษฐกิจจําเพาะ (Exclusive Economic Zones) คือ เขตที่มีความกว้างไม่เกิน ๒๐๐  ไมล์ทะเล จากเส้นฐาน และไหล่ทวีป (Continental Shelf)
    ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ จังหวัดชายทะเลทั้ง ๒๓ จังหวัดของไทย กําลังจะมีเขตทางทะเลที่ชัดเจนของแต่ละจังหวัด เพื่อช่วยให้การบังคับใช้กฎหมายทางทะเลที่มีอยู่ทุกฉบับ เกิดความชัดเจนและเกิดประโยชน์ต่อการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของไทย
    กฎหมายฉบับนี้ ได้ปฏิรูปโครงสร้าง ให้ทำงานอย่างมีเอกภาพ บูรณาการ และประสานการปฏิบัติงานในเขตทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ในแต่ละปี มีถึง  ๒๔ ล้านล้านบาท โดยประมาณ
    จึงกล่าวได้ว่า ..............
    พื้นที่ทางทะเลนั้น รัฐชายฝั่ง (ประเทศไทย) มีอํานาจอธิปไตย (sovereignty) เหนือน่านนํ้าภายใน 
    และทะเลอาณาเขต (ระยะ ๑๒ ไมล์ทะเลจากเส้นฐาน) 
    รวมถึงมี สิทธิอธิปไตย (sovereignty rights) เหนือเขตต่อเนื่องออกไปอีก ๑๒ ไมล์ทะเล 
    รวมทั้ง เขตเศรษฐกิจจําเพาะ และไหล่ทวีป (ระยะ ๒๐๐ ไมล์ทะเลจากเส้นฐาน) 
    ทั้งนี้ ประเทศไทยได้บัญญัติในเรื่องพื้นที่และเขตทางทะเลไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช ๒๕๖๐ ในมาตรา ๕๒ ที่บัญญัติว่า
    "มาตรา ๕๒ รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ รัฐต้องจัดให้มีการทหาร การทูตและการข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ"
    ดังนั้น การที่กลุ่มบุคคลที่มีแนวความคิดสถาปนาเป็นรัฐอิสระหรือเขตปกครองตนเองขึ้นในอนาคตบริเวณนอกอาณาเขตทางทะเลของประเทศไทย 
    และมีลักษณะกีดขวางหรืออาจสร้างความเสียหายให้แก่เส้นทางเดินเรือปกตินั้น สามารถตอบได้อย่างชัดเจนว่า "เป็นการละเมิดกฎหมายของประเทศไทยและกฎหมายระหว่างประเทศทางทะเล"
    แต่หากมีความประสงค์จะสร้างรัฐอิสระจริงๆ ก็ควรพิจารณาปลูกสร้างในทะเลหลวง (ทะเลหรือมหาสมุทรที่อยู่นอกน่านน้ำอาณาเขตของประเทศที่เป็นเจ้าของ) (High Seas) 
    หรือส่วนของทะเลที่มิใช่ส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจจําเพาะ (หรือถัดออกไปจาก ๒๐๐ ไมล์ทะเลจากเส้นฐาน) โดยเป็นพื้นที่ที่ทุกรัฐ มีเสรีภาพในการใช้ทะเลหลวง 
    เพื่อการเดินเรือ การบิน การวางสายเคเบิล และท่อทางใต้ทะเล การประมง การสร้างเกาะเทียม และสิ่งติดตั้งอื่นๆ รวมทั้ง การค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์
    แต่สําหรับพื้นที่ภายในเขต ๒๐๐ ไมล์ทะเลของไทยนั้น "ไม่สามารถกระทําได้"
    ............................
    Cr.ขอขอบคุณ "พลตรี ชัยวิทย์ ชยาภินันท์" และคณะอนุกรรมการปฏิรูปเรื่องทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 
    ในคณะกรรมการปฏิรูปทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
    ก็ขอบคุณ นพ.ชูชัย ที่ทำให้เข้าใจในประเด็นสำคัญๆ คิดแล้วก็ต้องขอบคุณฟ้าดิน
    ที่ทำให้ประเทศมี "รัฐบาลทหาร" ในช่วงหนึ่ง
    ไม่งั้น เรื่องนี้จะเข้าตามภาษิต "กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้" ในภาวะประเทศด้วย "รัฐบาลเลือกตั้ง".


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"