สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ "พล.ร.อ.ม.จ.ปุสาณ" เป็นผู้แทนพระองค์ในพระราชพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาลในวัดพระแก้ว ฤกษ์มงคล 08.19-11.35 น.วันที่ 23 เม.ย.นี้ เชิญชวนประชาชนชมถ่ายทอดสดงานบรมราชาภิเษก ด้าน กอร.พระราชพิธีฯ พร้อมรับคนทั้งทางบกและทางน้ำ จัดจุดจอดรถรอบ กทม.อำนวยความสะดวกเข้าพื้นที่รับเสด็จร่วมงานพระราชพิธี
    เมื่อเวลา 15.50 น. วันที่ 22 เมษายน 2562 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เสด็จแทนพระองค์ไปในการพระราชพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏดวงพระบรมราชสมภพและแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพุทธศักราช  2562 โดยมีสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง
    การนี้ พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เสด็จเข้าไปในพระอุโบสถเพื่อทรงร่วมในพิธีเจริญพระพุทธมนต์โดยพระสงฆ์ 10 รูป ซึ่งในขณะนั้นโหรหลวงบูชาพระเกตุที่มุมกำแพงแก้วพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงกราบ ทรงถวายความเคารพพระราชอาสน์ ประทับพระเก้าอี้ทรงศีล เจ้าหน้าที่กรมศาสนาอาราธนาพระปริตร พระสงฆ์ 10 รูปเจริญพระพุทธมนต์ เมื่อถึงบทเสกน้ำพระพุทธมนต์ผู้แทนพระองค์ทรงจุดเทียนที่ฝาครอบพระกริ่ง จากนั้นเจ้าพนักงานพระราชพิธีถวายครอบพระกริ่งแด่ประธานสงฆ์ และเมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบ ผู้แทนพระองค์ทรงประเคนผ้าไตรถวายแด่พระสงฆ์ 10 รูป พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระอุโบสถ จากนั้นผู้แทนพระองค์ทรงกราบหน้าเครื่องนมัสการถวายความเคารพพระราชอาสน์ แล้วเสด็จกลับ
    สำหรับวันที่ 23 เมษายน จะมีพระราชพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล เวลาฤกษ์ 08.19-11.35 น. ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง โดยคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเชิญชวนประชาชนรับชมการถ่ายทอดสดพระราชพิธีผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยในช่วงเช้าวันที่ 23 เม.ย.ตั้งแต่เวลา 09.25 น.เป็นต้นไป
    ที่กระทรวงกลาโหม (กห.) พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ  พร้อมด้วยนายวิทยา ยาม่วง ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมกองอำนวยการร่วม (กอร.) ถวายความปลอดภัยและการจราจรงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อเตรียมความพร้อมการอำนวยความสะดวกจุดจอดรถของประชาชนที่เข้าร่วมงานพระราชพิธีว่า กอร.ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันเฝ้าฯ รับเสด็จในวันที่ 4-6 พ.ค. ตลอดระยะทาง 7,150 เมตร ทั้งนี้ได้เตรียมสถานที่ไว้รองรับพี่น้องประชาชนและอำนวยความสะดวกไว้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งประชาชนที่อาศัยอยู่ใน กทม.สามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลจอดได้ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลาดพร้าว, บริเวณสำนักงานศาลยุติธรรม, สำนักงานอัยการ จนถึงธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
    โดยจะมีรถชัตเติลบัสจากกระทรวงคมนาคมนำประชาชนเข้าสู่พื้นที่บริเวณงาน ซึ่งก่อนที่จะเข้าสู่พื้นที่บริเวณงานได้กำหนดจุดรวมพลเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนรอบเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน เริ่มตั้งแต่สนามม้านางเลิ้ง, บ้านมนังคศิลา, บ้านพิษณุโลก, วัดเทพศิรินทร์, เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า, เชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และเชิงสะพานพระราม 8 ด้านฝั่งธนบุรี ซึ่งจะมีโรงครัวพระราชทานเพื่อให้ประชาชนรับประทานอาหารกลางวันและดื่มน้ำให้เรียบร้อย รวมทั้งยังจัดหน่วยแพทย์พระราชทานคอยดูแลความพร้อมทางด้านสุขภาพร่างกายและให้คำแนะนำก่อนเข้าสู่พื้นที่รับเสด็จ โดยจะให้บริการพี่น้องประชาชนตั้งแต่วันที่ 2-6 พ.ค. พร้อมกันนี้ได้จัดรถชัตเติลบัสรับส่งประชาชนบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและสนามกีฬาแห่งชาติเพิ่มเติมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อไม่ให้การจราจรในพื้นที่ชั้นในเกิดความแออัด
    นอกจากนี้ ในจุดรวมพลดังกล่าวยังมีเต็นท์นิทรรศการให้ประชาชนได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียม ประเพณี ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พร้อมทั้งมีวงดนตรีจากนักเรียนโรงเรียนต่างๆ คอยขับกล่อม 
    สำหรับประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด รัฐบาลได้เตรียมพื้นที่จอดรถรอบกรุงเทพฯ ไว้ 26  จุด อาทิ เมืองทองธานี, ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ, สนามกีฬาธูปะเตมีย์, สนามกีฬาบุณยะจินดา, คลังสินค้าลาดกระบัง, อิเกียและไบเทคบางนา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (บางมด), บริเวณพุทธมณฑล, เซ็นทรัลศาลายา และเซ็นทรัลเวสต์เกต สามารถรองรับรถยนต์ประชาชนได้เกือบ  40,000 คัน โดยมีรถชัตเติลบัสของกระทรวงคมนาคมไว้คอยบริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมทั้งมีการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจและจิตอาสาดูแลยานพาหนะให้ประชาชน
    สำหรับประชาชนที่ต้องการพักค้างแรม กอร.พระราชพิธีฯ ได้จัดจุดพักค้างคืนให้จำนวน 2 จุด  ได้แก่ อาคารกีฬาเวสน์และพุทธมณฑลศาลายา
    ทั้งนี้ หลังจากประชาชนเฝ้าฯ รับเสด็จเสร็จสิ้นแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่นำกลับและมีอาหารเย็นบริการที่จุดรวมพลด้วย สำหรับประชาชนที่จะเดินทางโดยรถไฟ เจ้าหน้าที่ได้จองรถไฟขบวนพิเศษไว้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, ฉะเชิงเทรา และจังหวัดนครปฐม เดินทางเข้ามาที่หัวลำโพงหรือสะพานยมราช เพื่อเดินทางมายังจุดรวมพลที่วัดเทพศิรินทร์ ก่อนไปร่วมรับเสด็จต่อไป 
    ในส่วนห้องน้ำ กรุงเทพมหานครได้จัดเตรียมรถสุขาเคลื่อนที่ไว้ให้บริการตามจุดต่างๆ ทั่วพื้นที่ ทั้งนี้ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย 
    นอกจากนี้ยังมีการตั้งจุดคัดกรองจากเส้นทางสะพานพุทธ คือบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศและแยกเฉลิมกรุง รวมถึงสะพานเจริญรัช โดยประชาชนที่เดินเข้าทางนี้สามารถเข้ามารับเสด็จบริเวณถนนวัดพระเชตุพนและวัดราชบพิธ รวมถึงเข้ามาทางถนนพระอาทิตย์เพื่อเข้าสู่สนามหลวงได้ด้วย
    อย่างไรก็ตาม กทม.ได้จัดพื้นที่ตามซอยตามแยกต่างๆ ไว้เป็นแก้มลิงเพื่อพักคอย มีน้ำดื่มจำนวน  78 จุดไว้บริการ หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้วในเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่จะเชิญให้ประชาชนเข้าเส้นทางรับเสด็จในเวลาที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้นั่งกลางแดดนาน โดยได้เตรียมเสื่อไว้ให้รองนั่งตามเส้นทางเสด็จฯ ด้วย ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งให้ดูแลประชาชนอย่างดีเพราะทุกคนเป็นแขกของพระองค์ท่าน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องให้บริการและให้ข้อมูลทุกอย่างได้หมด เมื่อประชาชนถามมาต้องตอบได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนจุดไหน 
    นอกจากนี้ สิ่งที่ทุกคนต้องพกติดตัวไว้คือบัตรประชาชนในการเข้าพื้นที่ เพราะบัตรประชาชนถือเป็นบัตรเชิญ รวมถึงร่มกันแดดและกล้วยตากไว้เพิ่มพลังงาน โดยแนะนำว่าควรจิบน้ำบ่อยๆ ซึ่งได้จัดเตรียมไว้หลายจุด
    นายวิทยากล่าวด้วยว่า สำหรับการเดินทางทางน้ำ กรมเจ้าท่าได้จัดเตรียมเรือไว้บริการฟรีตั้งแต่วันที่ 4-6 พ.ค.ได้แก่เรือด่วนเจ้าพระยาจากนนทบุรี-ท่าเรือปิ่นเกล้า ฝั่งพระนคร จำนวน 4 เที่ยว และเรือข้ามฟากฟรี ระหว่างวันที่ 4- 6 พ.ค. ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. และจากท่าเรือสาทรถึงท่าเรือสะพานพุทธจำนวน 4 เที่ยว.