'ธนาธร' อนาคตดับ?


เพิ่มเพื่อน    

          "หุ้น" กับนักการเมือง ดูเหมือนจะเป็นของแสลงกัน

                แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวหุ้น

                นักการเมืองต่างหากที่มักวางกับดักตัวเอง

                ดูอย่างกรณีซุกหุ้นของ "ทักษิณ ชินวัตร" 

                เพราะคดในข้องอในกระดูก หลบกฎหมายเลี่ยงการตรวจสอบ สุดท้าย "ทักษิณ" ถูกแปะบนหน้าผากประจานมาจนถึงวันนี้              

                โอนหุ้นให้คนขับรถ คนใช้ 

                ยังไม่เข็ด เกิดกรณีซุกหุ้นภาคสอง ตามด้วยถูกยึดทรัพย์ ๔.๖ หมื่นล้านบาท

                กรณีของ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" มีคนบอกว่าไม่เหมือนกรณีทักษิณ เพราะ "ธนาธร" ไม่ได้โกง ไม่ได้เลี่ยงภาษี

                แต่ระหว่าง "ทักษิณ" กับ "ธนาธร" มีภาพซ้อนที่ลงตัวราวกับเป็นภาพเดียวกัน

                คือ....เศรษฐีเล่นการเมือง

                และมีปัญหาเรื่องหุ้นเหมือนกัน

                "ทักษิณ" ใช้วิธีซ่อนและซุกหุ้น

                แต่ ป.ป.ช.ชุดที่แข็งแกร่งที่สุด มีประธานชื่อ "โอภาส อรุณินท์" เป็นประธาน มีมติด้วยคะแนน ๘  ต่อ ๑ ระบุว่า "ทักษิณ" จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ แล้วยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด

                ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ "ทักษิณ" พ้นผิด ด้วยมติเฉียดฉิว ๘ ต่อ ๗ เสียง 

                เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อปี ๒๕๔๓ แม้หลายคนจะไม่เห็นด้วยกับศาลรัฐธรรมนูญ แต่ทุกฝ่ายเคารพ จบคือจบ

                ไม่มีใครไปด่าทอศาลรัฐธรรมนูญว่ารับใช้ทักษิณ

                แม้จะข้องใจตุลาการเป็นรายบุคคล แต่การดิสเครดิตองค์กรอิสระแทบไม่มีใครทำกัน

                มายุคนี้ต่างออกไปเยอะพอควร 

                ยังไม่มีใครบอกว่า "ธนาธร" โกง เพียงแต่ขุดคุ้ยให้สาธารณะได้ทราบว่า บุคคลที่ประกาศว่าจะสร้างความเท่าเทียม สร้างสังคมประชาธิปไตย ยุติการรวมศูนย์ รวมไปถึงปฏิรูปกองทัพ กลับมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติการเป็น ส.ส.

                ก่อนที่นักการเมืองจะสร้างสิ่งใหญ่โต ด่านแรกต้องจัดการตัวเองให้ได้เสียก่อน

                 รัฐธรรมนูญ มาตรา ๙๘ (๓) ที่ห้ามมิให้ผู้ลงสมัคร ส.ส. เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อใดๆ

                "ธนาธร" ยืนยันว่า ทิ้งหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ไปแล้วจริงๆ ในวันที่ ๘ มกราคมที่ผ่านมา

                แต่ กกต.มีมติเอกฉันท์ แจ้งข้อกล่าวหา "ธนาธร" เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา ๙๘ (๓) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา ๔๒  (๓)

                แล้วฟ้าลูกพ่อชี้หน้าด่ากราดทุกคนที่ตรวจสอบ "ธนาธร" ว่ากลั่นแกล้ง ขัดขวางไม่ให้เข้าสภา

                ขณะที่การตรวจสอบเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น กลับมีการปลุกกระแส ปกป้อง "ธนาธร" ทุกวิถีทาง อ้างว่าเรื่องของ "ธนาธร" คือเรื่องของความเป็นความตาย "ประชาธิปไตย"

                ไม่มีใครไปบังคับขู่เข็ญให้ "ธนาธร" เปิด บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด หรือเป็นเจ้าของสื่อสิ่งพิมพ์

                ไม่มีใครไปข่มขู่ให้ "ธนาธร" เล่นการเมือง

                ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องของธนาธร โดยธนาธร และเพื่อธนาธรเองทั้งสิ้น

                ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนต้องมีคุณสมบัติครบตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายเลือกตั้งกำหนดไว้

                หากพบว่าในวันสมัครรับเลือกตั้งยังคงถือหุ้น หรือเป็นเจ้าของสิ่งพิมพ์อยู่ ไม่ว่าจะกี่คน หรืออยู่พรรคไหน ล้วนต้องถูกตรวจสอบ

                ไม่เฉพาะ "ธนาธร"

                หากสอบแล้ว ล้าง ส.ส.ไปค่อนสภา ก็ต้องเลือกตั้งใหม่

                แล้วทำไมต้องตรวจสอบ "ธนาธร"?

                นักการเมืองน้ำดี รุ่นใหม่ ควรปล่อยผ่านไม่ใช่หรือ?

                แล้วทำไมต้องชำแหละกันเอาเป็นเอาตาย

                เอาถึงขั้น ตัดสิทธิทางการเมือง ๒๐ ปี

                หรือยุบพรรคอนาคตใหม่

                ประเทศนี้จะไม่ยอมให้มีพรรคคนรุ่นใหม่เกิดขึ้นมาเลยหรืออย่างไรกัน

                ถ้าจะหาคำตอบ ไม่ต้องไปไหนไกล

                อยู่ที่ "ธนาธร" นั่นแหละ

                อย่าหลงประเด็นว่าการต่อสู้เพื่อ "ธนาธร" คือการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

                หุ้นวี-ลัค มีเดีย กับ ประชาธิปไตย ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย

                ก่อนอื่นต้องเข้าใจ วันนี้ "ธนาธร" ยังไม่มีความผิดจากกรณีโอนหุ้นไม่ทันตามกำหนดก่อนวันสมัครรับเลือกตั้ง

                แม้ "ธนาธร" จะตาลีตาเหลือกบึ่งรถเข้ากรุงเทพฯ เพื่อโอนหุ้น ทั้งๆ ที่ยังไม่มีใครรู้พระราชกฤษฎีกาประกาศเลือกตั้งจะออกวันไหน

                วันสมัครรับเลือกตั้งมีขึ้นวันที่เท่าไหร่

                วันทิ้งหุ้นวี-ลัค มีเดีย และทำไมต้องเป็น ๘ มกราคม ไม่ใช่ ๒๑ มีนาคม วันที่ส่งแบบ "บอจ.๕" ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

                "ธนาธร" กับครอบครัวเท่านั้นที่รู้

                ฉะนั้นตอนนี้ "ธนาธร" กำลังดิ้นสู้กับกฎหมาย

                ไม่มีใครทำให้ "ธนาธร" และบริวารต้องพล่านอยู่กับการแก้ตัว แต่เพราะบทบัญญัติในกฎหมาย บังคับให้ "ธนาธร" ต้องพูดความจริง

                กฎหมายแปลความเป็นอย่างอื่นไม่ได้

                เมื่อกำหนดเอาไว้ชัดเจนว่า ผู้สมัคร ส.ส.ต้องไม่ถือหุ้นสื่อสิ่งพิมพ์ ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนต้องปฏิบัติตามนั้น

                ไม่ควรมีคำว่าบกพร่องโดยสุจริตเกิดขึ้นอีกแล้ว

                แต่มีผู้รู้ ทั้งอดีต กกต. นักวิชาการ นักเคลื่อนไหว นักการเมือง พยายามบอกว่า จดทะเบียนบริษัท ส่วนใหญ่แล้วกำหนดวัตถุประสงค์แบบกว้างกันทั้งนั้น

                เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกิจ

                เจ้าของธุรกิจไม่ต้องวุ่นวายและเสียเวลาจดทะเบียนพิ่มเติม

                สื่อสิ่งพิมพ์ก็อยู่ในวัตถุประสงค์การตั้งบริษัทแบบกว้างๆ ฉะนั้นหากจะตรวจสอบกันจริงๆ จะเกิดโดมิโน เพราะผู้สมัคร ส.ส.จำนวนมาก มีบริษัทและจดแจ้งว่าทำสื่อสิ่งพิมพ์

                จะกลายเป็นฆ่าควายเสียดายเกลือ

                หากจะเอาตามนั้น...ต่อจากนี้ไปไม่ต้องเอาผิดกับผู้สมัคร ส.ส. เพราะการตั้งบริษัทต้องแจ้งวัตุประสงค์ครอบจักรวาล แต่ไม่ได้ทำธุรกิจสื่อจริง

                ก็ต้องถามกลับว่า เมื่อรู้อยู่แล้วว่าต้องสมัคร ส.ส.อาสารับใช้ประชาชน ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนควรรู้หรือไม่ว่าต้องจัดการกับตัวเองอย่างไรก่อน

                ทำไมนักการเมืองไม่ควรเป็นเจ้าของสื่อ?

                มีตัวอย่างให้เห็นเป็นระยะๆ ว่าการที่นักการเมืองเป็นเจ้าของสื่อนั้น มีผลกระทบต่อการรับรู้ข้อเท็จจริงของประชาชนอย่างรุนแรง

                ประเทศฝั่งยุโรป อเมริกา ถือเป็นเรื่องเลวร้าย หากนักการเมืองครอบงำสื่อ

                ตัวอย่างในประเทศไทย หลังการเติบโตของระบอบทักษิณ นอกจากจะรวบอำนาจการเมือง ธุรกิจแล้ว สื่อยังถูกครอบงำ รวมไปถึงการมีสื่อเป็นของตัวเอง

                วอยซ์ทีวีคือตัวอย่างของสื่อที่ตระกูลนักการเมืองเป็นเจ้าของ

                ทีวีเสื้อแดง เป็นอีกตัวอย่างของการนำบ้านเมืองเข้าสู่วิกฤติ

                การเผาเมืองปี ๒๕๕๓ เกิดจากการเสนอข่าวด้านเดียวของสื่อเสื้อแดง สื่อที่มีกลุ่มการเมืองบงการอยู่เบื้องหลัง

                และสุดท้ายเราได้เห็นความรับผิดชอบของนักการเมืองที่ใช้สื่อปลุกปั่นมวลชนแล้ว

                "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" เผยให้เห็นแล้วว่ารับผิดชอบต่อการใช้สื่อปลุกระดมแค่ไหน

                "เผาเลยครับพี่น้องผมรับผิดชอบเอง"

                แล้วไปรับผิดในศาลว่า เคยจัดรายการทีวีสภาโจ๊ก ล้อเลียนการเมือง

                จึงมักจะกล่าวล้อเลียนการเมือง

                นั่นคือความรับผิดชอบ อย่างนั้นหรือ

                กรณี "ธนาธร" เคยมีสื่อเต็มมือ โดยเฉพาะนิตยสาร

                คำให้สัมภาษณ์ที่เป็นเรื่องเป็นราวก่อนนี้ เกือบทั้งหมดมาจากสื่อของ "ธนาธร" ที่กลับมาเชือดคอตัวเอง แทบทั้งนั้น

                และวันนี้ตระกูล "จึงรุ่งเรืองกิจ" ก็ยังคงถือหุ้นสื่อสิ่งพิมพ์อยู่

                และจุดบกพร่องนี้ ฟ้าลูกพ่อ มองไม่เห็นสักคน

                นอกจากสาระพาเฮโลไปกับสื่อเชียร์ธนาธร

                สำหรับสื่อไม่เชียร์ธนาธร "รุ่งเรือง ปรีชากุล" คนข่าวหนุ่มใหญ่ อดีตเคยอยู่ไทยรัฐ, สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ วิเคราะห์โหงวเฮ้งบนใบหน้า "ธนาธร" ตามตำรา "นรลักษณ์ศาสตร์"

                ....โครงสร้างโดยรวม หน้าผากแคบใบหน้ายาว เป็นคนขี้หงุดหงิด โมโหร้าย เห็นแก่ตัว คดในข้องอในกระดูก มักพบกับอุปสรรคอยู่เนืองๆ แม้จะทำผมกระบังลมเปิดทางแก้เคล็ดฮวงจุ้ยแล้วก็ตามที

                ตา-บ่งบอกถึงความคิด ก้าวร้าว ไม่ฉลาด มีลับลมคมใน เห็นตนเองดีกว่าใครทั้งหมด

                ปาก-บ่งบอกถึงนิสัย มีกิเลสมาก (ความโลภ) พูดจากลับกลอก ไม่อยู่กับร่องกับรอย

                จมูก-บ่งบอกถึงสินทรัพย์และฐานะ เป็นคนรวย แต่แกล้งเป็นไพร่

                หู-บ่งบอกถึงอำนาจและอายุ แหลมทั้งบนและล่าง จิตใจอำมหิต ไม่ฟังคำใคร

                คิ้ว-บ่งบอกถึงชื่อเสียงเกียรติยศ มักทำอะไรผิดพลาด เพราะคิดว่าตนเป็นศูนย์กลางจักรวาล ชื่อเสียงลาภยศจึงหลุดมือ

                จับยามสามตาแล้ว-หมอเล็กฟันธง อนาคตทางการเมืองดับ!....

                ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

                คนคางเหลี่ยม ตามตำราบอกว่า เป็นนักฉวยโอกาส

                แล้วตอนนี้เป็นไง.

                                          ผักกาดหอม

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"