ผมอารมณ์เสียมาก!'ธนาธร'อ้างกกต.มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ขู่เส้นของความอดทนมันใกล้หมดกันเต็มที


เพิ่มเพื่อน    

30 เม.ย.62- นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากรณีถือหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด อาจเข้าลักษณะขาดคุณสมบัติในการลงสมัครส.ส. นานกว่า 4 ชั่วโมงต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของสำนักงานกกต.ว่า บรรยากาศการชี้แจงส่วนใหญ่ตึงเครียด บางช่วงผ่อนคลาย ส่วนตัวหลังจากที่ได้ชี้แจงมีความรู้สึกว่า คดีนี้มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองมากเพราะแม้แต่คำถามพื้นฐานง่าย ๆ ที่ถามกับคณะกรรมการฯว่าเราผิดตรงไหน เพราะได้ทำเอกสารชี้แจงไปแล้ว มีตรงไหนที่กกต. ไม่เชื่อหรือเห็นว่าพวกเรากระทำผิด
    
"คำถามง่ายๆ แค่นี้ แต่คณะกรรมการฯไม่สามารถตอบหรือชี้แจงกับเราได้  ทำให้ในการชี้แจงไม่ใช่เป็นการถามเรื่องเหตุการณ์ แต่เถียงกันเรื่องหลักการ ว่าผมผิดตรงไหนเอกสารตรงไหนผิด หรือหลักฐานชิ้นใดทำให้ไม่น่าเชื่อว่าการโอนหุ้นครบถ้วนสมบูรณ์ตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 62 ซึ่งคณะกรรมการฯ ไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้เลย  หลังให้ข้อมูลทำให้ ผมเชื่อว่าคดีนี้มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง "

นายธนาธร ยังกล่าวด้วยว่า ตนเองเอาหลักฐานมาวางหมดแล้ว ก็ควรเอาไปถามคนที่ไม่เชื่อว่าจะเอาหลักฐานอะไรมาหักล้างหลักฐานของตน  และเห็นว่าไม่มีใครโต้แย้งหลักฐานที่ตนนำมาแสดงได้เลย ก็ต้องถือว่าผมไม่ผิดจริง ๆ แล้วจะมาเรียกร้องอะไรอีก วันนี้ไม่มีคนบอกว่าธนาธรผิด มีแต่คนตั้งคำถามแล้วเอาไปปั่นซ้ำ จนสังคมเชื่อว่าธนาธรผิดจริง ถ้าจะทำอะไรก็เอาหลักฐานมาคุยกัน  

“เรื่องที่ทำให้ผมอารมณ์เสียมาก คือ1 ปีของการทำพรรคอนาคตใหม่ ผมและแกนนำพรรคโดนไปแล้ว 16 คดี สองสัปดาห์ที่ผ่านมาคสช.ใช้อำนาจตามม.44 ช่วยกลุ่มทุนโทรคมนาคมเอื้อประโยชน์ให้หลายหมื่นล้าน  และมีคำสั่งผ่านพ.ร.บ.ท้องถิ่น ที่จะดึงอำนาจจากท้องถิ่นกลับมาส่วนกลาง แทนที่ผมจะเอาเวลาไปปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ไปศึกษาเรื่องเหล่านี้แล้วมารณรงค์ให้ประชาชนทราบข้อดีข้อเสีย  แต่กลับต้องเอาเวลามาแก้คดีนี้ แทนที่ผมและผู้สมัครจะเอาเวลาไปเตรียมตัวเรื่องบทบาทหน้าที่ของการเป็นส.ส.คุณภาพ  ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเสียใจว่าการเอาตัวบทกฎหมาย ไม่มีข้อเท็จจริงมาทำลายกันทางการเมือง ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปก็ต้องบอกว่า ผมมีรายชื่อว่าที่ส.ส.พรรคอื่น ไม่น้อยกว่า 30 คนที่มีคดีหุ้นเหมือนกัน"

เขากล่าวว่าถ้าจะทำกันอย่างนี้ก็จะเอาเรื่องนี้มาฟ้องบ้าง และฟ้องกลับบ้าง หลายกรณีที่(นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย) เอาเรื่องเท็จมาฟ้อง ซึ่งผิดกฎหมาย จนถึงวันนี้เรายังไม่ฟ้องกลับ และมีหลักฐานว่ามีสื่อมวลชนหลายสำนักเอาข้อความที่เป็นเท็จมาเผยแพร่ทำให้เกิดความเสียหายกับผมและพรรค  ก็ต้องบอกว่าความอดทนคนมีจำกัด ถ้าจะเดินหน้ากันต่อไปอย่างนี้เรื่อยๆ ที่ผ่านมาเราไม่อยากจะเดินไปถึงจุดนั้นอดทน อดกลั้นต่อสู้แนวทางสันติ แต่ช่องว่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันกับเส้นของความอดทนมันใกล้หมดกันเต็มที ถึงวันหนึ่งคงต้องใช้วิธีกฎหมายโต้กลับบ้าง และถึงเวลานั้นก็จะไม่มีใครมีเวลาไปบริหารประเทศ ทั้งประเทศไทยผู้มีอำนาจก็จะต้องใช้เวลามาแก้ตัว

นายธนาธร ยังประกาศว่า ขอสงวนสิทธิในการที่จะปกป้องชื่อเสียงของตนเอง ถ้าใครพิจารณาคดีความของตนแล้วทำให้เกิดความเสื่อมเสียก็จะใช้สิทธิดำเนินการทางกฎหมายตอบโต้ แต่ตนเป็นคนใจเย็น จะรอจนคสช.หมดอำนาจ เพราะมาตรา 157 มีอายุความ 15 ปีคสช.อยู่ในช่วงขาลงไม่มีทางครองอำนาจต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะรอให้คสช.หมดอำนาจแล้วดำเนินดคีกับคนที่ตัดสินตนโดยไม่ใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ ซึ่งจะรอให้ถึงวันนั้นแล้วฟ้องกลับ

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่กล่าวว่า วันนี้อยู่ในขั้นตอนการไต่สวน มีพ.ต.ท.ปรีชา นาเมืองรักษ์ เป็นประธาน เมื่อสอบสวนเสร็จก็จะเสนอกกต.พิจารณาวินิจฉัยต่อไป  วันนี้ยื่นหลักฐานไปทั้งหมด 26 รายการคำชี้แจงครบถ้วนทั้งหมด ข้อกล่าวหามีแค่ 3-4 บรรทัด จึงไม่ได้ชี้แจงมากเท่าไหร่แต่พูดคุยตั้งคำถามถึงการทำงานของกกต. ว่าทำไมจึงมีมติแจ้งข้อกล่าวหาโดยที่นายธนาธรยังไมได้ชี้แจง  โดยนายปรีชา เล่าให้ฟังว่า  กกต.มีข้อสงสัยว่า ตรวจสอบจากบอจ.5 แล้วมีชื่อนายธนาธรอยู่ จึงสงสัยว่าเป็นผู้ถือหุ้น ตนจึงถามกลับไปว่าตรวจสอบวันไหน ลงวันที่เท่าไหร่ พอตรวจสอบแล้วรู้ทันทีเลยหรือว่านายธนาธรถือหุ้น และทำไมกกต.ไม่ไปเปิดกฎหมายแพ่งพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรคสอง วรรคสามที่มีแนวคำพิพากษาศาลฎีกา และแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และถ้ายังสงสัยถือหุ้นจริงหรือทำไมไม่เรียกนายธนาธรไปสอบถาม แต่กลับมีมติแจ้งข้อกล่าวหาทันที ซึ่งผิดหลักการกฎหมาย  การแจ้งข้อกล่าวหาจะทำลอย ๆ ไม่ได้  ต้องมีองค์ประกอบความผิดและข้อเท็จจริงชัดเจน ไม่ใช่ผู้ร้องกล่าวหาอะไรมา กรรมการฯต้องดูว่ามีหลักฐานหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ต้องตกไป แต่นี่กลายเป็นว่าให้ผู้ถูกร้องมานั่งตอบเหมือนเอานายธนาธรมาดำน้ำ ลุยไฟ ถ้าผ่านไปได้ถึงจะเป็นผู้บริสุทธิ์   

ดังนั้นนายธนาธรในฐานะผู้เสียหายเราจะขอสงวนสิทธิในการดำเนินการตามกฎหมายต่อกกต.ต่อไป ทั้งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. ที่กำหนดโทษไว้ว่าถ้ากกต.ใช้อำนาจมิชอบด้วยกฎหมายมีโทษอาญา จำคุก โทษปรับและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งด้วย ต้องขอสงวนสิทธิไว้เพราะมีปัญหาจริงๆ กับการตั้งข้อกล่าวหา”

“ นี่ยังไม่รวมถึงการส่งเอกสารหนึ่งฉบับไปที่บ้านนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ (มารดานายธนาธร) ในฐานะผู้รับโอนหุ้น วันที่ 22 เม.ย.ถึงบ้านเวลา 13.45น. แต่ในหนังสือกลับให้มาชี้แจงในเวลา 10.30 ของวันเดียวกันซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมาชี้แจง แล้ววันที่ 23 เม.ย. ในช่วงเช้ากกต.ก็มีมติแจ้งข้อกล่าวหาทันที หมายความว่า การแจ้งกล่าวหาพิจารณาเพียงคำร้องซึ่งก็มีแค่  3-4 บรรทัด แล้วถ้าตรวจจากบอจ.5 โดยตีขลุมว่ามีชื่อก็แสดงว่ายังถือหุ้น ท่านวินิจฉัยผิด ถ้าจงใจวินิจฉัยผิดนั่นแสดงว่าใช้อำนาจโดยไม่ชอบ  ถ้าอยากวินิจฉัยถูกหรือไม่รู้กฎหมายทำไมไม่เรียกไปถามกลับลงมติทันที เรื่องนี้เรื่องใหญ่ และถ้าสมมุติถ้าเรื่องนี้บานปลายมีการสั่งแขวนชื่อนายธนาธร หรือให้ใบส้ม ซึ่งไม่มีอำนาจอยู่แล้ว  ถ้าจะเอากันถึงขนาดนั้นก็แสดงว่าการตั้งข้อกล่าวหาโดยใช้ดุลยพินิจไม่ชอบ ส่งผลเสียหายร้ายแรงกกต.ทั้ง 7 คนจะรับผิดชอบไหวหรือไม่ อย่ากลัวแรงกดดัน ความยุติธรรมและกฎหมายจะคุ้มครองท่านเอง แต่กกต.ต้องอยู่อีกนาน คสช.เดี๋ยวก็ไป ”นายปิยบุตร กล่าว

ทั้งนี้นายปิยบุตร ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ไปโพสต์สิ่งที่ได้มาชี้แจงพร้อมแสดงหลักฐานทั้งหมดลงในเพจของพรรคอนาคตใหม่ต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"