“บิ๊กอู๊ด” สานต่อแก้ทุจริต กำชับหัวไม่ส่ายหางไม่กระดิก


เพิ่มเพื่อน    

            เรียบร้อยโรงเรียน “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม “รุกรบจบเร็ว” เคลียร์ปมระดับประเทศให้เสร็จสิ้นภายใน 5 วัน หลัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เซ็นคำสั่งเด้งฝ้าฟ่า “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เข้าศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ไม่กี่ชั่วโมง คสช.ใช้ ม.44 ให้ถอดเครื่องแบบตำรวจ โอนย้ายไปเป็นข้าราชการพลเรือน เป็นที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี

                ปมคำสั่งเด้ง “บิ๊กโจ๊ก” ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ปิดปากเงียบ หรือแม้กระทั่ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร ซึ่งถือว่าเป็นนายใหญ่ของนายพลตำรวจดาวรุ่ง และกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ตอบคำถามนักข่าวถึงการสอบเอาผิดย้อนหลังอดีต ผบช.สตม. “ไม่มีแล้ว จบแล้ว” จนเป็นที่กังขาของสังคมมีการช่วยกันเองหรือไม่ ถ้าไม่มีความผิดแล้วจะมีคำสั่งเด้งและให้ถอดเครื่องแบบตำรวจทำไม??  ทุกอย่างก็ยังไม่มีคำตอบ และตัว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เองหนีเรื่องร้อนๆ ลาพักร้อนไปประเทศสหรัฐอเมริกา เพิ่งกลับเข้ารายงานตัววานนี้

                เก้าอี้ “ผบช.สตม.” เป็นหน่วยงานที่สำคัญระดับประเทศว่างลง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มี “ลุงป้อม”นั่งหัวโต๊ะ มีมติให้ “บิ๊กอู๊ด” พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ผบช.ตชด.) โยกมานั่งเก้าอี้ ผบช.สตม. และมีคำสั่งให้ พล.ต.ท.วิชิต ปักษา ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.) ไปดำรงตำแหน่ง “ผบช.สตม.” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร.มีคำสั่งให้ไปรักษาราชการแทนในวันเดียวกัน

                ตามคำสั่ง 247/2562 “บิ๊กอู๊ด” พล.ต.ท.สมพงษ์ รรท.ผบช.สตม. จึงทำพิธีส่ง-รับมอบหน้าที่ให้ พล.ต.ท.วิชิต รรท.ผบช.ตชด. รับไม้ต่อ คำสั่งครั้งนี้ “ปลาไม่ผิดน้ำ” เพราะ พล.ต.ท.วิชิตเคยเป็นตำรวจป่ามาก่อน ผบ.มว.ตชด.ร้อย ตชด.215, หนผ. 5 กก.ตชด.21 และ กก.อก.บก.ตชด.ภาค 2, รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4, ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชานแดนภาค 1, รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน, กระทั่งการแต่งตั้งผู้บัญชาการวาระปี 61 พล.ต.ท.วิชิต ขึ้นเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. และมีคำสั่งให้กลับถิ่นเก่า เป็น ผบช.ตชด. เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งนี้

                ถึงแม้จะมีคำถามจากสังคมมากมายถึงสาเหตุการเด้ง “ผบช.สตม.” คนเก่ายังไม่มีคำตอบ แต่ผลงานในห้วงระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ที่ “บิ๊กโจ๊ก” เข้ามาบริหารงานเป็นที่ประจักษ์ชัด ปัดกวาดบ้านตัวเอง สั่งเด้งข้าราชการ ตม.ที่ทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาสะสมมานานหลายปี ยิ่งสนามบินขนาดใหญ่หรือด่านตรวจคนเข้าเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก การทุจริตแสวงหาผลประโยชน์ก็เพิ่มเป็นเงาตามตัว จึงเป็นการจัดแถวตำรวจ ตม.กันใหม่ ทำให้ภาพลักษณ์และการทำงานของเจ้าหน้าที่ ตม.ดีขึ้น พร้อมบูรณาการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน ทั้งการท่าอากาศยาน ตำรวจท่องเที่ยว ปราบปรามปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้น ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ผลักดันชาวต่างชาติที่เป็นปัญหาออกนอกประเทศ เป็นมือประสานสิบทิศกับกงสุลประเทศต่างๆ เมื่อเกิดปัญหาขึ้น พร้อมประสานงานต่างประเทศขอความร่วมมือในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุในประเทศก่อนหลบหนีไปยังประเทศปลายทาง

                ผลงานเป็นที่จับต้องได้ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ “บิ๊กอู๊ด” พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง รรท.ผบช.สตม.คนใหม่ จะเข้ามาสานต่องานได้ทันที เป็นขนบธรรมเนียมไปลามาไหว้ พล.ต.ท.สมพงษ์ได้ทำพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระบรมสาทิสลักษณ์ รัชการที่ 7 จากนั้นเข้าสักการะพระสักกะเทวราช หรือหลวงพ่อเข้าเมือง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ พร้อมมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้แก่ข้าราชการในสังกัด สตม.ระดับหัวหน้าด่านขึ้นไป เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติงาน  โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับผู้บริหารของ สตม.เข้าร่วมรับฟังนโยบายอย่างพร้อมเพียง

                ที่ ก.ตรม. มีคำสั่งแต่งตั้ง “บิ๊กอู๊ด” พล.ต.ท.สมพงษ์ เป็น ผบช.สตม.แทน “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นการ “เปลี่ยนม้ากลางศึก” การทำหน้าที่ของ ผบช.สตม.คนเก่าถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของตำรวจไทยคนหนึ่งที่ทุ่มเทให้กับงาน นอกจากบัญชาการหน่วยงานตัวเองแล้ว ยังรับผิดชอบ 13 หน้างาน จับกุมคนร้ายที่กระทำความผิดทั่วประเทศ โดยเฉพาะการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โรแมนสแกม ที่คนต่างชาติคบคิดกับคนไทยหลอกคนไทยแทบไม่เหลือ คนร้ายต้องย้ายไปตั้งฐานต่างประเทศ ไม่วายถูกทีมงานศูนย์ปราบปรามเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ประสานความร่วมมือระหว่างต่างประเทศตามไปจับมาดำเนินคดี พร้อมทั้งนำทรัพย์สินที่ยึดได้เฉลี่ยคืนกับผู้เสียหาย รวมทั้งการกวาดล้างจับกุมแก๊งผู้มีอิทธิพลปล่อยกู้ดอกเบี้ยโหด จับกุมยึดทรัพย์คืนโฉนดที่ดินให้กับเหยื่อทั่วประเทศมูลค่าหลายพันล้าน

                “บิ๊กอู๊ด” พล.ต.ท.สมพงษ์ ได้เปิดเผยครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งถึงแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ ตม.ต้องตรงไปตรงมาตามที่รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้ โดยกำชับให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ทั้งในด้านความมั่นคงเพื่อป้องกันไม่ให้มีกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติเข้ามาในไทย และด้านการท่องเที่ยว ที่ต้องสร้างความสมดุลกัน เพราะหากเข้มงวดมากเกินไป อาจทำให้นักท่องเที่ยวลดลงได้ จึงต้องคัดกรองให้คนดีเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่จะถึงนี้ จะต้องเข้มงวด ไม่ให้มีอะไรกระทบได้เด็ดขาด ตม.ได้ประสานกับท้องที่และกองปราบปราม รวมถึงอินเตอร์โพล แต่ไม่กังวลตำรวจ ตม.มีความรู้ความสามารถ

                “การทำงานต่อจากนี้พร้อมสานต่อนโยบายของผู้บัญชาการแต่ละท่านในทุกยุค ที่ผ่านมา สตม.มีการบริหารที่ดีอยู่แล้ว และยังดีอย่างต่อเนื่อง ผู้บัญชาการทุกคนล้วนคิดดี หากมีอะไรที่ขาดตกบกพร่อง จะพยายามแก้ไขให้ดีขึ้น ทั้งนี้ในส่วนเรื่องปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์ภายในองค์กรนั้น เป็นที่รับทราบดี เราต้องช่วยกันแก้ไขเหมือนที่ผ่านมาในทุกสมัย ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาจะทำให้ดีที่สุด ใครทำผิดว่าตามผิดตามระบบกฎหมายปกติ พร้อมสั่งกำชับให้หัวหน้าหน่วยดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดี หากหัวไม่ส่ายหางคงไม่กระดิก”

                สำหรับประวัติของ “บิ๊กอู๊ด” พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง รักษา​ราชการ​แทน​ผู้บัญชาการ​สำนักงาน​ตรวจ​คน​เข้า​เมือง​ (รรท.ผบช.สตม.)​ เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 24 และนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 40 เริ่มรับราชการครั้งแรกเมื่อปี 2530 ในตำแหน่งรอง สว.สส.สภ.เมืองตรัง เติบโตขึ้นตามลำดับ เป็นผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.5 บก.ป.), ผู้กำกับการสถานีตำรวจยี่งอ จ.นราธิวาส (ผกก.สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส), รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (รอง ผบก.นราธิวาส), รองผู้บังคับการตำรวจสันติบาล (รอง ผบก.ส.), ผู้บังคับการ อารักขาและควบคุมฝูงชนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.อคฝ.), ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน (ผบก.แม่ฮ่องสอน), รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (รอง ผบช.ภ.5), รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (รอง ผบช.ปส.), รองผู้บัญชาการตำรวจนคบาล (รอง ผบช.น.) และกระทั่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ผบช.ตชด.) เมื่อปี 61 ก่อนได้รับการแต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่ง ผบช.สตม. เมื่อวันที่ 19 เม.ย.62​ที่ผ่านมา ในห้วงรับราชการ ผ่านการอบรมหลักสูตรที่สำคัญมากมาย อาทิ นักปกครองระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย รุ่นที่ 48, หลักสูตรผู้นำการเมืองยุคใหม่ รุ่นที่ 4, หลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 1 เป็นต้น

                หนึ่งในผลงานที่คนรู้จัก “บิ๊กอู๊ด” เมื่อครั้งเป็นสารวัตรที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำกำลังบุกจับ “ผู้พันตึ๋ง”  พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ ผู้ต้องหาคดีสังหารอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร และในขณะที่ปฏิบัติงานอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบคนสำคัญระดับสั่งการได้หลายคน และเคยได้รับรางวัลมากมาย อาทิ รางวัลเกียรติยศจักรดาว​ ศิษย์เก่าดีเด่นโรงเรียนเตรียมทหาร ประจำปี 2558, รางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น ปี 2541, ประกาศเกียรติคุณยกย่องเชิดชูเกียรติกองกำลังผสมทหารตำรวจพลเมือง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ฯลฯ.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"