นิมิตหมายในการตรวจสอบ


เพิ่มเพื่อน    

 

   เป็นเรื่องน่ายินดี........

                จากกรณี ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ขณะนี้ ทำให้คนเริ่มตระหนักด้านกฎหมาย, กฎระเบียบมากขึ้น

                จากก่อนๆ .......

                กฎหมายแค่ "ตัวหนังสือในกระดาษ"

                เมื่อมีคนหยิบกฎหมายมาวัดแถวสังคม เริ่มวัดจากคนหัวแถว คือคนในกรอบสถาบันบริหารและสถาบันนิติบัญญัติ อย่างที่ทำเอาธนาธร "ไปไม่ถูก" อยู่ตอนนี้

                นั่น ทำให้ผู้คนร้องในใจ.........

                "กฎหมายเริ่มเป็นกฎหมายจริงๆ แล้วโว้ย"!

                เมื่อจิตตระหนักรู้ "กฎหมายเอาจริง" ใครจะทำอะไรต่อจากนี้ ต้องคิดแล้ว

                "ผิดกฎหมายเปล่าวะ?"

                ในสังคมที่ต่างตรวจสอบซึ่งกันและกัน คนที่ไม่แคร์เรื่องกฎหมายอย่างก่อนๆ มีพวก มีอำนาจ มีเส้น มีเงิน ซะอย่าง กฎหมายและใครก็ทำอะไรไม่ได้นั้น

                ต่อจากนี้ แผ่นดินใหม่ รัชกาลใหม่ การเมืองใหม่

                "คิดอย่างเดิม-ทำอย่างเดิม" ไม่ได้แล้ว

                กรณีธนาธร และว่าที่ ส.ส.อีกหลายสิบคน ที่ถูกยื่นตรวจสอบขณะนี้ เป็นตัวยืนยัน

                คือยืนยันว่า ไม่ว่าหน้าไหนทั้งนั้น ถ้าพฤติกรรมเข้าข่ายผิดกฎหมาย ไม่ช้า-ก็เร็ว

                ถูกสังคม "ยุคตรวจสอบ" เช็กบิล เป็นมาตรฐานเดียวกันแน่!

                ธนาธรตอนนี้ "ยิ่งดิ้น-ยิ่งถูกมัด" ในเรื่องถือหุ้นสื่อขณะสมัคร ส.ส.

                ทุภาษิตทักษิณมีว่า "เมื่อผมอยู่ไม่เป็นสุข ใครก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่เป็นสุข"

                เมื่อวาน (๒ พ.ค.๖๒) ธนาธรก็งัดกฎหมายเข้าตรวจสอบผู้สมัคร ส.ส.พรรคอื่นบ้าง

                โพสต์ fb ไว้ ผมจะยกบางข้อความให้ดู........

                “ไม่ควรมีนักการเมืองคนใดถูกตัดสิทธิ์เพราะถือหุ้นในบริษัทที่ไม่ได้ผลิตสื่อจริงๆ”

                ...................

                มีว่าที่ ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ, ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย สามคนเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่มีวัตถุประสงค์ผลิตสื่อ ซึ่งอาจทำให้ทั้งสามท่านขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร ส.ส.

                พรรคอนาคตใหม่ได้รวบรวมข้อมูลว่าที่ ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.จากหลายพรรคการเมือง ที่ถือหุ้นในบริษัท

                ที่ระบุถึงการผลิตสื่อไว้ในวัตถุประสงค์ ถึงแม้ว่าตัวบริษัทจะทำธุรกิจประเภทอื่นและไม่ได้ผลิตสื่อจริงๆ ได้มากกว่าสามสิบคน และกำลังสืบค้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

                เรานำสามท่านจากสามพรรคการเมืองมาเป็นตัวอย่างในที่นี้ ดังนี้

                1.กรณีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ

                2.นายสาธิต ปิตุเตชะ จากพรรคประชาธิปัตย์

                3.นายพิบูลย์ รัชกิจประการ จากพรรคภูมิใจไทย

                “เราไม่สามารถรู้ได้ว่า จนถึงวันสมัคร ส.ส.ทั้งสามท่านขายหุ้นหรือบริษัทยกเลิกกิจการไปแล้วหรือยัง

                หากยัง ทั้งสามท่านจะเข้าข่ายกรณีเดียวกันกับนายภูเบศวร์ ที่ถูกศาลฎีกาตัดสิทธิ์

                และถ้าเป็น ส.ส.เขต คะแนนจะถูกนับเป็นบัตรเสียด้วย หรือหากจัดการแล้ว ทั้งสามท่านอาจต้องชี้แจงอย่างที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกตรวจสอบ ว่าขายหุ้นจริงหรือไม่, โอนเงินหรือยัง, นำแสดงหลักฐานที่อยู่ได้หรือไม่, เปิดเผยหลักฐานการจ่ายเงินได้หรือไม่ เป็นต้น”

                เนี่ย...ใครก็อย่าว่าธนาธรเป็นฟิวเจอริสตาขี้ฟ้องเชียว ธนาธรกำลังช่วยทำกฎหมายให้เป็นกฎหมายตะหาก

                ทำกันแบบนี้ มากๆ บ่อยๆ........

                สังคมจะค่อยๆ ยำเกรง เดินตามกรอบกฎหมายมากขึ้น แล้วประเทศจะเข้มแข็ง ด้วย "มาตรฐานคน"

                ในเรื่องนี้ "คุณณัฏฐพล" ได้โพสต์น้อมสนองธนาธร ว่า

                "จากกรณีคุณธนาธรได้โพสต์ FB พาดพิงผมเรื่องบริษัททำสื่อฯ ขออธิบายหลักการกฎหมายแบบสั้นๆ ง่ายๆ ครับ ว่า

                หากผมถือหุ้นในบริษัทสื่อฯ หรือจะผิดพลาดที่ไม่ได้ขายหรือโอนในกฎเกณฑ์ของ กกต.ตามกรอบกฎหมาย ผมก็หลุดจากการเป็น ส.ส.ครับ

                ง่ายๆ ตรงๆ ไม่มีอ้อมไปมาครับ

                และก็จะพร้อมรับคำตัดสินแบบลูกผู้ชาย

                ส่วนตัวผม ชัดเจนอยู่แล้วครับ มีบริษัทที่ทำโรงเรียน อีกบริษัททำอสังหาฯ

                สื่อมวลชนไปตรวจสอบก่อนได้เลย แต่ของดการมาสอบถามกันช่วงนี้ครับ....ฯลฯ.....

                อืมมมมม.......

                เป็นแบบอย่างที่ธนาธรควรดูไว้ ทั้งความเป็นลูกผู้ชาย และความเป็นผู้เคารพ-เอื้อเฟื้อกฎกติกาบ้านเมือง

                ผิดคือผิด ถูกคือถูก กระบวนการตัดสินว่าอย่างไร ก็ให้เป็นไปตามนั้น

                อย่าทำตัวเป็บกบหัวฝน ตะโกนร้อง ข้า..คน ๖ ล้านเลือกมา ถ้าผิด หมายความว่า "การเมืองสั่ง..ไม่เป็นธรรม"

                แบบนั้น จะลงหม้อแกงเร็ว!

                และมันเชย ที่ปลุกคนมาเซฟธนาธรบนถนน คนรุ่นใหม่มีสมอง เขาไม่ออกมาเดินตามตูดหรอก

                ที่จะมา ก็มีแต่ "แดงแปลงเป็นส้ม" รุ่นคุณป้าขาประจำเท่านั้นแหละ

                ตอนนี้ ต่างตรวจสอบกันครึกครื้น ศรีสุวรรณตรวจสอบธนาธร ธนาธรก็ส่งทนายไปฟ้องเป็นการตรวจสอบศรีสุวรรณ

                ทั้งผู้กองปูเค็ม ทั้งเรืองไกร ทั้งคนพรรคเพื่อไทย

                เห็นต่างยื่นตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.แต่ละพรรค เหมือนกีฬา "เหย้า-เยือน" น่าสนุก

                เห็นพูดกันว่า ตรวจสอบแล้ว จะเหลือ ส.ส.ซักครึ่งสภาหรือเปล่า ที่คุณสมบัติไม่ขัดกฎหมาย

                นั่น ไม่ใช่ปัญหา.......

                เป็นนิมิตมงคลในทางแก้ปัญหา ว่าต่อไปนี้ "สถาบันผู้ออกกฎหมาย" จะต้องถูกตรวจสอบให้เห็นถึงความโปร่งใสเป็นเยี่ยงปฏิบัติ อันดับแรก

                "หัว" คือฝ่ายบริหาร, ฝ่ายนิติบัญญัติ เดินตรงตามเส้นกฎหมายให้เห็นก่อน

                แล้วลำตัวและหาง คือภาคประชาสังคม จะได้เดินตามให้ตรงเส้นกฎหมายด้วย!        

                ธนาธร.....

                ถึงอย่างไร ไม่ว่าคุณจะตกคุณสมบัติ อดเข้าสภา หรือไม่ตก ผ่านการตรวจสอบของ กกต.เข้าสภาเป็น ส.ส.ได้

                คุณูปการสิ่งหนึ่งที่สังคมได้จากคุณ คือ

                ได้ "ข้อคิด-ข้อเปรียบเทียบ" ในการมองคนและเลือกคนสู่การเมือง ผ่านคำพูด-คำจา

                และกิริยาก้าวร้าว "ผิดวิสัย" บัณฑิตชน!

                เงิน การศึกษา วัย ไม่ใช่ตัวบ่งบอกความเป็นคนดี, คนเลว, คนมีคุณภาพ, คนไร้คุณภาพ

                เรียนรู้, สำนึก, รับผิดชอบ, รู้ชั่ว, รู้ดี และกตัญญู-รู้คุณ นั่นคือ "ปัจจัยหลัก" บ่งบอกตัวคนนั้นๆ ว่า คนดี หรือคนไม่ดี

                ธนาธร...

                ด้วยบทบาท "ผู้นำฟิวเจอริสตา" ที่มุ่งปะทะตะพึด ทำให้เรื่องง่ายของคุณ กลายเป็นเรื่องยากไปแล้ว!

                เรื่องหุ้นสื่อ ที่คุณอ้างว่าเซ็นโอนขายให้แม่ไปตั้งแต่ ๗ มกรา.๖๒ ก่อนสมัคร ส.ส.เมื่อ ๖ ก.พ.๖๒ นั้น

                คุณเป็นแค่ผู้ถือหุ้น "บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด" ไม่ได้เป็นกรรมการใดๆ ในบริษัท

                เอาล่ะ อ้างว่าขายแล้ว..โอนแล้ว..เซ็นแล้ว..จ่ายเงินกันแล้ว เรียบร้อยเสร็จสรรพ ตั้งแต่ ๘ มกรา.

                ส่วนการลงสมุดบัญชีผู้ถือหุ้น เป็นเรื่องของ "สมพร" ผู้เป็นแม่และผู้เป็นกรรมการ ธนาธรไม่เกี่ยว

                เอาล่ะ สมมุติว่า ธนาธรไม่เกี่ยว "หลุด" ข้อร้องเรียน

                แต่จากสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น "บอจ.๕" ที่นางสมพรคัดจากบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท ไปยื่นไว้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

                ดูรายชื่อเจ้าของหุ้น หมายเลขหุ้น วัน-เดือน-ปี ที่ระบุคนถือครองแล้ว

                บอจ.๕ ปี ๒๕๖๑ เมื่อเทียบกับ บอจ. ปี ๒๕๖๒ ที่นางสมพรคัดลอกจากสมุดทะเบียนบริษัทยื่นกรมพัฒนาฯ เมื่อ ๒๑ มีนา.๖๒

                พบความเคลื่อนไหวแตกต่างชนิดมีนัยพิเศษ

                ในจำนวนผู้ถือหุ้นจาก ๑๐ เหลือแค่ ๕ คน อีก ๕ ขายและโอนให้นางสมพรหมด

                กระทั่งเมียธนาธร ก็ลาออกจากกรรมการ

                เอกสารนัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นด้วยเรื่องกรรมการลาออก การลงวันที่วันนัด, วันลาออก และวันประชุมนี่แหละ

                เล็กๆ น้อยๆ ที่นึกว่าไม่มีใครสน นี่แหละ จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ซ้อน

                คือมี "พ่อของฟ้า" ให้เป็นที่ฮาฮือ

                ก็อาจมีปรากฏการณ์ "แม่ของพ่อฟ้า" ให้คราง..ฮือๆๆๆ ขึ้นก็ได้

                ตัวเลขปริศนาเหล่านี้ เป็นข้อมูลเปิดเผย ไม่ใช่ความลับทางราชการหรือความลับของบริษัทใดๆ

                เป็นข้อมูลทั่วไป ที่แต่ละบริษัทต้องยื่นและเซ็นรับรองความถูกต้องไว้แล้ว

                ฉะนั้น ใครอยากรู้ไปเปิดดูกันได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำโน่น

                เห็นแล้ว อาจต้องร้อง........

                ลูกรอด

                แม่(ไม่น่า)รอด"!. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"