'ปฐมแห่งแผ่นดิน' รัชกาลที่ ๑๐


เพิ่มเพื่อน    

        หลายคนบอก...ตื้นตัน ขนลุก

      หลายคนบอก....น้ำตาไหลไม่รู้ตัว

      หลายคนบอก....ดูไป พนมก้มกราบไป เป็นช่วงๆ

      และทุกคน ผู้มีจิตวิญญาณระอุ่นอยู่ในสายเลือดไทย ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่า

      ภูมิใจ......

      ในชาติอันมีขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นแบบแผน ของตัวเอง "อารยสูงส่ง" บ่งบอกถึงไทยเป็นประเทศมีรากแก้ว

      ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก (๔-๖ พ.ค.๖๒)

      "พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณ์อดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว"

      เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๑๐ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์

      ตลอดพระราชพิธีในพระบรมมหาราชวัง วานซืน (๔ พ.ค.) โทรทัศน์ทุกช่องถ่ายทอดสด

      และเมื่อวาน (๕ พ.ค.) "พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราสถลมารค

      ไปยัง ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร, วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

      พสกนิกรตลอดรายทาง เหลืองจรัสเจิดจ้า เรียงรายเฝ้าชมพระบารมี ธงเหลืองโบกไสว เสียงจากใจกึกก้อง

      ทรงพระเจริญ..ทรงพระเจริญ..ทรงพระเจริญ

      ขบวนพยุหยาตราเคลื่อนจากพระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี ณ บ่ายคล้อย

      "พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" ประทับอยู่บน "พระราชยานพุดตานทอง"

      พระบารมีเจิดจ้า เป็นศรีสง่าแห่งราชอาณาจักรไทย ประจักษ์หล้า ประจักษ์ดิน

      แดดเปรี้ยงที่เกรี้ยวกราด.......

      พลันอ่อนโยน เปลี่ยนเป็นสาดสีเหลืองทอง ทาทาบทั้งแผ่นดิน ร้อนกายพสกพลันคลายด้วยสายลมอ่อนลูบไล้    

      กายเบา-ใจเบา สามัคคีจิตพสกผนึกเป็นหนึ่ง รวมที่พระองค์ ปีติท่วมท้น

      ทวยเทพสถิต ณ ทิพยพิมาน ๑๖ ชั้นฟ้า ต่างเสด็จแห่ห้อมองค์พระธงชัย "พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" ประทานพระพรชัย ชโย

      "กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิตย์ สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์"

       ความหมาย ว่า .......

      "พระนครอันกว้างใหญ่ดุจเทพนคร เป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต 

        เป็นมหานครที่ไม่มีใครรบชนะ ได้มีความงามอันมั่นคงและเจริญยิ่ง 

        เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้วเก้าประการ น่ารื่นรมย์ยิ่ง   

        มีพระราชนิเวศใหญ่โตมากมาย   

        เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา ซึ่งท้าวสักกเทวราชพระราชทานให้พระวิษณุกรรมลงมาเนรมิตไว้"

      การ "เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร" ของ "พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" เมื่อวาน

      ประจักษ์เป็นเช่นนั้นจริงๆ!

        เหล่านี้ เป็นสิ่งบอกชัด.........

      "สถาบันพระมหากษัตริย์" และพระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์คือ "รากแก้ว" อันเป็นจิตวิญญาณต้นธารชาติ

      "รากฝอย" คืออาณาประชาราษฎร์ เป็นจิตวิญญาณเชื่อมต่อต้นธารชาติ "หลอมรวม" เป็น "ราชอาณาจักรไทย"

      ประเทศไทย.........

      "สถาบันพระมหากษัตริย์" กับ "คนไทยทั้งแผ่นดิน" ยิ่งใหญ่ไพศาล "ร่วมต้น-ร่วมราก" ใครก็จะแยกให้จากกันไปไม่ได้

      "เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป"

        นี้คือ "พระปฐมบรมราชโองการ" แห่งองค์พระมหากษัตริย์ รัชกาล ที่ ๑๐ "พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" ประกาศ เมื่อ ๔ พ.ค.๖๒

      พระปฐมบรมราชโองการ ก็คือ "นโยบายปกครองประเทศ" ของพระเจ้าแผ่นดิน

      ก็ชัดเจนว่า "พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" ทรงยึดแนวทาง "พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร" เป็นฐาน

      "สืบสาน-รักษา-ต่อยอด" จากพระปฐมบรมราชโองการ รัชกาล ที่ ๙

      “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

      ตรงนี้ ทำให้นึกถึงเมื่อครั้งที่ "พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช  บรมนาถบพิตร" ทรงขึ้นครองราชย์ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๓

      "พระบรมมหาราชวัง" ตอนนั้น มีสภาพอย่างไร เมื่อเทียบกับปัจจุบัน ที่ดุจสวรรค์ อันคนทั้งโลกปรารถนามาเยือนสักครั้ง?

      อยากให้อ่านตรงนี้กัน คุณ Jeng Boo โพสต์ไว้ มีคำอธิบายแนบท้าย ว่า

      "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" พระราชทานสัมภาษณ์ แก่

      ผู้แทนนิตยสาร NATIONAL GEOGRAPHIC เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๕  

      ตามโพสต์ Jeng Boo มีข้อความดังนี้

      "ราชบัลลังก์จักรีวงศ์"

      (เรื่องเล่าของในหลวง) ตอน "รัชกาลแห่งการปฏิรูป"

      "...เมื่อข้าพเจ้าจะมารับหน้าที่นี้เมื่อ ๓๖ ปีที่แล้วนั้น ข้าพเจ้าอายุเพียงแค่ ๑๘ ปี

      ในเวลานั้นทุกอย่างดูทรุดโทรมไปหมด ในวันนั้นเก้าอี้และพรมก็ขาดเป็นรู พื้นแตกคร่ำคร่า วังทั้งวังก็เกือบจะพังลงมา

      เวลานั้น สงครามโลกเพิ่งสิ้นสุดลง ไม่มีใครสนใจกับอะไรทั้งสิ้น

      ข้าพเจ้าต้องค่อยๆ ก่อสร้างทุกๆ อย่างขึ้นมาใหม่ โดยไม่ใช้วิธีทุบทิ้ง

      ข้าพเจ้าต้องค่อยๆ ทำไปทีละเล็กทีละน้อย เป็นเวลา ๓๖ ปีเข้าไปแล้ว

      ดังนั้น เราอาจเรียกรัชกาลนี้กระมังว่า เป็นรัชกาลแห่งการปฏิรูป ขนบธรรมเนียมเก่าแก่ ถูกรักษาไว้ และเปลี่ยนแปรมาโดยลำดับ

      เราเรียนรู้และได้ประสบการณ์ว่าขนบประเพณีดั้งเดิม อาจนำกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อชีวิตในปัจจุบันและอนาคต

      และตำแหน่งพระเจ้าแผ่นดินในปัจจุบันนี้ ไม่มีหน้าที่ ที่จะบริหารประเทศ ต้องมีฝ่ายบริหารทำให้

      งานการทุกอย่างของชาติดำเนินไปได้ด้วยดี ต่างคนต่างมีหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำเฉพาะหน้าที่นั้น

      เพราะว่า ถ้าคนใด ทำหน้าที่เฉพาะของตัว โดยไม่มองไม่แลคนอื่น งานก็ดำเนินไปไม่ได้

      เพราะเหตุว่า งานทุกงานจะต้องพาดพิงกัน จะต้องเกี่ยวโยงกัน ฉะนั้น แต่ละคนจะต้องมีความรู้ถึงงานของผู้อื่น และก็ช่วยกันทำ..."

      ครับ....

      ยิ่งย้ำให้เห็นว่า พระมหากษัตริย์สำคัญและต้องมีอยู่คู่กับการปฏิรูป รักษา และการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง

      "งานทุกงานจะต้องพาดพิงกัน จะต้องเกี่ยวโยงกัน ฉะนั้น แต่ละคน จะต้องมีความรู้ถึงงานของผู้อื่น และก็ช่วยกันทำ"

      เอาล่ะ.......

      เมื่อสู่แผ่นดินใหม่ มีการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระเกียรติยศพระบรมวงศานุวงศ์ใหม่ ควรจดจำกัน เป็นดังนี้

      พระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์ใหม่ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

      ๑.พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณ์อดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

        ๒.สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

        ๓.พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

        ๔.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

        ๕.สมเด็จพระขนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี

        ๖.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน์ วรขัตติยราชนารี

        ๗.ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี

        ๘.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนธิราเทพยวดี

        ๙.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

        ๑๐.สมเด็จพระเจ้าลูกยาธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร

        ๑๑.พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุธนารีนาถ

        ๑๒.พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์

        ๑๓.พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

        เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒

                ทรงพระเจริญ

                ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

                ข้าพระพุทธเจ้า เปลว สีเงิน หนังสือพิมพ์ไทย


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"