เสด็จออกสีหบัญชร


เพิ่มเพื่อน    

  “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” พร้อม “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี” เสด็จออกสีหบัญชร ท่ามกลางเสียงพสกนิกรที่เปล่งคำ “ทรงพระเจริญ” ถวายพระพรชัยมงคลดังกึกก้อง  ทรงโบกพระหัตถ์ แย้มพระสรวล ยังความปลาบปลื้มปีติเป็นล้นพ้น มีพระราชดำรัสตอบแก่ประชาชนที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ ขอให้ความพร้อมเพรียงในการแสดงไมตรีจิตครั้งนี้จงเป็นนิมิตหมายอันดีที่ทุกคนทุกฝ่ายพร้อมกันบำเพ็ญกรณียกิจ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติต่อไป

    เมื่อเวลา 16.53 น. วันที่ 6 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี  สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวังในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช  2562 เสด็จออกสีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท
รถยนต์พระที่นั่งเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี ประตูเหล็กกล้าประตูเหล็กเพชร กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นรถยนต์พระที่นั่งเทียบที่หลังพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท เสด็จขึ้นท้องพระโรงหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท การนี้พระอนุวงศ์และองคมนตรีเฝ้าฯ รับเสด็จ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  กราบบังคมทูลเบิกจุฬาราชมนตรี คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และผู้แทนคณะพาณิชย์  ได้แก่ ประธานหอการค้าไทย-จีน, ประธานหอการค้าอินเดีย-ไทย, ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลทางทิศใต้ คณะต่างๆ ทูลเกล้าฯ ถวายซองบรรจุคำถวายพระพรชัยมงคล
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กราบบังคมทูลเบิกผู้นำองค์การศาสนา  4 คณะ ได้แก่ พระคาร์ดินัล เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช กับคณะโรมันคาทอลิก, ศาสนาจารย์ ดร.ทวีศักดิ์  มหชวโรจน์ กับคณะคริสตจักร, นายสุขิต นารูลา กับคณะพราหมณ์-ฮินดู, นายนาริน นารูลา กับคณะไทย-ซิกข์ เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลทางทิศเหนือ คณะต่างๆ ทูลเกล้าฯ ถวายซองบรรจุคำถวายพระพรชัยมงคล
จากนั้นเวลา 16.59 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออกสีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท 
ชาวพนักงานประโคมมโหระทึก แตร กองทหารเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21  นัด เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลแทนราษฎรทุกหมู่เหล่าว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม เนื่องในโอกาสมหามงคลที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ สืบราชสันตติวงศ์ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ โดยพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามขัตติยราชประเพณี สมบูรณ์พร้อมด้วยพระบรมราชอิสริยยศครบถ้วนทุกสิ่งสรรพแล้ว           
สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ข้าพระพุทธเจ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในนามพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าทั่วทุกสารทิศ ขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณาถึงความปีติเกษมโสมนัส ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ นับแต่พระปฐมกษัตริย์แห่งพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ได้เสด็จขึ้นทรงครองสิริราชสมบัติ สืบเนื่องมาถึงรัชสมัยแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ราชอาณาจักรไทยได้ดำรงคงอยู่อย่างมีเอกราช และมีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ ด้วยพระปรีชาสามารถ และพระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าปกกระหม่อม อาณาประชาราษฎร์ต่างพึ่งพิงอาศัยในพระราชอาณาจักรอย่างร่มเย็นเป็นสุขทุกถ้วนทั่วกัน ภายใต้พระบรมโพธิสมภารเสมอมา
ในกาลปัจจุบันนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายต่างประจักษ์แก่ใจดียิ่งว่า ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงบำเพ็ญปฏิบัติพระราชกรณียกิจ โดยมีพระราชประสงค์เพื่อประสิทธิความผาสุกสืบสวัสดิ์ ทั้งความไพบูลย์วัฒนาสถาพรแก่ชาติบ้านเมือง ด้วยพระราชปณิธานอันแน่วแน่ ที่จะพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของอาณาประชาราษฎร์ น้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมล้นด้วยพระมหากรุณาแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ยังความปลาบปลื้มปีติสุขแก่ผองพสกนิกรทั้งปวง พระบรมเดชานุภาพและพระบารมี ยังได้เกิดความสมัครสมานสามัคคีร่วมแรงร่วมใจ เป็นพลังหนุนนำให้ภาครัฐภาคเอกชน และปวงประชาชนทุกหมู่เหล่า มีศรัทธา เชื่อมั่น ที่จะร่วมกันบำรุงรักษาและพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองสืบไป ปวงข้าพระพุทธเจ้า เหล่าข้าราชการพลเรือน ทั้งตำรวจ ทหาร ประชาชน จิตอาสา และพสกนิกรทุกหมู่เหล่า จะถวายความจงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ไว้ด้วยชีวิต โดยจะร่วมกันปฏิบัติหน้าที่สนองพระราชปณิธาน ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด ตามพระปฐมบรมราชโองการ อย่างเต็มกำลังความสามารถ และจะสร้างความสงบสุข ความมีเสถียรภาพ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนสืบไป
     ในมหามงคลสมัยพิเศษนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายจึงขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยอันประเสิรฐ อานุภาพแห่งพระสยามเทวาธิราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลจักรวาล และพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพกษัตราธิราชเจ้าทุกพระองค์ โปรดอภิบาลรักษาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ให้ทรงพระราชสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล ทรงเจริญพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระบารมีแผ่ไพศาล พร้อมด้วยพิพิธพรชัยอันไพสิฐ พระเกียรติคุณวิบูลย์ขจรไกลไปทั่วทิศานุทิศ สถิตเสถียรในไอศูรย์สิริราชสมบัติ เพื่อเป็นมิ่งขวัญปกเกล้าเหล่าพสกนิกร ตราบจิรัฐิติกาล  เทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ"
จบแล้ว กองทหารเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พสกนิกรเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง
      จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบ ความว่า
ขอให้พร้อมบำเพ็ญกรณียกิจ
    “ข้าพเจ้าและพระราชินี รู้สึกยินดีและปลื้มใจมากที่ได้เห็นประชาชนทั้งหลายมีไมตรีจิตพร้อมเพรียงกัน มาร่วมแสดงความปรารถนาดีในวาระบรมราชาภิเษกของข้าพเจ้าครั้งนี้ ความพร้อมเพรียงของท่านทั้งหลาย ผู้มาประชุมพร้อมกัน ณ ที่นี้เพื่ออวยชัยให้พรแก่ข้าพเจ้าด้วยน้ำใจไมตรี และความปรารถนาดีอย่างจริงใจนั้น เป็นที่จับตาจับใจ และทำให้ข้าพเจ้าอิ่มใจอย่างยิ่ง ขอให้ความพร้อมเพรียงของท่านทั้งหลาย ในการแสดงไมตรีจิตแก่ข้าพเจ้าครั้งนี้จงเป็นนิมิตหมายอันดีที่ทุกคนทุกฝ่ายจะพร้อมกันบำเพ็ญกรณียกิจ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติของเราต่อไป ขอขอบใจในคำอำนวยพร ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวในนามของทุกคน และขอสนองพรให้ทุกท่านมีความผาสุกสวัสดี พร้อมทั้งความสำเร็จในสิ่งอันพึงปรารถนาโดยทั่วกัน"  
จบพระราชดำรัส ชาวพนักงานประโคมมโหระทึก แตร กองทหารเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวนำถวายพระพร "ทรงพระเจริญ  ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ" 
ในระหว่างที่เสด็จออกสีหบัญชร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโบกพระหัตถ์ แย้มพระสรวล  ทักทายพสกนิกรทุกหมู่เหล่าที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จอย่างเนืองแน่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ  มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เสด็จออกสีหบัญชร พระบรมวงศ์ทุกพระองค์ทรงโบกพระหัตถ์ทักทายประชาชน  
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงจากพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท กองทหารเกียรติยศ 3 เหล่าทัพแสดงความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี รถยนต์พระที่นั่งเทียบที่อัฒจันทร์พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เสด็จฯ ไปประทับพักพระราชอิริยาบถ ณ พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ 
      และภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศ์ เสด็จลงจากพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท พล.อ.ประยุทธ์ได้นำพสกนิกรที่อยู่บริเวณด้านหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาทและบริเวณใกล้เคียงร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนจะเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง โบกธงตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกและธงชาติโดยพร้อมเพรียง พสกนิกรจำนวนมากหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปีติที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวินาทีประวัติศาสตร์และได้หลอมรวมดวงใจเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลอย่างใกล้ชิด
      ต่อมาเวลา 17.34 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออกท้องพระโรงกลางทางพระทวารด้านพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ทรงยืนบนพระสุจหนี่หน้าพระที่นั่งพุดตานถมภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พันโทสมชาย กาญจนมณี รองเลขาธิการพระราชวังฝ่ายบริหารนโยบายและปฏิบัติการปฏิบัติหน้าที่สมุหพระราชมณเฑียร กราบบังคมทูลพระกรุณาเบิกนางฉั่ว ซิ่ว ซาน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทย ในฐานะคณบดีคณะทูตเฝ้าฯ กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลในนามของผู้เฝ้าฯ ความว่า
ยึดมั่นในพันธกิจ
    "ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเป็นตัวแทนแสดงความยินดีอย่างจริงใจ ในนามตัวแทนคณะทูตานุทูตและกงสุลต่างประเทศประจำประเทศไทยและผู้แทนองค์การระหว่างประเทศในประเทศไทย ขอส่งความปรารถนาดีต่อพระองค์และชาวไทยให้ประเทศคงความผาสุก  ความเจริญรุ่งเรือง และความก้าวหน้าสืบไป ข้าพเจ้าขอยืนยันกับพระองค์ว่าประเทศต่างๆ จะยึดมั่นในพันธกิจที่จะส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับประเทศของพวกเรา“ จบแล้ว วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี 
การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสตอบความว่า “ข้าพเจ้าและพระราชินี มีความชื่นชมและประทับใจมากในคำอวยพรอันเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต ซึ่งท่านคณบดีคณะทูตได้กล่าวในนามคณะทูตานุทูต และกงสุลต่างประเทศในวาระบรมราชาภิเษกของข้าพเจ้าครั้งนี้ ขอขอบใจในน้ำใจไมตรีของท่านทั้งหลายที่ได้แสดงความปรารถนาดีต่อเราทั้งสองประเทศ และประชาชนชาวไทย ทั้งยังแสดงความตั้งใจจริงที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศของเราให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในประการนี้ขอให้ท่านมั่นใจได้ว่า ท่านจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลและประชาชนคนไทย และข้าพเจ้าเองจะพยายามส่งเสริมสัมพันธไมตรีที่มีอยู่ให้ยิ่งเจริญงอกงามและธำรงยั่งยืนสืบไป   ขอสนองพรทุกท่านให้ท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญ ทั้งขอให้ประเทศและประชากรซึ่งท่านเป็นผู้แทนอยู่ในราชอาณาจักรนี้มีความรุ่งเรืองไพบูลย์ตลอดไป ”
    จบแล้ว วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทรงสัมผัสพระหัตถ์กับคณบดีคณะทูตและมีพระราชปฏิสันถารตามพระราชอัธยาศัย สมควรแก่เวลา เสด็จออกจากท้องพระโรงกลางไปประทับพักพระราชอิริยาบถพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีเสด็จออกจากพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทไปยังรถยนต์พระที่นั่ง ประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
    สำหรับคณะทูตานุทูตและกงสุลต่างประเทศประจำประเทศไทย และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศในประเทศไทยเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในครั้งนี้ มีทั้งสิ้น 130 ประเทศ และผู้แทน คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (escap) รวมทั้งสิ้น 235 คน  ประกอบด้วย เอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตต่างประเทศ ที่มีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทย กงสุลใหญ่ และกงสุลกิตติมศักดิ์ ประจำประเทศไทย
    ภายหลังเสด็จพระราชดำเนินกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชทานเลี้ยงแก่คณะทูตานุทูต ณ พระที่นั่ง บรมราชสถิตยมโหฬาร
ทั้งนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้จัดทำเข็มกลัดที่ระลึกตราสัญลักษณ์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พิมพ์ข้อความ “เสด็จออกสีหบัญชร 6 พฤษภาคม 2562” จำนวน 100,000 เข็ม เพื่อมอบแก่ประชาชนที่มารอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จออกสีหบัญชร ในจุดคัดกรอง 6 จุด  ประกอบด้วย 1.บริเวณใต้สะพานพระปิ่นเกล้า 2.บริเวณแม่พระธรณีบีบมวยผม 3.บริเวณท่าช้าง 4.บริเวณสะพานช้างโรงสี 5.บริเวณสะพานมอญ และ 6.บริเวณสะพานเจริญรัช เช่นเดียวกับการประประปานครหลวงได้จัดทำกระบอกน้ำที่ระลึก จำนวน 300,000 ใบ มาแจกแก่ประชาชนที่มาร่วมงาน  ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทยได้นำกล่องข้าวพร้อมใส่อาหารมาแจกประชาชนที่มาร่วมงานวันละ  1,000 กล่อง โดยมีจุดแจกที่สถานีรถไฟหัวลำโพง 
ปชช.สุดปลื้มปีติ
    สำหรับจุดคัดกรองบริเวณด้านข้างสวนสราญรมย์ ตรงข้ามกับพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาทนั้น  ตั้งแต่เช้ามืดมีประชาชนที่พร้อมใจกันใส่เสื้อเหลืองนำเสื่อและแผ่นพลาสติกมาจองเต็มพื้นที่ โดย น.ส.สุคนธ์ทิพย์ ปราชญ์บุรัสกร ชาวสกลนคร อายุ 56 ปี กล่าวว่า ตื่นตั้งแต่ตีสาม เตรียมพร้อมเพื่อมาร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จและถวายพระพรชัยมงคล โดยนำพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใส่กระเป๋ามาด้วย มาถึงสวนสราญรมย์เวลาเกือบตีห้า รีบเอาแผ่นพลาสติกมาปูจอง เพื่อชมพระบารมีให้ใกล้ชิดที่สุด จะเปล่งเสียงทรงพระเจริญให้ดังที่สุด 
“พระมหากษัตริย์พระองค์นี้ทรงงานมากมายโดยที่คนไทยไม่ทราบ ทรงปิดทองหลังพระ ติดตามข่าวในหลวงพระราชทานสิ่งของแก่ทหารชายแดนใต้ที่บาดเจ็บจากเหตุร้ายต่างๆ รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติต่างๆ รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทรงรักและห่วงใยทุกข์สุขของราษฎร เมื่อวันอาทิตย์ได้เฝ้าชมพระบารมีขบวนพยุหยาตราสถลมารค เมื่อริ้วขบวนผ่านก็หลั่งน้ำตาโดยไม่รู้ตัว พระราชพิธีเสด็จออกสีหบัญชรจะเป็นภาพความทรงจำไปตลอด” น.ส.สุคนธ์ทิพย์กล่าว
น.ส.เกศสิรินี ทินมณี ชาวกรุงเทพฯ อายุ 40 ปี กล่าวว่า เดินทางมาจากบ้านพักย่านบึงกุ่มเพื่อจับจองพื้นที่ด้านหน้าสวนสราญรมย์ เพราะอยากร่วมถวายพระพรชัยมงคล ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต เราเกิดมาเป็นคนไทยมีความสุขใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร วันนี้มีประชาชนพร้อมใจกันมามากมายตั้งแต่เช้า แม้อากาศร้อนก็ไม่ย่อท้อ และยังปลื้มปีติที่ได้รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เลียบพระนคร งดงามตามโบราณราชประเพณี ทุกนาทีไม่กะพริบตา
“รักและเทิดทูนพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจ สืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชดำริพระบรมชนก เกิดประโยชน์แก่ประชาชนมากมาย” น.ส.เกศสิรินีกล่าว
ส่วนที่จุดคัดกรองสะพานมอญ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาจุดนี้กันจำนวนมาก  โดยหลายคนมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 พ.ค. และพักค้างแรมในบริเวณใกล้เคียงเพื่อมาถึงจุดเป็นคนแรกๆ ซึ่งแค่เพียงช่วงสายท้ายแถวได้ยาวไปจนบรรจบกับจุดคัดกรองแม่พระธรณีบีบมวยผม ขณะที่ประชาชนยังทยอยเดินทางมากันอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยตลอดจุดคัดกรองจะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ทั้งเจ้าหน้าที่พยาบาลจากสำนักงานอนามัย กรุงเทพมหานคร  และจิตอาสาที่คอยแจกยาดม พิมเสน ยาสามัญประจำบ้านต่างๆ ตลอดจนมีเครื่องปั๊มหัวใจ เครื่องวัดความดัน เตรียมไว้ในกรณีพบผู้ป่วยฉุกเฉิน รวมไปถึงหน่วยเคลื่อนที่เร็วจากกรมสุขภาพจิตที่คอยสำรวจตามจุดต่างๆ และพร้อมจะเคลื่อนที่เร็วเมื่อมีการร้องขอว่าพบบุคคลที่มีอาการทางจิต 
นอกจากนี้ บริเวณจุดคัดกรองยังมีเจ้าหน้าที่จัดเตรียมอาหารพระราชทานและเครื่องดื่ม มาคอยแจกจ่ายให้ประชาชนที่มาร่วมงานด้วย ทั้งนี้ประชาชนหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อดทนได้แม้แดดจะแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะต้องการชื่นชมพระบารมี และอยู่ร่วมในนาทีประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
      โดยนางทองอ่อน มีคุณ อายุ 70 ปี ประชาชนจาก จ.อุดรธานี ที่ยืนต่อแถวผ่านจุดคัดกรอง เผยถึงความรู้สึกในครั้งนี้ว่า รู้สึกปลาบปลื้มและดีใจอย่างมากที่ได้มาเฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และได้ร่วมอยู่ในประวัติศาสตร์ของประเทศ รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่ครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้ชื่นชมพระบารมี ซึ่งแม้อากาศจะร้อนแดดจะแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ย่อท้อ เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะมาร่วมให้ได้ เหนื่อยแค่ไหนก็มา แม้อายุมากแล้วเวลาเดินทางไกลๆ จะเจ็บขา แต่เมื่อมาถึงในงานก็รู้สึกหายเหนื่อยทันที ไม่มีอาการเจ็บใดๆ นอกจากนี้ยังรู้สึกประทับใจเจ้าหน้าที่และจิตอาสาที่คอยดูแลประชาชนเป็นอย่างดี
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่จุดคัดกรองงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก บริเวณแม่พระธรณีบีบมวยผม ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เปิดจุดคัดกรองให้ประชาชนเข้าสู่พื้นที่จัดงานเพื่อรอรับเสด็จ โดยประชาชนได้ยืนต่อแถวยาวกว่า 2 กิโลเมตรท่ามกลางแสงแดด พร้อมกับถือธงชาติไทย ธงตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกจัดแถวให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการจัดรถเมล์ ขสมก.มารับประชาชนในจุดดังกล่าว เพื่อแบ่งไปเข้าทางจุดคัดกรองสะพานพระปิ่นเกล้า พร้อมมีบริการน้ำดื่มจากกองบังคับการตำรวจจราจร มีหน่วยพยาบาลเคลื่อนที่คอยดูแลประชาชนที่มีทั้งผู้สูงอายุและเด็กเล็ก 
เฝ้าฯ รับเสด็จสักครั้ง
นางกิมฮวย มณฑาทิพย์ อายุ 74 ปี ชาว จ.อุดรธานี กล่าวว่า เดินทางมาจากจังหวัดอุดรธานีกับเพื่อนๆ อีก 3 คนด้วยขบวนรถไฟฟรีที่เขาจัดไว้บริการประชาชน โดยออกเดินทางเมื่อคืนวันที่ 5 พ.ค. ตั้งใจมาเฝ้าฯ รับเสด็จในหลวง ถึงจะต้องเดินทางไกลก็รู้สึกดีใจและภูมิใจมาก ตอนนี้อายุมากแล้ว ในบั้นปลายชีวิตครั้งสุดท้ายก็อยากจะมาเฝ้าฯ รับเสด็จพระองค์ท่านสักครั้ง อยากมาเห็นพระองค์ท่าน แค่นี้ก็ทำให้หายเหนื่อย 
    สำหรับบรรยากาศบริเวณจุดคัดกรองสะพานช้างโรงสี ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณพระบรมมหาราชวัง  ตลอดทั้งวันประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกเพศ ทุกวัย พร้อมใจใส่เสื้อสีเหลืองเดินทางมายังจุดคัดกรองเป็นจำนวนมาก แต่ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ คอยอำนวยความสะดวกประชาชนที่จะเดินทางต่อไปชื่นชมพระบารมี 
    นายพงษ์ ญาติเสมอ ชาวบ้านย่านตลิ่งชัน กทม. วัย 57 ปี เผยว่า พร้อมใจกันเดินทางมายังบริเวณพระบรมมหาราชวัง ตั้งใจมาร่วมพระราชพิธีเสด็จออกสีหบัญชร พิธีดังกล่าวถือเป็นพิธีใหญ่มาก ตั้งใจมาร่วมงานให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะสมัยรัชกาลที่ 9 ไม่ได้มา แม้ในวันนี้อากาศจะร้อนแต่ก็ไม่เป็นอะไร ไม่ย่อท้อ 
    บรรยากาศบริเวณจุดคัดกรองใต้สะพานพระปิ่นเกล้าในช่วงบ่าย ยังคงมีประชาชนสวมเสื้อเหลืองทยอยเดินทางมาร่วมงานพระราชพิธีอย่างต่อเนื่องท่ามกลางอากาศร้อน โดยส่วนหนึ่งได้เดินทางด้วยรถเมล์โดยสารเฉพาะกิจงานพระราชพิธีที่ทยอยส่งประชาชนลงในจุดคัดกรองนี้ ซึ่งแต่ละคันมีประชาชนโดยสารมาเต็ม จากนั้นจึงต่อแถวเพื่อเข้าสู่เต็นท์จุดคัดกรอง ผ่านเครื่องสแกนอาวุธและตรวจบัตรประชาชน พร้อมรับกระติกน้ำพระราชทานซึ่งบรรจุน้ำเปล่าหรือน้ำแดงสำหรับดื่มกินได้ทันทีในงานครั้งนี้ด้วย
    นายกฤษณพงศ์ พงษ์สิทธิกาญนา นักเรียนทุนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร  หรือนักเรียนทุนฯ ม.ท.ศ. ซึ่งเป็นจิตอาสางานพระราชพิธี กล่าวว่ามาทำงานจิตอาสาตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.  ได้เข้าเฝ้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 10 ในการรับเสด็จ รู้สึกปลื้มปีติมาก ได้เห็นพระองค์ ปกติจะได้เห็นแค่ในทีวีในภาพ แต่ครั้งหนึ่งในชีวิตที่คนไทยเราจะได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ครั้งหนึ่งในชีวิตควรจะได้เห็น วันที่ 4 พ.ค.ได้ทำจิตอาสาเก็บขยะ ส่วนวันที่ 5 พ.ค.ได้ทำจิตอาสาที่โรงครัวพระราชทาน 
    “รู้สึกปลื้มปีติมาก ครั้งเดียวในชีวิตที่จะได้เห็นงานพระราชพิธีแบบนี้ คนที่ได้มาเข้าเฝ้าฯ หรือมารับเสด็จควรรู้สึกภูมิใจ ซึ่งคนที่ไม่สามารถมาได้แต่เขาดูการถ่ายทอดสด เขาก็คงรู้สึกไม่ต่างกับคนที่มานั่งรอรับเสด็จ คงรู้สึกภูมิใจ ดีใจ พูดอะไรไม่ถูก มันตื้นตัน ตอนที่พระองค์ทรงผ่านก็ร้องไห้ดีใจ” นายกฤษณพงศ์กล่าว
    ด้านนายปรินทร์ จอมนารี นักเรียนทุนฯ ม.ท.ศ. อีกรายกล่าวว่า เดินทางมาเป็นวันที่สาม มาทำจิตอาสางานพระราชพิธีในโรงครัวพระราชทาน สนามหลวง เก็บขยะ ภาคภูมิใจที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในงานนี้ ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มาเป็นจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน รู้สึกเป็นบุญมากที่ได้เห็นพระองค์ท่าน ปลาบปลื้มปีติยินดี พระองค์ท่านมีระเบียบวินัย มีพระราชปณิธานสืบสาน รักษาต่อยอดจากในหลวงรัชกาลที่ 9
ขณะที่ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถวายสดุดีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ที่มีพระวิริยอุตสาหะในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยเฉพาะการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องทรงฉลองพระองค์ครุยที่ทั้งหนักและหนา ประทับบนพระที่นั่งที่แคบและโคลงไปมาตลอดหลายชั่วโมง เช่นเดียวกับพระขัตติยมานะของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี ที่ทรงร่วมขบวนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน
"นายกฯ กล่าวว่า แม้ดูเหมือนระยะทางไม่ไกล แต่การเดินเท้าต้องใช้เวลาและความอดทน  พระองค์ท่านและทุกๆ พระองค์มิได้ทรงทำเพื่อพระองค์เอง แต่ทรงธำรงไว้ซึ่งโบราณราชประเพณีที่สืบทอดมาตั้งแต่อดีต ทรงแสดงพระองค์เป็นต้นแบบของการรักษาคุณค่าของขนบธรรมเนียมที่มีอารยะและมีเอกลักษณ์ที่งดงามของโลก โดยสถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นสถาบันหลักและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ" พล.ท.วีรชนระบุ 
รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้นายกฯ ยังชื่นชมและขอบคุณข้าราชบริพาร  เจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร ประชาชน จิตอาสาทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันอุทิศทั้งกำลังกายและใจ เพื่อให้พระราชพิธีบรมราชาภิเษกตั้งแต่ขั้นตอนของพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ มาจนถึงการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารคสำเร็จลุล่วง สง่างาม และสมพระเกียรติ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"