เมื่อ 'โหมดการเมือง' คืนเมือง


เพิ่มเพื่อน    

 

          ก็กลับสู่ฉาก "การบ้าน-การเมือง" เรื่องหยำเหยอะกันอีกครั้ง!

                เปิดฉากปุ๊บ....           

                ไม่มี "เด็จพี่" พร้อมพงศ์ ออกฉาก

                แต่มี "เด็จพี่" ปิยบุตร รำอีโต้ออกมาแทน ขู่ กกต.ฟอดแฟด เรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์!

                คือ ๓๕๐ คน เป็นจำนวนเต็ม ส.ส.เขต เมื่อวาน (๗ พ.ค.๖๒) กกต.ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการเลือกตั้ง "เป็นทางการ" ๓๔๙ คน

                ขาดไปคน จากเขต ๘ เชียงใหม่!

                กกต.แจกใบส้ม กำลังจัดให้มีเลือกตั้งใหม่ ๒๖ พ.ค.นี้

                ๓๔๙ ส.ส.แยกตามรายชื่อพรรค จะออกมาเป็น ดังนี้

                -เพื่อไทย ๑๓๖ คน

                -พลังประชารัฐ ๙๗ คน

                -ภูมิใจไทย ๓๙ คน

                -ประชาธิปัตย์ ๓๓ คน

                -อนาคตใหม่ ๓๐ คน

                -ชาติไทยพัฒนา ๖ คน

                -ประชาชาติ ๖ คน 

                -ชาติพัฒนา ๑ คน และ

                -รวมพลังประชาชาติไทย ๑ คน

                รวม ส.ส.เขต ๓๔๙ คน!

                ยังอยู่อีก ๑๕๐ คน ที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ กกต.จะประกาศวันนี้ (๘ พ.ค.๖๒)

                สูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่คาดว่า กกต.จะใช้คำนวณเป็นสูตรแบบ ๒๗ พรรค จะได้รับจัดสรรปันส่วนผสม

                แต่ "เด็จพี่" ปิยบุตร ไม่โปรด.......

                อ้าง "ไม่เป็นธรรม" เพราะจะทำให้พรรคเขาได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลดลง

                "หาก กกต.ใช้อำนาจโดยไม่ชอบ ต้องรับผิดทางกฎหมายด้วย" เด็จพี่ขู่!

                ประเด็น "สูตรคำนวณ" ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ นั้น วันนี้ (๘ พ.ค.) น่าจะสรุปลงตัว

                และ กกต.จะได้ใช้เป็นสูตรมาตรฐานในการคำนวณทั้งครั้งนี้ และครั้งต่อๆ ไป โดยทุกฝ่ายจะไม่ต้องทะเลาะกันอีก

                ก็รอฟัง "คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ" ละกัน วันนี้ท่านจะมีคำวินิจฉัยถึงสูตรออกมาให้ทราบ

                ไม่น่าเกินเที่ยงก็รู้ ตามที่ "ผู้ตรวจราชการแผ่นดิน" ยื่นไปให้ตีความ

                ๑๕๐ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์นี่แหละ......

                เป็นจำนวนบอกยกแรกว่า "ซีกไหน" รวมแล้ว จะมีเสียงมากกว่ากัน?

                นอกจากพรรคที่มี ส.ส.เขต จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่มตามสัดส่วนพึงมี จาก กกต.จะประกาศวันนี้แล้ว

                จะมีพรรคโผล่ขึ้นมาอีกเป็นสิบพรรค "ไม่ได้ ส.ส.เขต" แต่คะแนนรวม ทำให้ได้ "ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์"

                เช่น เศรษฐกิจใหม่, เสรีรวมไทย, เพื่อชาติ เป็นต้น

                ที่อยากรู้กัน กรณีธนาธร ผู้อยู่ใน ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับ ๑ ของพรรคอนาคตใหม่

                "กกต.จะเอายังไง?"

                ดูรูปการณ์แล้ว กกต.จะใช้วิธี ประกาศรับรองให้ธนาธรเป็น ส.ส.ไปก่อน แล้วไปสอยทีหลัง

                คือ เรื่องคุณสมบัติและข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ ให้ไปจบกันที่ศาลโน่น

                นั่นก็เรื่องของโยม อาตมาไม่เกี่ยว!

                เบื่อจะสนใจ การเมืองเรื่องเลือกตั้ง มันเหมือนอุจจาระเหนียว จะสุดก็ไม่สุด คาก้นดุ๊กดิ๊ก ไปอย่างนั้นเรื่อยๆ  

                เผลอๆ "ยุบสภา" ก่อน ก็มีความน่าจะเป็น!

                รัฐธรรมนูญฉบับนี้ กำหนดให้ "เลือกตัวนายกฯ" ก่อน ส่วนการตั้งรัฐบาล เป็นเรื่องมาทีหลัง

                ฉะนั้น การดูการเมืองวันนี้ จะมองข้ามช็อตว่าซีกไหนเป็นฝ่ายตั้งรัฐบาล ก็มองได้

                แต่อาจเก๊กซิม

                เพราะ "เสียงก้ำกึ่ง" กันเหลือเกิน สรุปเบ็ดเสร็จ ฝ่ายไหนจะ "รวมเสียง ส.ส." ได้เกินครึ่ง ยังบอกยาก!

                ดังนั้น เพื่อไม่ต้องเก๊กซิม มองไปตามขั้นตอน จะสดชื่นเหมือนดื่มเก๊กฮวย

                คือเปิดสภาแล้ว ลุ้นใครจะได้เป็น "ประธานสภาผู้แทนราษฎร" ก่อน ตรงนี้ มันกว่ากันเยอะเลย

                เพราะตัวประธานสภาจะเป็นเข็มกระดิก ชี้ให้เราพอรู้ทิศ ว่าตัวนายกฯ มาจากทางไหน และน่าจะเป็นใคร?

                เมื่อได้ตัว "ประธานสภาผู้แทนราษฎร" แล้ว....

                ก็จะเรียกประชุมร่วม ๒ สภา คือสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา ๒๕๐ คน ที่จะประกาศให้ทราบสัปดาห์หน้านี่แหละว่าใครบ้าง

                ๕๐๐+๒๕๐ = ๗๕๐ คน....

                คือจำนวนสมาชิกรัฐสภา ที่จะประชุมโหวตเลือกตัวนายกฯ

                รอบนี้.......

                คนที่ถูกเสนอชื่อให้เลือกเป็นนายกฯ ต้องเป็นคนมีชื่ออยู่ในบัญชี "ว่าที่นายกฯ" ของแต่ละพรรค ที่ยื่นไว้กับ กกต.เท่านั้น

                คนที่ถูกเสนอ ได้รับเสียงโหวตจากที่ประชุมเกินกึ่ง คือ ใครได้ ๓๗๖ เสียงขึ้นไป

                คนนั้น ได้เป็น "นายกรัฐมนตรี" ไปจัดตั้งรัฐบาล!

                การโหวต.......

                รัฐธรรมนูญ ให้สิทธิเสรีภาพ ส.ส.-ส.ว.เต็มที่ โดยเฉพาะ ส.ส.จะเป็นอิสระจากพรรคสังกัด

                จะโหวตเลือกใครก็ได้ตามความพอใจ พรรคสังกัดจะใช้ "มติพรรค" มาบังคับ-ควบคุมไม่ได้!

                นี่คือขั้นตอนตามกฎ-กติกามารยาท ดังนั้น อย่าเพิ่งเป็นสวะลอยตามน้ำ กับข่าวปั้น-ข่าวปล่อย ที่ว่าจะเอา "คนนอก" มาเป็นนายกฯ

                ประเด็น "นายกฯ คนนอก" ยังไม่ต้องพูดถึง

                นั่นเป็นแค่ "ประตูฉุกเฉิน" ที่รัฐธรรมนูญเขียนเผื่อไว้ ในกรณี ส.ส.-ส.ว.เลือกตัวนายกฯ ไม่ได้เท่านั้น

                คือ โหวตแล้ว ไม่มีใครได้เกิน ๓๗๕ เสียง ก็ต้องให้ที่ประชุมลงมติขอใช้ประตูฉุกเฉิน

                ไว้ให้ถึงตอนนั้นก่อน ค่อยพูดเรื่อง "นายกฯ คนนอก"!        

                ตอนนี้ มีแต่ "พลเอกประยุทธ์" เท่านั้น........

                ไม่ใช่คาดหมาย

                แต่เป็นความถึงพร้อมและประชาชนต้องการให้รับหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ ต่อ

                เพื่อโครงสร้างในงานพัฒนาประเทศที่ลงหลักปักฐานไว้ จะได้เดินหน้าต่อไปตามแผน

                สำเร็จตามเป้า โดยไม่หยุดชะงัก เพราะการเมืองเรื่องแย่งกันกินเมือง

                เปลี่ยนตัวนายกฯ ตอนนี้ เหมือนเปลี่ยนเรือกลางน้ำเชี่ยว โอกาสคว่ำตายทั้งลำ มีมากกว่าจะรอด

                มันเป็นเรื่องอนาคตบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องคนชื่อประยุทธ์ หรือชื่อ นาย ก. นาย ข. นาย ค.

                ช่วงหัวเลี้ยว-หัวต่อศตวรรษ "สังคมเปลี่ยนโลก" จะปล่อยให้ "อำนาจล้มเมือง" เข้ามา "ล้มประเทศ" ไม่ได้!

                คนชื่อ "พลเอกประยุทธ์" ด้วยเวลา ๕ ปี ทดสอบให้เห็นแล้ว ถึงไม่ใช่ทองบริสุทธิ์ ๑๐๐%

                แค่ ๘๐-๙๐% ก็เหลือหลาย เหมาะแก่การงานแล้ว!

                ให้อีอีซีสร้างระบบขนส่งคมนาคมฐานรากที่กำลังตั้งไข่ลงตัวเป็นรูปธรรม

                จากนั้น พลเอกประยุทธ์จะไปเอาดีทางแต่งเพลง ก็ไปเลย ไม่มีใครเหนี่ยวรั้ง

                แต่ในช่วง ๕ ปีจากนี้ ควรต้องนิมนต์ท่านอยู่ก่อน!

                งานพระราชพิธี "บรมราชาภิเษก" ที่เพิ่งผ่านไป ชนิดไร้รอยตำหนิ

                สม "พระเกียรติยศ"

                สูงส่งความเป็นชาติด้วยรากขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี และแบบแผน แห่งไทย

                "ทุกขั้นตอน" ออกมางามงด อย่างที่เห็น นั่นเพราะ ส่วนหนึ่งมาจากความเอาใจใส่ มุ่งมั่น กตัญญู ของพลเอกประยุทธ์

                ของคณะรัฐบาล ทหาร-ตำรวจ และข้าราชการใหญ่-น้อย ทั้งมวล

                งานทำด้วยใจ กับงานทำด้วยหน้าที่ ผลที่ออกมา จะต่างกันมาก

                เพราะพลเอกประยุทธ์ "ทำด้วยใจ" นั่นแหละ

                พระราชพิธี "บรมราชาภิเษก" ดังเช่น การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราสถลมารค

                จึงเรียบร้อย สมพระเกียรติยศ

                เป็นดั่ง "สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์" ถึงปานนั้น!

                ทหาร-ตำรวจ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติภาคสนาม ที่ประกอบเป็นขบวนพระเกียรติยศทั้งหลาย

                "เหงื่อทุกเม็ด" ของท่าน...........

                โปรดรับรู้ ไม่ได้แห้งเหือดหายไป หากแต่มันหยดชุ่มขังอยู่ในหัวใจพี่น้อง ประชาชน

                ที่ร่วมกลางแดด กลางถนน และทั้งที่ตามชมการถ่ายทอดสดอยู่ตามที่ต่างๆ

                นายกฯ น่าจะปิดสนามม้าเชิญผู้ปฏิบัติภาคสนามเหล่านั้น มารับรู้ถึงความซาบซึ้งใจแทนประชาชนซักมื้อ

                สังคมประเทศ "ต่างคิด-ต่างเห็น" เป็นธรรมดา ก็เลือกดู-เลือกมอง ในสิ่งที่ถูกต้องตามครรลองบ้านเมืองเถอะ

                ที่ "แหกคอก-นอกกรอบ" ก็เช่นกัน........

                ต้องเป็นตามครรลองที่ "ต้องเป็น" ด้วย!

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"