ถึงคราว "คนรวย" เขาคุยกัน


เพิ่มเพื่อน    

                 เรื่องเยอะ....

                แต่จะหนักไปทางการบ้าน-การเมืองเรื่อง "ชิงเสียงตั้งรัฐบาล" ซะละก็มาก

                การตั้งรัฐบาล........

                ในโลกเป็นจริง ต้องใช้เวลาตามขั้นตอนพอสมควร

                แต่ "นาทีเดียว-ชั่วโมงเดียว" ยุคมนุษย์ทาสไอที บอก ช้าชิบ ห่ะ...!

                ก็น่าเห็นใจ เพราะคนทุกวันนี้ วงจรชีวิตเหลือวงรอบของความเป็นผู้มีใจฝึกแล้วประเสริฐน้อยมาก

                ความเป็นตัวของตัวเองจึงแทบไม่มี ต่างถูก "ขับเคลื่อน-ควบคุม" ด้วย "ความเร็ว" ผ่านข่าวสาร อันมี "โซเชียลมีเดีย" เป็นเครื่องมือ

                ฉะนั้น ทุกอย่างต้องเร็ว..เร็ว และเร็ว...

                "เร็วกว่าความเร็วแสง" ก็ยังช้ากว่า "ใจทาสไอที" กระหาย

                คิดแล้วก็น่ากลัวนะ....
                โลกยุค "ความเร็ว" แปลงมนุษย์เป็น "หุ่นยนต์หายใจ" มีไอทีเป็น "สมอง" ควบคุมความเป็นคน และสั่งการ

                "ความเร็ว" มันกินสติ กินสัมปชัญญะ กินความยับยั้งชั่งใจในความเป็นมนุษย์ไปหมดแล้ว

                ฉะนั้น ไม่ต้องแปลกใจ ที่เห็นคนใช้ "สติ-สัมปชัญญะ" รับรู้ และกรองเรื่องราว ก่อนส่งผ่านสู่ "การพูด-การคิด-การทำ"

                ......น้อยมาก!

                ปัจจุบัน ล้วนเคลื่อนไหว เพราะ "ไอที" สั่งกันแทบทั้งนั้น!

                ถ้าพอมีสติ แล้วหยุดมองตรงนี้บ้าง....

                เราจะไม่เหนื่อยแบบบ้าคลั่งตามเขาไปกับข่าวราวเรื่องเหมือนสวะลอยน้ำล้านชิ้นต่อชั่วโมง-นาที

                ไม่ต้องดูอะไรมาก กกต.ประกาศรายชื่อ ส.ส.เขต วันที่ ๘ พ.ค. ประกาศรายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ๙ พ.ค.

                ถ้าเป็นคลอดลูกหมา-ลูกแมว ก็เรียกว่า เพิ่งหลุดจากตูด ตัวยังเปียกๆ อยู่เลย

                แต่ในโลกของความเร็วทางข่าวสาร มันไปแล้ว....

                ยังคาตูดเห็นดิ๊กๆ

                สังคมเครือข่าย "ตั้งรัฐบาล" เสร็จสรรพ พรรคไหน ใครเป็นรัฐมนตรีกระทรวงไหน ผ่านโลกข่าวสารไอทีไปแล้ว!?

                เรียกว่า สื่อสารยุคไอที มัน "เบิกข่าว" ในอนาคตมาขายในปัจจุบันไปเกลี้ยง

                วันนี้....

                นายกฯ ข่าวก็ตั้งกันแล้ว รัฐบาลก็ตั้งแล้ว รัฐมนตรีก็มีแล้ว ก็สงสัยว่า

                แล้วพรุ่งนี้ ข่าวสารยุคไอที จะเอา "ข่าวอนาคต" อะไรมาขาย เพื่อสนองตอบความ "กระหายเร็ว" ของหุ่นยนต์มนุษย์แบบไหนอีก?

                เทคโนโลยีไอที จะว่าไป....

                ก็ไม่ต่าง "หมอดู" ผู้เอาอนาคต "จริงบ้าง-เท็จบ้าง" มาขายในปัจจุบัน สำหรับคนบางคน

                อดีตกาล มนุษย์มีโทรจิตใช้ ด้วยญาณ

                ปัจจุบันกาล มนุษย์มีโทรศัพใช้ ด้วยเทคโนโลยี

                อนาคตกาล ผมมองดูแล้ว ต่อให้ ๕ จี เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก สร้างมนุษย์ AI ขึ้นแข่งมนุษย์มีหัวใจได้ก็จริง

                ๕ จี ด้วย AI ก็ยังช้ากว่าโทรจิต ด้วยญาณอยู่ดี!

                สรุปแล้ว สูงสุด ไม่ใช่เทคโนโลยี ในโลกของคนรู้

                "ญาณ" คือ การทำงานของปัญญา กำหนดรู้สิ่งนั้นๆ ได้ด้วยอำนาจสมาธิและวิปัสสนา

                นั่นแหละ "โทรจิต" ที่กรองแล้ว.....

                เหนือ "เทคโนโลยี" ว่าด้วย "ความเร็ว" อันไม่มีสติ-สัมปชัญญะกรอง ตลอดกาล!

                เพราะอย่างนี้ ผมเลยไม่รู้จะเอาอะไรมาคุย ในเมื่อปัจจุบัน เหตุการณ์ยังย่ำอยู่กับที่

                ครั้นจะคุยแบบ "เอาอนาคตมาขาย" ใครเป็นนายกฯ เป็นรัฐบาล จะล่มวันไหน หรือไม่ล่ม

                "ธนาธร-ปิยบุตร" จะได้ครองเมือง เปลี่ยนเป็นธนาธรประเทศก่อน หรือได้ลอดช่องธรรมชาติก่อน?

                มันก็คุยวันนี้ได้ แต่มันใช่ในวันพรุ่งนี้ ปะรืนนี้มั้ย...นั่นไม่รู้!

                และอีกอย่าง วันต่อๆ ไป ผมก็ต้อง "เบิกอนาคต" มาคุยล่วงหน้าสะสมอย่างนั้นไปเรื่อยๆ จะได้ประโยชน์อะไร

                ในเมื่อเอาล่วงหน้ามาคุยไปเป็นปีๆ แล้ว แต่ในความเป็นจริงปัจจุบัน

                ยังด่า กกต.กันไม่หายมันปากเลย ในสูตร "ทุกคะแนนไม่ตกน้ำ"

                ก็อย่าให้ความเร็วมากำหนดชีวิตเรามากนักเลย ให้ไอทีมันเป็นทาสเราดีกว่า

                อย่าให้มันมาเป็นนาย ให้มันบังคับขับไสเราต้องเร็ว..เร็ว..สนองตอบกระหายความใคร่รู้ไปกับการไถมือถือมากนัก!

                ซีกไหน ใครตั้ง ใครเป็นนายกฯ ใครเป็นรัฐบาล ก็ปลงซะบ้าง...แม่จำเนียร

                เมื่อทุกอย่างเข้ากระบวนการ เลือกกันมาเองด้วยมือ-ด้วยตีนของเรา ท่านผู้ทรงเกียรติเหล่านั้นน่ะ

                ก็ดูไปแต่ละขั้นตอน ไม่ต้องไปวิตก ว้าวุ่นอะไรจนเกินเหตุ ใครจะมากินเมือง สร้างเมือง ล้มเมือง

                ก็ "ช่างหัวมัน" ซะบ้าง!

                เชื่อเถอะ "ทุกอย่าง" มันมีกำหนดไว้ในแผ่นดิสก์จักรวาลหมดแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมี

                มีคู่กับการเกิด "สุโขทัย-อยุธยา-ธนบุรี-รัตนโกสินทร์" ในความเป็น "ประเทศไทย" มาแต่อดีตกาลนานโพ้นโน่นแล้ว

                อยากพิสูจน์ว่าที่ผมพูด จริงหรือโม้

                ก็ฝึกให้มี "ปัญญาญาณ" สิ.......

                แล้ว "อตีตังสญาณ, อนาคตังสญาณ และปัจจุปปันนังสญาณ" จะทำให้มองเห็น ยิ่งกว่าเปิดถ้วยไฮโลแทง!

                อยากกันนัก อยากเป็นคนรุ่นใหม่ หลงเข้าใจตัวเอง ตีราคาตัวเองกันว่า คนเพิ่งเกิดวานซืน เป็นคนทันสมัย ทันยุค โก้เก๋

                ผมอ่านข่าวเมื่อวาน........

                นิตยสาร Forbes Thailand ประกาศรายชื่อ ๕๐ อภิมหาเศรษฐีไทย ประจำปี ๒๖๖๒

                มีรุ่นใหม่แกะกล่องซักตัวมั้ย?

                รายชื่อเหล่านั้น บ่งบอก "ผู้สร้าง" คือ "คนรุ่นเก่า" แล้ว "ส่งผ่าน" สานต่อกันไปรุ่นต่อรุ่น

                นั่นคือ "เก่าในใหม่-ใหม่ในเก่า" หมุนเวียนในทางเกื้อกูลส่งต่อกันไป

                มีแต่ไอ้เบื๊อกบางตัวเท่านั้น "แยกตัว-แยกรุ่น" ทำเป็นผู้วิเศษ สร้างโก้ ด้วยทัศนคติ "ชังแผ่นดิน" ที่มาอาศัยอยู่

                ก็ลองพิจารณาดูซี........

                รายชื่อตระกูลและมหาเศรษฐี ๑๐ อันดับแรกของไทย

                อันดับ ๑

                พี่น้องเจียรวนนท์ "เครือเจริญโภคภัณฑ์" มูลค่าทรัพย์สิน ๙.๔๑ แสนล้านบาท

                อันดับ ๒

                ตระกูลจิราธิวัฒน์ "กลุ่มเซ็นทรัล" มูลค่าทรัพย์สิน ๖.๗๐ แสนล้านบาท

                อันดับ ๓

                เฉลิม อยู่วิทยา "กระทิงแดง" มูลค่าทรัพย์สิน ๖.๓๕ แสนล้านบาท

                อันดับ ๔

                เจริญ สิริวัฒนภักดี "ไทยเบฟเวอเรจ" มูลค่าทรัพย์สิน ๕.๑๗ แสนล้านบาท

                อันดับ ๕

                สารัชถ์ รัตนาวะดี "กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี" มูลค่าทรัพย์สิน ๑.๖๖ แสนล้านบาท

                อันดับ ๖

                อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา "คิง เพาเวอร์" มูลค่าทรัพย์สิน ๑.๕๐ แสนล้านบาท

                อันดับ ๗

                นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ "กรุงเทพดุสิตเวชการ"

มูลค่าทรัพย์สิน ๑.๐๘ แสนล้านบาท

                อันดับ ๘

                ตระกูลโอสถานุเคราะห์ "โอสถสภา" มูลค่าทรัพย์สิน ๙.๕๗ หมื่นล้านบาท

                อันดับ ๙

                วานิช ไชยวรรณ "ไทยประกันชีวิต" มูลค่าทรัพย์สิน ๙.๐๙ หมื่นล้านบาท

                อันดับ ๑๐

                สมโภชน์ อาหุนัย "พลังงานบริสุทธิ์" มูลค่าทรัพย์สิน ๙.๐๓ หมื่นล้านบาท

                แต่ละคน-แต่ละตระกูล หมุนอยู่ในวัฏฏะ "เก่าสู่ใหม่-ใหม่สู่เก่า" ซึ่งเราควรมองในทางเกื้อ

                ไม่ใช่ใช้ความใหม่ด้วยกาลเวลาเกิดวันนี้ ไปมองในทางหมิ่นทำลายเก่าด้วยกาลเวลาสร้างเมื่อวาน

                อย่างนั้น เขาเรียก "ใหม่..สันดานเนรคุณ"!

                ผมดู ๑๐ ตระกูลมหาเศรษฐีด้วยความสงสาร จะเรียกว่า "สงสารเศรษฐี" ก็ไม่ผิด

                ผมเองรวยแค่เฉี่ยวๆ หมื่นล้าน ยังทุกข์แทบจะบ้ารายวัน

                แล้วแต่ละคน-แต่ละตระกูล รวยเป็นหมื่น-เป็นแสนล้าน นึกหรือว่าเขาจะมีความสุข?

                คนไม่เคยรวยไม่รู้หรอกว่า การมีทรัพย์สมบัติมาก มันทุกข์ขนาดไหน?

                จะรู้ก็สำหรับคนและตระกูลที่รวยแล้ว "ให้" ในทางแบ่งปันสรรค์สร้างคืนกลับสู่สังคมบ้างเท่านั้น

                แบบนั้น นอกจากรวยแล้วไม่ทุกข์

                ความรวยนั้น ยังจะอำนวยผลให้รวยด้วยสุขต่อเนื่องทั้งชาตินี้ ชาติหน้า บอกไม่เชื่อ

                ที่จริงนะ ที่เขาประกาศอันดับมหาเศรษฐีกัน ประกาศเพื่ออะไร?

                เพราะประกาศทีไร มีแต่คนอิจฉาและแช่งเศรษฐีทีนั้น!

                ถ้าประกาศเพื่อให้โลกจำ-โลกสรรเสริญล่ะก็

                เอาแบบนี้ซี.....

                เปลี่ยนจากอันดับรวยด้วยมูลค่าทรัพย์สิน ไปเป็นรวยด้วยจำนวนเงินที่จ่ายผ่าน "ภาษี" ประจำปี แล้วจัดเป็น

                อันดับ "คนจ่ายภาษีมาก"

                แบบนี้ คนจำในทางสรรเสริญกัน ๓ โลกเลย.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"