
"ราชทัณฑ์" ปล่อยตัว "5 แกนนำพันธมิตรฯ" ออกจากเรือนจำ หลังได้รับพระราชทานอภัยโทษ ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ร.10 ลั่นพร้อมทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติต่อไป "สุริยะใส" เตรียมเขียนหนังสือเรื่องเล่าในเรือนจำ "ไผ่ ดาวดิน" ก็ได้อิสรภาพ ระบุขออยู่กับครอบครัวก่อนคิดเรื่องอื่น "อธิบดีกรมคุก" มั่นใจผู้พ้นโทษกลับสู่สังคมได้อย่างปกติสุข ขอสังคมให้โอกาสทำงาน
ที่ด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ วันที่ 10 พ.ค. เวลา 08.00 น. กลุ่มผู้สนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จำนวนมากมารอรับ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 83 ปี, นายพิภพ ธงไชย อายุ 72 ปี, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 68 ปี, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 72 ปี และนายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 45 ปี ซึ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
กระทั่งเวลา 09.50 น. แกนนำพันมิตรฯ ทั้ง 4 ราย ประกอบด้วย นายพิภพ, นายสมเกียรติ, นายสมศักดิ์ และนายสุริยะใส ได้เดินออกจากประตูเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมผู้ต้องขังรายอื่นๆ โดยแกนนำพันธมิตรฯ ต่างมากราบพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายสมเกียรติกล่าวว่า ในฐานะพสกนิกรของพระองค์ท่าน ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง เป็นเรื่องน่ายินดี ทั้งนี้ ตนได้ศึกษาพระราชกฤษฎีกา พบว่าในพระราชกฤษฎีกาครั้งนี้มีความพิเศษคือ 1.ก่อนจะปล่อยนักโทษออกจากเรือนจำนั้น ทางกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงกลาโหมมีการจัดอบรมหลักสูตร 5 วันเตรียมการนักโทษก่อนปล่อยตัว เมื่อนักโทษรู้ว่าจะได้ปล่อยตัว ก็ถึงกับส่งเสียงดังเลยทีเดียว
"2.ในมาตรา 17 ของพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ มี 7 หน่วย ประกอบด้วย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เข้ามาดูแลช่วยเหลือประชาชนไม่ให้นักโทษที่ได้รับการปล่อยตัวไปกระทำผิดซ้ำอีก ถือว่าเป็นพระราชปณิธานของพระองค์ ที่ต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข ให้คนเป็นคนดี" นายสมเกียรติกล่าว
ส่วนนายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนถือว่าได้ทำหน้าที่ในฐานะปวงชนชาวไทยในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ เมื่อศาลมีคำตัดสินก็เคารพไม่ได้หลบหนี เมื่อออกจากเรือนจำแล้วก็จะทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติต่อไป
"เราจะตรวจสอบเรื่องการทุจริตและความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งในส่วนนายสนธิ ลิ้มทองกุลนั้น พวกผมไม่ได้พบที่เรือนจำ แต่เจอกันที่ใต้ถุนของศาล ก็สบายดี แต่ก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพ" นายสมศักดิ์กล่าว
ด้านนายสุริยะใสกล่าวว่า จากนี้ไปถือเป็นบทเรียนชีวิต การติดคุกไป 87 วัน ก็ได้คิดทบทวน แต่ยืนยันว่าไม่เปลี่ยนแนวทาง พร้อมพิสูจน์ความสุจริตในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าคำตัดสินศาลจะเป็นอย่างไร การหนีคดี การวิจารณ์ศาลไม่ทำให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้น จากนี้ก็จะสู้คดีต่อไป
"ผมขอขอบคุณทางเรือนจำ ผมไม่อยากให้มองนักโทษว่าเป็นขยะ เป็นคนเลว ต้องปรับทัศนคติตรงนี้ ขอเรียกร้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเพื่อช่วยให้เกิดความสงบสุข ทั้งนี้ ในเรือนจำได้พบคนเสื้อแดง ก็ได้นั่งคุยกันทั้งเรื่องการเมือง ชีวิต เห็นอกเห็นใจกัน ก็ได้สรุปบทเรียนของใครของมัน แกนนำก็วิจารณ์ความผิดพลาดของตัวเอง ได้วิจารณ์ตัวเอง จากนี้แต่ละคนก็คงจะเขียนหนังสือบอกเล่าเรื่องราวในเรือนจำตามความถนัดของใครของมัน ส่วนการเคลื่อนไหวของพวกผม ขอเรียนว่าแกนนำได้ยุติบทบาทไปแล้ว ที่ผ่านมาก็ติดคุก ไม่ได้อ่านข่าว ตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหว ต้องมาพูดคุยกันอีกที" นายสุริยะใสกล่าว
นายพิภพกล่าวเช่นกันว่า อยากให้มีการทบทวนกระบวนการยุติธรรม ไม่ให้ส่งคนเข้าคุกอย่างเดียว ต้องมีระบบใหม่ ตนอยากให้คณะนิติศาสตร์ทั่วประเทศไม่ให้สอนกฎหมายแบบท่องจำ แต่ต้องวิจัยหาวิธีการให้คนเข้าคุกน้อยสุด รวมถึงมหาวิทยาลัยทั่วประเทศควรมีวิชาคุกศึกษา เพื่อให้รู้ว่าคุกนั้นจริงๆ เป็นอย่างไร
ต่อมาเวลา 10.50 น. ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีการปล่อยตัวผู้ต้องขังอื่นๆ รวมทั้ง พล.ต.จำลองด้วย
พล.ต.จำลองกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ตนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องขัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นนายสุริยะใสได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว สุริยะใส กตะศิลา ภายหลังจากได้รับพระราชทานอภัยโทษและได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำเป็นครั้งแรก โดยมีข้อความตอนหนึ่งว่า "ตลอดทั้ง 87 วันที่ผมอยู่ในเรือนจำ มันเต็มไปด้วยเรื่องเล่ามากมายที่สังคมควรได้รับรู้ ได้สัมผัส และอาจเปลี่ยนทัศนคติและมุมมองต่อผู้ต้องขังหรือนักโทษได้บ้าง อย่างน้อยๆ พวกเขาควรได้โอกาสแก้ตัว เรื่องเล่ามากมายในเรือนจำ ผมจะขอถือโอกาสเป็น “ผู้เล่าเรื่อง” แทนพวกเขา ผ่านหนังสือและบันทึกที่ผมเขียนไว้ในเรือนจำนะครับ พบกันเร็วๆ นี้ครับ"
ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น นายสันติ เหล่าบุญเสงี่ยม รอง ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานในพิธีปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รอบแรก จำนวน 100 คน และในจำนวนดังกล่าว มีนายจตุรภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ผู้ต้องขังซึ่งได้รับโทษตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษและได้รับการปล่อยตัวรวมอยู่ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากพ่อและแม่ของไผ่ ดาวดิน ที่มารอรับแล้ว ยังมีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และ น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมไปถึง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และผู้สัมคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ มาร่วมต้อนรับไผ่ ดาวดินด้วย
นายจตุภัทร์ หรือไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานอภัยโทษ เมื่อออกมาสู่ภายนอกของการมีอิสรภาพ ก็คงต้องปรับตัวก่อน ส่วนการต่อสู้หรือการร่วมกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตย หรือกิจกรรมทางการเมือง หรือกิจกรรมทางด้านมนุษยชนต่างๆ นั้น คงล้มเลิกไม่ได้ และจะทำต่อไป แต่ตอนนี้ยังไม่มีการวางแผนใดๆ ขอใช้อิสรภาพและอยู่กับครอบครัวก่อน เรื่องอื่นๆ ค่อยว่ากัน
ขณะที่ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า การพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้ กรมราชทัณฑ์คาดว่าจะมีผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวประมาณ 3-5 หมื่นคน และได้รับการลดโทษอีกจำนวนมาก โดยกรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ได้แก่ การให้การศึกษา การพัฒนาจิตใจและส่งเสริมศีลธรรมจรรยาด้วยหลักสูตรสัคคสาสมาธิของหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธฺโร และการฝึกอบรมวิชาชีพในหลักสูตรระยะสั้น เพื่อเตรียมตัวกลับสู่สังคมได้อย่างมีคุณภาพ
"หลังจากพ้นโทษแล้วยังได้เตรียมแผนรองรับการช่วยเหลือผู้พ้นโทษ ซึ่งได้บูรณาการเครือข่ายภาครัฐ และสังคม ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตาม ดูแล และช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้มิให้กลับไปกระทำผิดซ้ำอีก" พ.ต.อ.ณรัชต์กล่าว
อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวว่า กระบวนการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย และเครือข่ายภาคสังคมที่เข้ามามีส่วนร่วมในครั้งนี้ จะสามารถทำให้ผู้พ้นโทษได้กลับสู่สังคมได้อย่างปกติสุข และหวังว่าสังคม ตลอดจนผู้ประกอบการหรือห้างร้านบริษัทต่างๆ จะให้โอกาสผู้พ้นโทษเข้าทำงานร่วมให้กำลังใจ และเปิดใจยอมรับผู้ก้าวพลาด ให้ได้กลับตัวเป็นคนดีของสังคม เพื่อไม่ให้เขาเหล่านั้นหวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก
ทั้งนี้ นักโทษในเรือนจำกลุ่มลาดยาวที่จะทำการปล่อยผู้ต้องขังที่ได้รับอภัยโทษรอบแรกวันที่ 10 พ.ค 62 มีจำนวนทั้งสิ้น 670 ราย ประกอบด้วยเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 238 คน, ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 72 ราย, ทัณฑสถานหญิงกลาง 218 คน, เรือนจำกลางคลองเปรม 49 คน, ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง 102 คน.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |